“ลองวางทิฐิบ้าๆ บอๆ ของมึงลง แล้วคิดให้ดี สมมติถ้าวันนี้น้องไจ๋ไม่ได้เป็นไข้หวัดใหญ่ แต่เป็นโรคอื่นที่ใกล้ตาย มึงจะเสียใจที่ปากดีใส่น้อง ทำตัวเหี้ยๆ ได้ทุกวันไหม” พาริยะย้ำเตือน “คิดให้ดีนะไอ้ดล ก่อนทุกอย่างจะสายไป เพราะรักได้ ก็เลิกรักได้เหมือนกัน” เขาจะไม่สาธยายแล้วว่าน้องน้อยของพวกเขานั้นดีกับดลวัฒน์มากเพียงใด เพราะอีกฝ่ายก็รู้ดีแก่ใจ ได้แต่หวังว่าครั้งนี้เพื่อนจะคิดได้เสียที เปลือกตาสีอ่อนค่อยๆ ขยับลืมขึ้นมา ก่อนจะพบภาพที่ไม่คุ้นตา สิรินดาปรับสายตาโดยการกะพริบตาอยู่สามสี่ครั้ง ก่อนเริ่มชินกับแสงจากหลอดไฟและแสงจากภายนอกอาคาร เมื่อมองรอบๆ แล้วก็ได้พบกับบิดาที่กำลังเดินเข้ามาหา “พ่อ” สิรินดาเอ่ยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะเลื่อนสายตามองสำรวจอีกรอบ “ไจ๋ป่วยน่ะลูก พี่เขาพามาโรงพยาบาล” สุนิติบอกลูกสาวให้คลายความสงสัย “ไจ๋เป็นไข้หวัดใหญ่” สิรินดาก้มหน้าลงมองต่ำก็พบว่าตัวเองอยู่ในชุดของโรงพ