วันต่อมา สายลมเย็นจากแอร์ในห้องปลุกนาเนียร์ให้ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท้องฟ้านอกหน้าต่างยังขุ่นมัวเพราะอากาศที่ยังคงอึมครึมหลังพายุเมื่อคืน บาดแผลจากการเหยียบเศษแก้วเมื่อคืนออกฤทธิ์เล่นงานหนักกว่าเดิมหลายเท่า นาเนียร์กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ขณะเดินกระเผลกออกมาจากห้องนอน ความเจ็บปวดกัดกินจนทำให้น้ำตาเล็ดทุกการย่างก้าว มาถึงโซนห้องครัวต้องชะงักเมื่อพบว่าตรงนั้นมีคิรันอยู่ เขากำลังยืนทำกาแฟอยู่ที่มุมครัวของเพนท์เฮาส์ในชุดเสื้อยืดตัวบางสีดำกับกางเกงวอร์มสบายๆ เมื่อสายตาคมกริบช้อนขึ้นมองกลับพบว่านาเนียร์ยืนมองตัวเองอยู่ “มองอะไร” เสียงทุ้มเย็นถามโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง นาเนียร์สะดุ้ง รู้ตัวว่าเผลอยืนมองเขานานเกินไป รีบยกมือขึ้นเกาหัวแก้เขิน “ปะ…เปล่าค่ะ หนูแค่จะออกมาหาน้ำดื่ม” “เท้าเป็นไงบ้าง” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม สายตาคมกริบพลางปรายมองเท้าเล็กเพียงนิด “ปวดกว่าเมื่อวานค่ะ” “ฉันบอกไอ้สิงห์ซื้อข้