บทที่ 6 ถ้าไม่มีค่า...ก็แค่ปล่อยมือ

938 คำ
เสียงฝีเท้าที่ขยับมาใกล้ทำให้สิรินดาดึงสายตาไปมอง แต่ไม่ได้แสดงสีหน้ายินดียินร้ายอะไร “ส่งมาไจ๋ พี่จะตัดให้เอง” ชายหนุ่มแบมือขอกรรไกร “ไจ๋ทำเองได้” หญิงสาวปฏิเสธและขยับตัวหนี แต่มีหรือที่ดลวัฒน์จะยอม ชายหนุ่มรั้งมือเล็กไว้แล้วทำหน้าดุใส่ “หยุดก่อเรื่องสักวันเถอะ” “ก่อเรื่อง?” หญิงสาวทวนคำแล้วแสยะยิ้มเจ็บปวด “ไจ๋ทำอะไรพี่ก็มองเป็นภาระ มองไจ๋เป็นตัวปัญหาตลอดเวลาเลยสินะคะ” “อย่าชวนพี่ทะเลาะ ส่งมา จะเอากี่ดอก จะได้กลับ แม่เป็นห่วงเธอ” หญิงสาวเบี่ยงตัวหนี ก่อนหันไปเลือกดอกที่พิจารณาดูแล้วว่าสีสวยและสมบูรณ์ที่สุด จากนั้นจึงใช้กรรไกรตัดมัน เพราะเธอเองก็อยากจะพิสูจน์ว่าเธอไม่ได้เป็นแบบที่ถูกปรามาสไว้ เธอไม่ใช่ตัวภาระ “ทำไมเธอต้องชอบทำให้พี่โกรธ” “พี่ก็โกรธไจ๋ทุกเรื่องอยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวหันไปบอกหน้านิ่งๆ แต่น้ำเสียงและแววตาส่อได้ถึงความตัดพ้อและน้อยใจ ดลวัฒน์สัมผัสความรู้สึกนั้นได้ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรก็มีเสียงหนึ่งดังขัดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนต้องหยุดบทสนทนามาให้ความสนใจกับคนมาใหม่ “คุณไจ๋คะ มันหมดแล้วนะคะ แต่พี่แบ่งที่ซื้อไว้มาให้ค่ะ” วิมลยื่นมะยมเชื่อมมาให้พร้อมกับส่งเงินจำนวนหนึ่งคืน “ไม่เป็นไรค่ะพี่มล เก็บไว้ให้พวกเด็กๆ เถอะค่ะ” หญิงสาวส่ายหน้าไวๆ แล้วดันสิ่งที่อีกฝ่ายยื่นมาคืนไป เธออยากกิน แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้น เพียงแค่มันทำให้นึกถึงวัยเด็กตอนที่บิดาซื้อให้กิน “ไว้คราวหน้าไจ๋ค่อยมากินค่ะ” สิรินดายิ้มให้วิมลอย่างขอบคุณ แล้วย่ำเท้ามุ่งกลับบ้าน ป่านนี้จารวีน่าจะเป็นห่วงแล้วจริงๆ อย่างที่ดลวัฒน์ว่า จารวีดีกับเธอมาก ท่านคงรู้ว่าเธอขาดแม่มาตั้งแต่เด็กๆ ถึงให้ทั้งความรักและความเมตตาขนาดนี้ อีกทั้งยังคอยเป็นที่ปรึกษาให้เสมอ ที่สำคัญท่านไม่เคยเข้าข้างลูกชาย หญิงสาวไม่ให้ความสำคัญกับคนที่กำลังเดินตามมา ส่วนคนหัวเสียก็ได้แต่เดินชกลมชกอากาศ เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ห่วยบรมสำหรับดลวัฒน์ เขาถูกแม่บ่นไม่พอ ยังต้องมารับมือกับคนดื้อรั้นอีก บทที่ 6 ถ้าไม่มีค่า...ก็แค่ปล่อยมือ ในวันรุ่งขึ้นดลวัฒน์พาสิรินดากลับเข้าสู่เมืองฟ้าอมร ทว่ายังไม่ทันจะจอดรถที่หน้าบ้านสนิทดีเขาก็ถูกเรียกตัวกะทันหันเพราะหมอที่เข้าเวรเกิดเรื่องฉุกเฉินจนไม่สามารถมาทำหน้าที่ได้ หลังจากนั้นเขาก็ยังต้องอยู่จัดการเอกสารที่ผู้เป็นย่าโยนมาให้รับผิดชอบต่อ บางครั้งดลวัฒน์อยากจะทำเป็นไม่สนใจหน้าที่บริหาร แต่เมื่อนึกถึงบิดาที่เขารู้ว่าท่านรักโรงพยาบาลนี้เพียงใด ก็ทำให้เขาไม่อาจทำตามความคิดนั้นได้ อีกทั้งยังไม่ได้คิดจะเนรคุณธิตา จนไม่สนใจความเหน็ดเหนื่อยของผู้เป็นย่า ชายหนุ่มรู้ดีว่าวันนี้คงต้องกลับดึกอีกเช่นเคย จึงส่งเมสเซจสั้นๆ ไปให้ภรรยา DONN : วันนี้พี่กลับดึก ทว่าครั้งนี้กลับไม่มีข้อความใดๆ ส่งกลับมา หัวคิ้วที่รับกับใบหน้าหล่อเหลาเลิกขึ้นสูง นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เขาไม่ได้รับข้อความตอบกลับ หากเป็นปกติเธอจะส่งกลับเสมอ ให้ไจ๋ไปรับไหมคะ อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ไจ๋จะทำให้ พี่ดลจะได้หายเหนื่อย สู้ๆ นะคะ ถึงกระนั้นดลวัฒน์ก็ไม่ทันจะได้ใส่ใจอะไรมากนัก เพราะห้องถูกเคาะจากฝีมือของเลขาฯ ผู้เป็นย่า ซึ่งหอบงานกองโตมาให้เพิ่ม ชายหนุ่มต้องโยนโทรศัพท์มือถือกลับไปที่เดิม แล้วจึงเร่งสะสางงานตรงหน้าให้แล้วเสร็จ กลับมาถึงบ้านก็พบว่าสิรินดาเข้านอนไปแล้ว เขาจัดการอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะทิ้งกายลงนอนบนเตียงและเข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างรวดเร็ว พอแสงตะวันของเช้าวันใหม่สาดส่องผ่านบานหน้าต่างห้องนอนเข้ามา บ่งบอกว่าหน้าที่ของหมอดลวัฒน์ได้เริ่มต้นใหม่ในอีกวันเช่นกัน ทุกๆ อย่างดูเหมือนเป็นวันธรรมดาทั่วไป เพียงแต่วันนี้คนที่มักจะรอกินข้าวเช้าพร้อมดลวัฒน์เสมอกลับไม่ได้เอาตัวเองมาให้เห็นแบบทุกวัน คุณหมอคำรามในลำคอเบาๆ ก่อนส่ายหน้า ก่อนจะมองสำรวจ พบว่าหญิงสาวกำลังถือสายยางรดน้ำดอกกุหลาบที่ออกดอกมาบ้างแล้ว สิรินดาชอบดอกไม้ เธอจึงมักไปเดินเล่นที่สวนจตุจักรเพื่อซื้อดอกไม้นานาพรรณมาแซมปลูกใหม่อยู่เสมอ เมื่อได้ยินเสียงกดรีโมตเปิดรถ หญิงสาวก็หันหน้าเล็กไปมองเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น แล้วกลับไปสนใจมวลดอกไม้เหมือนเดิม ดลวัฒน์ก็ส่งเสียงคำราม เหอะ! “เลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว เธอก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบนิสัยแบบนี้” ดลวัฒน์รู้ว่าสิรินดาคงยังโกรธเรื่องการมีลูก แต่มันก็เคยตกลงกันแล้วไง แล้วทำไมเธอถึงต้องดื้อดึงกันด้วยเล่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม