เราสามคน

1154 คำ
ตอนที่ 6 แล้วก็ใกล้ถึงช่วงวันหยุดยาวของสงกรานต์ปีนี้ เมญารินทร์และติณห์ภัทรก็เตรียมจองที่พักสำหรับท่องเที่ยวเชียงใหม่เอาไว้ล่วงหน้า พอวันหยุดยาวมาถึงทั้งคู่ก็พามารดานั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ จุดหมายปลายทางเพื่อส่งมารดาไว้กับคุณลุงจำเนียรพี่ชาย พัชรินทร์ขอนั่งหน้าเธออ้างว่าเวียนหัว เมญารินทร์จึงยอมเสียสละไปนั่งข้างหลัง พร้อม ๆ กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ แต่สำหรับรถเอสยูวีเจ็ดที่นั่งแล้วก็ถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยได้อย่างกว้างขวางสำหรับคนสามคนและกระเป๋าสามใบรวมไปถึงของฝากอีกเพียบ 17.00 น. พัชรินทร์โทรหาจำเนียรพี่ชายก่อนจะถึงเพียงเล็กน้อย คุณลุงจำเนียรเตรียมการต้อนรับเอาไว้เป็นอย่างดี โดยคืนนี้คุณลุงบอกกับพัชรินทร์น้องสาวว่าจะมีร้องคาราโอเกะและกินหมูกระทะกันที่บ้านเพราะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว และทั้งสามคนก็ตั้งใจกันตั้งแต่แรกแล้วว่าคืนนี้จะนอนที่บ้านของคุณลุงจำเนียร พอรุ่งเช้าเมญารินทร์และติณภัทรก็ค่อยออกเดินทางไปเที่ยวยังจุดหมายต่าง ๆ แล้วก็ไปพักที่ม่อนแจ่มตามกำหนดการณ์ ซึ่งครั้งนี้พัชรินทร์ตกลงที่จะคอยทั้งคู่อยู่ที่บ้านของพี่ชาย บ้านไม้สักใต้ถุนสูงเป็นกึ่งไม้กึ่งปูนสวยงามมากด้านหน้ารับลมเย็นสบาย ส่วนด้านหลังทำเป็นห้องนอนและด้านข้างเป็นลานจอดรถสามคันกว้างขวาง บรรยากาศหน้าบ้านเป็นสนามหญ้าเล็ก ๆ เงียบสงบร่มรื่นตามสไตล์ของบ้านสวนชนบทที่สวยหรูดูแพงน่าอยู่ ติณห์ภัทรขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของคุณลุงจำเนียร สาวรับใช้ชาวพม่าที่เดินมาเปิดประตูรั้วให้ เดินกลับมาต้อนรับทั้งสามคนขณะที่กำลังลงจากรถ เธอช่วยคุณพัชรินทร์ยกกระเป๋าเข้ามาเก็บภายในห้องรับแขก ปัจจุบันนี้การสร้างบ้านสไตล์ปูนเปลือย นับว่าเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางเพราะมีสไตล์ที่โดดเด่นสวยงาม มีความผสมผสานระหว่างสมัยใหม่กับสมัยเก่าเข้าด้วยกัน สวยเรียบหรูดูมีราคา และก็ช่างถูกใจคนที่เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกอย่างเมญารินทร์ “บ้านคุณลุงของพี่ติณห์เนี่ยสวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยชมเมื่อสายตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ “พี่ก็ชอบ เดี๋ยวนี้บ้านสไตล์นี้กำลังฮิตเลย เพราะมีการผสมผสานระหว่างบ้านคอนกรีตกับผนังไม้มีการสะท้อนความสวยงามในแบบฉบับบ้านไทยในสมัยก่อน มันดูลงตัวแล้วก็สวยงามเลยแหละ” “มาทางนี้สิ เดี๋ยวพี่พาไปสวัสดีคุณลุงก่อน” ติณห์ภัทรจูงมือแฟนเข้าไปภายในบ้าน คุณลุงจำเนียรอยู่กับหลานชายเพียงสองคน สงกรานต์ปีนี้ลูกชายของคุณลุงไม่ได้กลับบ้านเพราะต้องทำงาน ติณห์ภัทรเดินเข้ามาภายในบ้านไม่เห็นคุณลุงก็เลยพาเมญารินทร์เดินลัดเลาะไปทางด้านหลัง ก่อนจะเห็นคุณลุงยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ จึงพาภรรยาสาวเข้าไปทำความรู้จักกับคุณลุงจำเนียรก่อนที่มารดาของเขาจะตามมาในภายหลัง สองพี่น้องที่นาน ๆ เจอกันทีก็โผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง ติณห์ภัทรถามถึงศุภกิจลูกพี่ลูกน้องที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ “พี่กิจ ไม่ว่างกลับปีใหม่เลยเหรอลุง” “มันเพิ่งเลิกกับเมียนะสิ ก็เลยบ้างานอยู่ทำพิเศษช่วงหยุดยาวต่ออีก นี่มันก็ฝากหลานเอาไว้ให้ลุงเลี้ยงคนหนึ่ง ปันปัน สวัสดีผู้ใหญ่ก่อนสิลูก” หลานชายคุณลุงวัยห้าขวบยกมือไหว้ทั้งสามด้วยความนอบน้อม เมญารินทร์รู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้จึงเข้าไปกอดกับปันปัน พัชรินทร์แสยะยิ้มเล็กน้อยที่เห็น คืนนั้นทั้งสามคนก็อยู่ร่วมฉลองสงกรานต์กันที่บ้านของคุณลุงจำเนียร์ ตรงบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้านถูกจัดให้เป็นสถานที่ฉลองกันในค่ำคืนนี้ พัชรินทร์อาสาไปยืนปิ้งบาร์บีคิวให้กับทุกคน ส่วนคุณลุงก็ชงเหล้ามาเสิร์ฟกับทุกคนเช่นกัน แต่เมญารินทร์เธอขอไม่ดื่ม และก็นั่งปิ้งหมูกระทะให้กับเด็กน้อยและทุกคน ติณห์ภัทรที่รักภรรยาหลังจากคุณลุงจำเนียรคะยั้นคะยอให้เธอดื่ม เขาจึงคว้าแก้วเหล้าไปดื่มแทนภรรยา พัชรินทร์ที่เห็นดังนั้นก็แสดงอาการไม่พอใจ ที่ลูกชายเป็นห่วงภรรยาสาวออกหน้าออกตา “อย่าดื่มหนักนะตาติณห์ พรุ่งนี้จะขับรถเที่ยวไม่ไหวเอา” เสียงของพัชรินทร์เตือนลูกชาย “เหอะน่า!..ไอ้พัช แหม่!!..ดื่มนิด ๆ หน่อย ๆ จะเป็นไรไป” คุณลุงจำเนียรต่อว่าน้องสาวที่พูดดักคอลูกชาย ติณห์ภัทร์ที่คอไม่แข็งเท่าคุณลุง เขาดื่มเพียงไม่กี่แก้วก็หน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก พัชรินทร์ที่เห็นดังนั้นก็จะรีบพาลูกชายไปนอน แต่ถูกพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน “มันไม่เมาเท่าไหร่หรอก ไอ้พัช แหม่!!.. ดื่มแค่สองสามแก้วเอง หน้ามันแค่แดง ๆ ก็คนมันผิวขาวนี่หว่า ไม่ใช่ดำอย่างฉันสักหน่อย ที่กินแล้วจะได้ดำกว่าเดิมน่ะ” “พี่ก็เพลา ๆ มั่งเหอะ ดื่มเหล้านัก ๆ เดี๋ยวตับก็พังหมดหรอก” พัชรินทร์เริ่มหัวเสียเล็กน้อย “นาน ๆ ทีไอ้พัช โธ่!... หลานอุตส่าห์มาหาชั้นทั้งทีนะโว้ย” เมญารินทร์ไปยืนปิ้งฮอตดอกให้เด็กน้อย แต่ก็แอบฟังสองพี่น้องสนทนากัน เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงพัชรินทร์ก็ทนไม่ไหวจึงขอพาตัวลูกชายไปนอนจนได้ เพราะติณห์ภัทรเริ่มสนทนาไม่รู้เรื่อง เขามีอาการเมามายมากขึ้นเรื่อย ๆ “เฮ่อ!!..จริงเลย..ไอ้พัช!!! จนป่านนี้แล้ว ยังเห็นลูกเด็ก ๆ ไปได้ ดีนะที่ลูกเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงแล้วหวงแบบนี้ละก็ ชาตินี้ก็ไม่มีผัว” เมญารินทร์มองตามหลังสองแม่ลูกไปขณะที่ลุงจำเนียรบ่นตามหลัง ก่อนที่คุณลุงจำเนียรจะหันมาพูดกับเธอ “หนูเมญ่าไม่เบื่อบ้างรึ!.. ที่แฟนเป็นลูกแหง่..ติดแม่แบบเนี่ย” “อันที่จริงพี่ติณห์เค้าก็ไม่ได้เป็นลูกแหง่หรอกค่ะ แต่ที่ต้องตามใจแม่เพราะคุณแม่พี่ติณห์เค้าเป็นซึมเศร้าค่ะ..คุณลุง” “หึ!..เอาแต่ใจละสิไม่ว่า...ไอ้พัชมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม