บทที่ 1-3

1335 คำ
“ขอโทษค่ะ คือเมื่อคืนนีร…” “ไม่เป็นไรหรอกลูก กินมื้อเช้ากันเถอะ” ปาริมาขัดขึ้นเสียก่อน นีรญาจึงไม่ทันได้เอ่ยจบประโยค หญิงสาวสบตากับชายหนุ่มที่จ้องเธอด้วยสายตาดุดันอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะดึงสายตากลับมาที่จานอาหารของตัวเอง “นี่ น้องนีร เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับใช่ไหม ดูสิ ขอบตาคล้ำหมดเลย เอางี้ พี่มีอายครีมอยู่หลายตัว เดี๋ยวพี่แบ่งให้ ว่างตอนไหนก็แวะไปที่ห้องพี่นะ” “ไม่เป็นไรค่ะพี่ฟลอนซ์ นีรเกรงใจ” “เกรงใจอะไรกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก” ฟลอเรนซาบอกอย่างใจดี “ขอบคุณค่ะพี่ฟลอนซ์” พอนีรญาไม่ปฏิเสธ ฟลอเรนซาจึงหันไปจัดการอาหารในจานของตัวเอง นีรญาลอบมองอีกฝ่ายด้วยสายตาขอบคุณ ฟลอเรนซาเป็นพี่สาวที่ใจดีเสมอ หญิงสาวมีเส้นผมสีดำขลับเหมือนคนเป็นมารดา ดวงตากลมโตสุกใส ทว่านัยน์ตาเป็นสีเทาอ่อนเหมือนคนเป็นพี่ชาย มีผิวกายเนียนละเอียด ใบหน้ารูปไข่หวานซึ้ง และมีปลายจมูกเชิดรั้นนิดๆ อย่างมีเสน่ห์ ขนาดเธอเป็นผู้หญิง ยามที่ได้มองยังแทบละสายตาจากฟลอเรนซาไม่ได้ นีรญาเผลอยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มต้องชะงักค้าง เมื่อถูกคนที่นั่งตำแหน่งถัดไปจากฟลอเรนซาซึ่งก็คือฟอซโซมองด้วยสายตาดุๆ รอยยิ้มที่เคยมีจึงค่อยๆ เลือนหายไป รีบหันหน้ามาจัดการอาหารในจานแทน นีรญาเพิ่งจะทราบว่าฟาบิโอและปาริมากำลังจะเดินทางไปฮันนีมูนเป็นรอบที่เท่าไรเธอก็จำไม่ได้ ดังนั้นหลังมื้อเช้าผ่านพ้น ทุกคนต่างพากันมาส่งทั้งคู่ที่หน้ามุขของบ้าน ยกเว้นเฟเดริโก้ที่นั่งรถเข็นเพราะการเดินเหินค่อนข้างลำบากด้วยวัยแปดสิบสี่ปี ถูกสาวใช้พาขึ้นไปพักผ่อนด้านบน “อย่าลืมของฝากของฟลอนซ์นะคะคุณพ่อคุณแม่” ฟลอเรนซาเข้าไปกอดลาฟาบิโอและปาริมา ก่อนจะผละออกโดยไม่ลืมเน้นถึงของฝากที่บิดามารดามักจะหิ้วกลับมาฝากเป็นประจำทุกครั้งที่พวกท่านกลับจากฮันนีมูน “ได้สิ คราวนี้ลูกอยากได้อะไรล่ะ” ปาริมาถาม “ฟลอนซ์อยากได้สร้อยข้อมือสวยๆ สักเส้นค่ะ” ฟลอเรนซายิ้มร่ายามที่ให้คำตอบคนเป็นมารดา ปาริมาส่ายหน้าพลางยิ้มเอ็นดู ฟาบิโอเองก็เช่นกัน “เครื่องประดับของลูกคงไม่มีที่จะเก็บแล้วละมั้ง” ฟาบิโอเอ่ยแซวบุตรสาว ฟลอเรนซาแกล้งย่นจมูกใส่บิดา “คุณพ่อก็รู้นี่คะว่าฟลอนซ์ชอบเครื่องประดับ เห็นแก่ความสุขของลูกสาวไม่ได้หรือคะ” ฟาบิโอส่ายหน้าน้อยๆ หากแต่บนใบหน้ามีรอยยิ้มประดับอยู่ ปาริมาเองก็แสดงสีหน้าไม่ต่างจากคนเป็นสามีนัก ก่อนจะหันไปหาลูกชาย “แล้วลูกอยากได้อะไรไหม” “ไม่ครับ” ฟอซโซให้คำตอบคนเป็นมารดาเพียงเท่านั้น ปาริมายิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปสอบถามนีรญาบ้าง “แล้วนีรล่ะลูก อยากได้อะไรไหม” “นีรขอขนมอร่อยๆ ก็พอค่ะ” “ขอแค่นี้ทุกทีเลยนะเรา โตแล้วนะ ไม่อยากได้เครื่องประดับเหมือนพี่ฟลอนซ์เขาบ้างหรือไง” “นั่นน่ะสิ น้องนีรโตแล้ว เราควรจะสนใจของสวยๆ งามๆ บ้างนะ” ฟลอเรนซาบอกเสียงใส พลางแสดงสีหน้าจริงจัง ปาริมาเห็นท่าทางของฟลอเรนซาที่พยายามคะยั้นคะยอนีรญาก็ระบายยิ้มบางๆ ซึ่งนีรญาเองก็ยิ้มแบบเดียวกัน หากแต่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวล “นีรชอบกินขนมมากกว่าค่ะ” ทั้งสามคนมองจนรถที่ฟาบิโอและปาริมานั่งเคลื่อนออกไปจนลับสายตา ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตน ฟลอเรนซามีความเชี่ยวชาญในการออกแบบเครื่องประดับ และเจ้าตัวก็หลงใหลความงดงามของเครื่องประดับมาก หญิงสาวเป็นเจ้าของร้านจิวเวลรี่ ฟลอเรนซาแวะไปที่ร้านบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะอยู่บ้าน ใช้เวลาที่มีในการออกแบบเครื่องประดับคอลเลกชั่นใหม่ๆ เสียมากกว่า ดังนั้นพอรถของบิดามารดาเคลื่อนพ้นหน้าประตู หญิงสาวจึงกลับห้องส่วนตัว ตอนนี้จึงเหลือเพียงฟอซโซกับนีรญา ฟอซโซทำหน้าที่ดูแลกิจการโรงแรมคาสซาโน่แกรนด์ที่มีมากกว่ายี่สิบสาขาทั่วโลก ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มเป็นซีอีโอของธุรกิจในเครือคาสซาโน่กรุ๊ป หลังจากที่บิดาวางมือ แต่ยังคอยเป็นที่ปรึกษาให้ ส่วนนีรญาเองเพิ่งจะจบปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สาขาการตกแต่งภายใน หญิงสาวเพิ่งจะจบได้เดือนเศษ และตอนนี้นีรญาก็ทำงานเป็นมัณฑนากรที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ในช่วงทดลองงาน หากหญิงสาวทำงานได้สามเดือนบริษัทจะประเมินอีกทีว่าจะตกลงจ้างเธอหรือไม่ ทั้งคู่หันมาสบตากันอย่างไม่ตั้งใจ ก่อนจะเป็นนีรญาที่หลบสายตาคมกริบของฟอซโซ หลังจากได้ขบคิดเกือบทั้งคืน หญิงสาวก็รู้สึกละอายกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป หากเป็นในยามปกตินีรญาคงขอติดรถชายหนุ่มไปด้วยเพราะเส้นทางไปโรงแรมคาสซาโน่แกรนด์ผ่านบริษัทที่เธอทำงานอยู่ด้วย แต่ตอนนี้เธอคงไม่กล้าขอติดรถเขาไปอีก อย่างน้อยก็คงอีกสักพัก เมื่อคิดได้แบบนั้น หญิงสาวจึงบอกลาชายหนุ่มเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท “นีรขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” นีรญากล่าวจบก็ขยับเท้าเดินออกไปทันที ซึ่งฟอซโซเองก็ไม่ได้รั้งอีกฝ่ายเอาไว้ ชายหนุ่มมองตามร่างเล็กไปจนลับสายตา ‘รู้ตัวก็ดี’ ฟอซโซแค่นยิ้มก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดรอตรงบริเวณหน้ามุขของคฤหาสน์ ประตูรถถูกปิดลงด้วยฝีมือของบอดี้การ์ดในสูทสีดำสนิท จากนั้นรถคันดังกล่าวก็ค่อยๆ เคลื่อนออกไป เดือนนี้เป็นช่วงปลายเดือนมีนาคม เป็นช่วงที่อิตาลีอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นฤดูที่ฝนตกบ่อย นีรญาทราบในเรื่องนี้เป็นอย่างดี หญิงสาวจึงไม่ลืมที่จะพกทั้งชุดกันฝนและร่มติดกระเป๋ามาด้วย ดวงหน้าเล็กแหงนเงยขึ้นมองบนท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม ดีที่เม็ดฝนยังไม่โปรยปรายลงมา นีรญาจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น สุดท้ายหญิงสาวก็พาตัวเองมาหยุดที่ป้ายรถบัสประจำทางได้ทันเวลาอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่เม็ดฝนจะร่วงโปรยปรายลงมา นั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่รถของฟอซโซเคลื่อนผ่านไป ทั้งคู่สบตากันโดยบังเอิญ ก่อนจะเป็นฟอซโซที่ดึงสายตามองทางเบื้องหน้าคล้ายไม่ใส่ใจ นีรญาได้แต่มองตามรถของชายหนุ่มไปจนลับสายตา ‘พี่ฟอซคงจะโกรธเรามากสินะ’ นีรญาคิดแบบนั้น หญิงสาวดึงสายตากลับมาที่เดิมซึ่งจังหวะนั้นรถบัสประจำทางเข้ามาจอดพอดี หญิงสาวจึงก้าวขึ้นรถตามผู้โดยสารคนอื่นๆ ไป สเพนดอเร่ ดีไซน์ ตึกสามชั้นสีครีมอ่อนที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจคือสถานที่ที่นีรญากำลังพาตัวเองเข้าไปด้านใน หญิงสาววางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะของตัวเอง ก่อนจะเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง หยุดเท้าที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ยกมือขึ้นเคาะประตูสามครั้งแล้วผลักบานประตูเข้าไปด้านใน “อ้าวนีรมาพอดีเลย” “อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอัลแบร์โต้ อรุณสวัสดิ์จ้ะมาร์โค” คนที่เอ่ยทักทายนีรญาคือมาร์โคซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของหญิงสาวตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนอีกคนก็คืออัลแบร์โต้ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้ และทั้งสองคนเป็นคู่รักกัน แต่เรื่องนี้รู้กันเพียงแค่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือนีรญา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม