เสียงหัวใจของนาเนียร์เต้นโครมครามดังอยู่ในอก ร่างบางพยายามดิ้นหนีจากมือที่กอบกุมแขนเธอไว้แน่นอย่างไร้ความปรานี ดวงตากลมสวยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว
“พี่คิรัน หนู…หนูกลัว” เสียงของเธอสั่นพร่า ดวงตาเริ่มคลอด้วยหยาดน้ำตา
แต่แทนที่คิรันจะยอมปล่อยนาเนียร์เป็นอิสระ เขากลับกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แอลกอฮอล์ที่กำลังไหลเวียนในร่างกายอาจทำให้สติของค่ำคืนนี้ขาดผึง
เขาดันตัวเธอแนบกับเคาน์เตอร์ครัว ดวงหน้าเข้ามาใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดแก้มเนียน
“กลัวมากไหมหืมเด็กน้อย…” เขากระซิบเสียงแผ่วแต่แฝงไปด้วยอันตราย นิ้วเรียวยาวไล้ไปตามกรอบหน้าของเธอช้าๆ ทำเอาร่างเล็กสั่นสะท้าน “เมื่อก่อนฉันชอบเวลาได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอ ตอนนี้ฉันกลับอยากรู้แล้วว่าเปลี่ยนมันเป็นอย่างอื่น…มันจะเป็นยังไงนะ”
“พี่คิรัน…” น้ำเสียงของนาเนียร์แทบเป็นเสียงกระซิบ เธอไม่รู้จะต่อกรกับเขายังไง ไม่รู้จะพูดอะไรให้เขาหยุด
มือของเขาหยุดลงที่ลำคอขาวเนียน ก้านนิ้วเกลี่ยเบาๆ จนเธอรู้สึกขนลุกซู่กับสัมผัสแปลกใหม่นี้ มือของเขาหยุดลงที่ลำคอขาวเนียน ปลายนิ้วเกลี่ยผิวเบาๆ จนเธอรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว นาเนียร์ขยับตัวออกห่างด้วยสัญชาตญาณ แต่ก็ไม่พ้นอ้อมแขนแข็งแรงที่กระชับเอวบางไว้แน่น ความใกล้ชิดนั้นทำให้หัวใจดวงน้อยยิ่งสั่นระรัว
ตอนเด็กๆ เธอทำทุกทางเพื่อไม่ให้เจอหน้าเขา แต่พอโตขึ้นโชคชะตากลับนำพาให้แต่งงานกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ได้ยินพ่อฉันบอกว่าป้าเธอใจร้ายนักนิ อยากกลับไปอยู่แบบนั้นอีกไหม?”
“ไม่ค่ะ…”
“ยอมเป็นของฉัน แล้วฉันจะไม่ส่งเธอกลับไปที่นั่น”
เธอเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง เคยคิดในใจหากรู้ว่าคนที่ต้องแต่งงานด้วยเป็นคิรันคงยอมอยู่กับป้าเหมือนเดิม แต่พอจะโดนส่งกลับไปอยู่กับป้าเหมือนเดิมจริงๆ เธอกลับไม่อยากกลับไปอยู่ในสภาพเดิมอีก
ตอนนี้เธอเดินออกมาไกลเกินกว่าจะกลับไปแล้ว…
“พี่คิรันไม่กล้าหรอก”
“หึ! อย่าคิดแบบนั้นสิ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง”
“ถ้าคุณลุงรู้คงไม่ยอมแน่”
“จำที่พ่อฉันพูดได้ไหม ชีวิตเธอเป็นของฉันครึ่งนึงแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะทำอะไรกับเธอก็ได้” เขาพูดอย่างเย้ยหยัน สายตาจ้องมองนาเนียร์ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะสงสารหรอกนะใช่ไหม?”
แน่นอนว่าไม่…
คนอย่างคิรันไม่เคยสงสารใครโดยเฉพาะกับเธอ ผู้หญิงที่เขาเกลียดเข้าไส้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
“…ครั้งเดียวใช่ไหมคะ” เมื่อคนที่โดนบีบจนไร้หนทางนอกจาก ‘ยอม’ ฉะนั้นคงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ “นะ…นอนกับพี่แค่ครั้งเดียวใช่ไหม”
“ถ้าติดใจก็เรื่อยๆ”
นาเนียร์ก้มหน้าลงมองแผงอกของเขาอย่างลังเล แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยคำใดต่อ คิรันก็ดึงแขนเธอแรงๆ แล้วลากเข้าไปในห้องนอนซึ่งเป็นห้องหอที่เธอไม่เคยได้ใช้ร่วมกับเขาเลยสักคืนตั้งแต่แต่งงานกัน
ตุ้บ!
ร่างบางถูกผลักลงบนเตียงหนานุ่ม หัวใจเธอเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่ สายตาหวาดระแวงเงยขึ้นสบกับเขาที่ก้าวเข้ามาคร่อมด้านบน ความกลัวไหลวนทั่วร่างจนแทบหายใจไม่ออก
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำอะไรแบบนี้
นิ้วยาวแตะสัมผัสผิวเธอเบาๆ แต่กลับทำให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว เธอไม่รู้จะเอามือวางไว้ตรงไหน สุดท้ายจึงสัมผัสแผงอกเขาเพื่อหาที่พึ่งทางอารมณ์ จังหวะที่คิรันโน้มใบหน้าคมคายลงมาใกล้จนสัมผัสได้ไออุ่นผสมกลิ่นเหล้า นาทีนั้นทำหัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว
“ครั้งแรก?”
“ค่ะ…” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาโดยไม่มองหน้าเขา
“คาดไม่ถึงเลยแฮะ” เขาพูด ตัวนาเนียร์หอมจนอดใจแทบไม่ไหว กลิ่นหอมนี้…เหมือนเคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อน
จำได้แล้ว…เจ้าของแมสก์ลายคิตตี้นั่น อย่าบอกนะว่าเป็นคนเดียวกับนาเนียร์ ซึ่งเขาเลือกที่จะไม่เอ่ยถามออกไปทันที
“อึก!” เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขากดริมฝีปากร้อนผ่าวลงบนลำคอตรงจุดชีพจร มืออีกข้างสอดใต้เสื้อยืดนุ่มลื่น ลูบไล้ไปตามสะโพก ก่อนจะไต่ขึ้นถึงหน้าท้องแบนราบ
คิรันสอดมือผ่านเสื้อยืดตัวเก่งมาสัมผัสผิวเนื้อข้างในโดยตรง สัมผัสนั้นทำให้เธอรู้สึกแทบหยุดหายใจ ราวกับมีผีเสื้อนับพันกำลังบินวนบริเวณท้องน้อย จนเผลอส่งเสียงดังอืออึงออกมาในลำคอ
“อะ อื้อ~” เสียงครางหวานแผ่วหลุดจากลำคอโดยไม่ทันยั้ง เมื่อเขากดจูบลงมาอย่างเร่าร้อน ลิ้นร้อนตวัดเกี่ยวกับลิ้นเล็กของเธออย่างเชี่ยวชาญ จูบแรกของเธอ…กลับถูกช่วงชิงไปอย่างดิบเถื่อนแต่เร้าอารมณ์
ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นแล้วปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำออกทีละเม็ด สายตาคมกริบพิศมองคนใต้ร่างด้วยอารมณ์กระสันที่เต็มเหนี่ยว ก่อนที่เสื้อเชิ้ตจะถูกสะบัดออกจากร่างกำยำในที่สุด
นาเนียร์เบือนใบหน้าหนีอัตโนมัติ ไม่อยากเชื่อว่านี่คือคนเดียวกับเด็กผู้ชายผอมแห้งที่เคยกลั่นแกล้งเธอในวัยเด็ก ตอนนี้เขาโตเป็นหนุ่มหล่อที่มีสาวๆ มากมายรายล้อม
“มองฉัน”
เธอค่อยๆ หันกลับมามองเขาในที่สุด
มือหนาเริ่มปลดเข็มขัดจากแบรนด์หรูออกแล้วโยนลงพื้นราวกับมันเป็นเพียงสิ่งของราคาถูก ชายเสื้อยืดที่เลิกขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบทำให้สายตาคมกริบหยุดมอง
“ถอดเสื้อเธอออก”
ร่างบางตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นรัวแทบทะลุอก ความลังเลฉายชัดในดวงตาคู่สวย แต่นาเนียร์ก็ยอมถอดเสื้อยืดตัวเก่งของตัวเองออกตามคำสั่งเมื่อครู่ แม้ว่าท่อนบนเหลือเพียงชั้นในตัวเดียวหากแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนบนร่างพึงพอใจ คิรันสอดมือเข้าไปใต้แผ่นหลังบาง จัดการปลดตะขอออกเองในที่สุด
มันต้องแบบนี้สิ…
ดวงตาคมกริบมองหน้าอกขนาดใหญ่ที่กำลังถูกนาเนียร์ใช้ท่อนแขนปกปิดแทบไม่มิด
“เอามือออก”
“นะ…หนูเขิน” เธอตอบโดยไม่มองหน้าเขา ไอร้อนแผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าจนรู้สึกได้
“เอา มือ ออก” คราวนี้เขาย้ำเสียงเข้ม สีหน้าฉายชัดถึงความไม่พอใจ จนในที่สุดยัยนี่ก็ยอมเอามือออกจากหน้าอกขนาดใหญ่ เขามองยอดปทุมถันสีระเรื่อพลางลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ
ทำไมยัยนี่ซ่อนรูปดีจังวะ… เขาพูดขึ้นมาในใจขณะใช้สายตามองรูปร่างน่าเอาของนาเนียร์
“อื๊อ!” ความรู้สึกแปลกๆ วิ่งปราดเข้ามาเล่นงานอย่างจังเมื่อเขาครอบริมฝีปากลงมายังยอดปทุมถัน แรงดูดเลียทำร่างบางสั่นสะท้านได้ไม่ยาก เธออยากต่อต้าน หากแต่ร่างกายไม่รักดีกลับแอ่นรับสัมผัสแปลกใหม่จากคิรันอย่างลืมตัว
คิรันผละใบหน้าออกจากหน้าอกขนาดใหญ่ พลางใช้มือหนาเช็ดคราบน้ำลายออกจากริมฝีปาก ก่อนจะเดินไปหยิบถุงยางอนามัยแล้วถอดกางเกงออก เผยให้เห็นแก่นกายขนาดใหญ่ตามไซซ์ถุงยางที่นาเนียร์เคยเห็นวันนั้นที่ห้องทำงาน
ไซซ์ถุงยางที่เธอเห็นวันนั้นเดาขนาดไม่ได้ว่ามันประมาณไหนจนกระทั่งมาเห็นของจริง
ทำไมของจริงใหญ่แบบนี้
เธอเบือนใบหน้าไปทางอื่น ทั้งตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน รู้ตัวอีกทีคิรันก็ถอดกางเกงนอนออกไปเสียแล้วจนเธอรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว
“ขอทำใจก่อนได้ไหมคะ” เธอไม่พร้อม ไม่พร้อมจริงๆ หากเขาไม่ขู่จะส่งเธอคืนให้ป้าคงไม่มีวันยอมทำเรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด
หากพูดตามความจริงไม่โลกสวย ตอนนี้เธออยู่ในสถานะ ‘ภรรยา’ ของเขาหนึ่งปี ต่อให้วันนี้เธอรอดไป ยังไงสักวันก็ต้องตกเป็นของเขาอยู่ดี…
“อย่าทำตัวให้มันน่ารำคาญ”
“นะ…หนูกลัว…”
“ชู่ว~ ไม่ต้องกลัว ฉันจะทำเบาที่สุด” เขาแตะนิ้วชี้ลงกลางริมฝีปากเพื่อปลอบโยน ปากบอกไปแบบนั้นแต่พอได้ทำจริงๆ มีหรือจะปรานี
คิรันจับแก่นกายถูไถไปมากับร่องรักเปียกแฉะสองสามที ก่อนจะค่อยๆ กดส่วนหัวลงกระทั่งเข้าไปได้สำเร็จ
“อื๊อ! พะ…พี่คิรันหนูเจ็บ!” เธอร้องประท้วงพร้อมกับใช้มือดันหน้าท้องแกร่งแล้วหนีบขาเข้าเอวสอบ ทว่ากลับถูกเขาจับแยกออกเหมือนเดิม
“อย่าเกร็ง”
“หนูเจ็บ! อะ…เอาออกไปก่อนได้ไหมคะ”
“เจ็บก็อย่าเกร็ง” เขาบอกซ้ำอีกรอบโดยไม่คิดจะดึงแก่นกายออกแม้แต่น้อย แต่กลับดันมันเข้าไปลึกอีกนิดจนเกือบสุดความยาวโดยไม่สนใจว่าเป็นครั้งแรกของนาเนียร์
ใบหน้าสวยหวานบิดเบ้ไปด้วยความทรมาน ความเจ็บปวดที่คนตัวโตกำลังตักตวงให้ทำดวงตาคู่สวยเอ่อร้นด้วยคราบน้ำตา
สายตาคิรันไร้ซึ่งความสงสารหรือเห็นใจ สะโพกแกร่งเริ่มตอกอัดเข้าใส่อย่างหนักหน่วงไร้ความปรานี ร่างบางโยกคลอนตามแรงกระแทกจากคนตัวโต ความเจ็บปวดวิ่งเข้ามาเล่นงานนาเนียร์ราวกับกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน
ปึก ปึก ปึก
เจ็บ…
คำเดียวสั้นๆ ที่ทำให้เธอกัดฟันอดทนจนกว่าทุกอย่างจะจบลง มือเล็กจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ เธอนอนน้ำตาไหลนองแต่ดูเหมือนคนใจร้ายอย่างคิรันจะมองข้ามไปอย่างเลือดเย็น
“อ่า…” ใบหน้าคมคาทำเหยเกพร้อมกับเปล่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างทนไม่ไหว สายตาคมกริบหลุบมองจุดเชื่อมเพื่อกระตุ้นอารมณ์
มือหนาวางข้างเอวบางแล้วตอกอัดท่อนเอ็นแข็งขึงเข้าใส่อย่างไม่ปรานี จนได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นไปทั่วห้องนอน
“ตอนโดนฉันเอา จำเอาไว้ว่าต้องมองหน้าฉัน” เขาเลื่อนมือลงไปบีบคางมนให้หันกลับมามองหน้า ก่อนจะจับขาเรียวสวยพาดบ่าแล้วตอกอัดอย่างระรัว
นาเนียร์พยายามมองหน้าคิรันด้วยสีหน้าทรมาน แต่ก็ทำได้ไม่นานเบือนไปทางอื่นเช่นเคย แรงกระแทกกระทั้นจากคนตัวโตทำเธอจุกและแสบคันในเวลาเดียวกัน
“พะ…พี่คิรันอึก! นะ…หนูจุกอื๊ออ!!”
“ครางออกมานาเนียร์ ครางให้ฉันได้ยิน!” เขารู้สึกหงุดหงิดมากที่นาเนียร์พยายามกลั้นเสียงคราง ยิ่งเธอพยายามต่อต้านเขายิ่งอยากเอาชนะ
ปึก! ปึก! ปึก!
แอลกอฮอล์ในร่างกายบวกกับความอยากเอาชนะปลุกความดิบเถื่อนให้ทำหน้าที่ของมัน คิรันทาบทับร่างบางอีกครั้ง คราวนี้ใบหน้าคมคายซุกลงลำคอระหงหอมกรุ่น ฟันแหลมคมขบกัดผิวเนื้อเป็นรอยเขี้ยว จนนาเนียร์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บสุดจะทนไหว
“อื๊อ! พี่คิรันมันเจ็บ!” เธอออกแรงดันไหล่แกร่งออก หากแต่กลับถูกจับกดลงเตียงจนข้อมือแทบละเอียดคามือหนา
ยิ่งต่อต้าน เขายิ่งป่าเถื่อนด้วยมากเท่านั้น
“อ๊ะ อ๊าา~” เธอหลุดเสียงครางอัตโนมัติเมื่อเขาครอบริมฝีปากลงยอดปทุมถัน แรงดูดเลียทำให้สติแทบกระเจิง เธอพยายามกัดกลีบปากจนเลือดห่อแต่สุดท้ายก็ทนพิษความเสียวซ่านไม่ไหว ปล่อยครางเสียงออกมาในที่สุด
คิรันเผยยิ้มด้วยความพอใจ เสียงครางหวานคือสิ่งที่เขาต้องการได้ยินมากที่สุด เมื่อทำให้นาเนียร์ครางออกมาได้แล้วก็รู้สึกถึงชัยชนะ
พรึ่บ!
นาเนียร์ถูกสลับมาอยู่ด้านบน ใบหน้าสวยหวานมีอาการมึนงงเล็กน้อย
“พี่คิรันจะให้หนูทำอะไรคะ”
“ขึ้นให้ฉัน”
“ขึ้น?”
“ขยับ”
“หนูทำไม่เป็น….” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ แถมความอึดอัดตรงจุดเชื่อมทำให้เธอรู้สึกอึดอัดไม่ใช่น้อย
“จะขยับเองหรือให้ฉันกระแทกขึ้น?”
“หนู…อ๊ะ!” เธอหลุดเสียงครางออกมาเมื่อเขากระแทกขึ้นมาหนึ่งที
“ถ้าให้ฉันทำ รู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ออมมือ”
นาเนียร์เม้มปากแน่น สุดท้ายแล้วต้องฝืนขยับร่างกายอย่างเก้ๆ กังๆ การกระทำที่ดูไม่เป็นงานเริ่มทำให้คิรันฉายสีหน้าไม่สบอารมณ์ชัดเจน มือหนาคว้าร่างบางลงมา ก่อนจะสวนสะโพกแกร่งขึ้นเพื่อตอกอัดเอง
“อื๊อๆ! บะ…เบาๆ หน่อยได้ไหม นะ…หนูจุกอึก! อ๊ะ!”
“อืมม เธอแม่งโคตรน่ารำคาญเลยนาเนียร์”
มีดีแค่หน้าตาและหุ่นน่าเย นอกนั้น…น่ารำคาญไปหมดในสายตาของเขา
กลิ่นคาวเลือดที่คลุ้งกระจายปลุกปั่นอารมณ์กระสันให้ลุกฮือได้ไม่ยาก แรงตอดรัดภายในร่องรักคับแคบทำเขาอดใจไม่ไหวที่จะกระแทกอย่างหนักหน่วง
ในเวลาต่อมาคิรันจับนาเนียร์ให้นอนราบเหมือนเดิม คราวนี้เขากลับมาคุมเกมเองอีกครั้งเพราะอีกคนไม่ได้เรื่อง สายตาคมกริบจ้องมองคราบเลือดที่เปื้อนเขรอะง่ามขาอย่างไร้เยื่อไย นิ้วหัวแม่มือบดคลึงติ่งเกสรทำให้นาเนียร์ดิ้นพล่าน
และวินาทีต่อมา…
“หนูไม่ไหวแล้วอึก! พะ…พอก่อนได้ไหมคะ”
ภายในเริ่มบีบรัดแก่นกายถี่บอกว่านาเนียร์ใกล้แตะขอบสวรรค์รอมร่อ และก็ใช่…
“อร๊าย!” เธอไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้ รู้สึกทรมานสุดขีดจนหยุดยั้งทุกอย่างไม่ได้กระทั่งได้ปลดปล่อยบางอย่างออกมา
ยอมรับว่ามันรู้สึกดีมาก
คิรันยังคงกระแทกกระทั้นระรัวไม่มีทีท่าจะหยุดแม้ว่าส่งนาเนียร์แตะขอบสวรรค์แล้วก็ตาม เขาเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อเริ่มมองเห็นขอบสวรรค์อยู่รำไร
“อ่า!” เขาปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นมานานใส่ถุงยางอนามัย แก่นกายกระตุกหงึกหงักภายในร่องรัก เขาค่อยๆ ถอนมันออกมา
นาเนียร์รู้สึกดีใจที่ทุกอย่างจบลงแล้ว หากแต่ว่า…
“คิดว่ามันจะจบลงแค่นี้งั้นเหรอ?”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ก็หมายความว่า…เธอต้องนอนอ้าขาให้ฉันเอาอีกรอบไงล่ะ”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ตอนแรกเธอคิดว่ามันจบแล้วแต่ที่ไหนได้…เธอคิดไปเอง
คิรันหยิบซองถุงยางอนามัยมาเปลี่ยน จัดการสวมใส่อย่างชำนาญเพียงไม่กี่วินาที มือหนาจับหมับเข้าข้อเท้าเล็กแล้วออกแรงดึงจนร่างบางหงายหลังนอนราบบนเตียง
“ว้าย!” เธอร้องอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจกับการกระทำของเขาที่เธอไม่ได้ตั้งตัวก่อน
“คนอย่างฉัน…ไม่เคยพอแค่รอบเดียว” เขาพูดพร้อมกับจ้องมองตาเนียร์ตามไปด้วย
“หนูไม่ไหวแล้ว…”
“เรื่องของเธอ”
“ทำไมพี่คิรันใจร้ายจัง”
“หึ! เธอพูดผิดนะ ฉันไม่ได้ใจร้าย แต่ฉัน…” เขาพูดด้วยท่าทางเย้ยหยัน ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ใบหูแล้วขยับริมฝีปากพูดต่อ “เลวเลยล่ะ”
อย่าหาความดีจากคนอย่างเขาเพราะไม่มีให้ยกเว้น…ความเลว
“หนูไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่คิรัน” เธอเหนื่อยและไม่มีแรงทำกับเขาต่อแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังมีแรงเหลือเฟือต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง
“อดทนสิ”
“…”
“ในเมื่อยอมแต่งงานกับฉันเอง ก็อดทนจนกว่าจะครบหนึ่งปี” ตอนแรกคิดว่าการแต่งงานกับนาเนียร์เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต แต่ว่าตอนนี้…เขาเริ่มชักสนุกกับมันแล้วสิ “ขอต้อนรับเข้าสู่นรกขุมใหม่”