การที่นีรญาได้ทำงานที่นี่ถึงแม้จะอยู่ในช่วงทดลองงาน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะมาร์โค บวกกับความเอื้ออารีของอัลแบร์โต้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กจบใหม่จะได้ทำงานทันทีตั้งแต่เรียนจบในเมืองใหญ่เช่นนี้ แต่โชคดีที่เธอได้รับโอกาสนั้น
และเธอก็จะทุ่มเทอย่างเต็มที่
“วันนี้เราจะออกไปทำงานนอกสถานที่กัน รู้ไหมว่าที่ไหน”
มาร์โคบอกยิ้มๆ คล้ายมีเลศนัย นั่นเป็นเหตุให้นีรญายกคิ้วขึ้นสูงอย่างแปลกใจ
“ที่ไหนเหรอ”
“โรงแรมคาสซาโน่แกรนด์”
โรงแรมคาสซาโน่แกรนด์
“นี่แกไม่ดีใจเหรอที่ได้มาทำงานที่นี่น่ะ”
“ทำไมฉันต้องดีใจด้วยล่ะ”
นีรญาถามมาร์โคที่หันมากระซิบกระซาบขณะที่ทั้งคู่เดินรั้งท้ายกลุ่มทีมงานของสเพนดอเร่ดีไซน์ที่เข้ามาดูห้องพักชั้นสามสิบซึ่งมีห้องพักจำนวนสิบห้องที่ทางโรงแรมต้องการให้ทีมงานออกแบบตกแต่งภายในใหม่ มาร์โคถึงแม้จะเป็นคนรักของเจ้าของบริษัท แต่เจ้าตัวก็ในช่วงทดลองงานไม่ต่างจากนีรญา ดังนั้นจึงตามทีมงานเพื่อศึกษาขั้นตอนการทำงานในฐานะมัณฑนากร นีรญาเองก็เช่นกัน
“ก็แกจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพี่ชายสุดที่รักของแกเพิ่มขึ้นไง ไม่ชอบเหรอ”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ”
นีรญารีบกระโดดตะครุบปิดปากมาร์โค แน่นอนว่ามาร์โครู้เรื่องที่หญิงสาวคิดไม่ซื่อกับพี่ชายบุญธรรมของตัวเอง ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเดินรั้งท้ายและมาร์โคเองก็ไม่ได้พูดเสียงดังนัก แต่นีรญาเกรงว่าหากมีใครมาได้ยินเข้าคงต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ เพราะตอนนี้เรื่องที่เธอเพิ่งจะสร้างขึ้นก็หนักมากพออยู่แล้ว เธอยังไม่ต้องการปัญหาเพิ่ม
และตอนนั้นเองที่ฟอซโซกับลูกน้องในชุดสูทสากลสีดำเดินผ่านมาพอดี และดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะหยุดทักทายอัลแบร์โต้ด้วย
“สวัสดีครับคุณฟอซโซ”
“สวัสดีครับคุณอัลแบร์โต้”
“พอดีผมพาทีมงานมาดูห้องที่จะต้องออกแบบตกแต่งภายในน่ะครับ”
“ตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”
ฟอซโซตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะกวาดสายตามองทีมงานของสเพลนดอเร่ ดีไซน์ทุกคน จนกระทั่งดวงตาคมกริบมาหยุดที่นีรญาที่กำลังเอื้อมมือปิดปากมาร์โคเอาไว้ ดูเหมือนว่าหญิงสาวเพิ่งจะรู้ตัว รีบชักมือกลับราวกับริมฝีปากของมาร์โคเป็นของร้อน มาร์โคเองก็ส่งยิ้มจืดเจื่อนไปให้ชายหนุ่ม ฟอซโซแสดงสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะขยับเท้าเดินผ่านไปกลุ่มของนีรญาไป เขาหยุดเท้าข้างๆ หญิงสาว พูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันเพียงสองคน
“ทีหลังจะทำอะไรก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อนัก เห็นแก่หน้าคุณพ่อคุณแม่บ้าง”
ว่าจบร่างสูงพร้อมผู้ติดตามอีกสามสี่คนก็เดินจากไป นีรญาไม่มีโอกาสได้แก้ตัว หญิงสาวทำเพียงเอี้ยวตัวมองตามแผ่นหลังกว้างไปจนลับสายตา ก่อนที่หญิงสาวจะดึงสายตากลับมาที่เดิมแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน
“คุณฟอซโซเขาว่าอะไรเหรอ”
มาร์โคถาม เพราะเห็นสีหน้าจืดเจื่อนของเพื่อนจึงอดกังวลไม่ได้ นีรญาส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”
กล่าวจบหญิงสาวก็ก้าวเท้าเดินตามกลุ่มทีมงานที่เดินล่วงหน้าออกไปก่อน มาร์โคมองตาแผ่นหลังของหญิงสาว ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะขยับเท้าตามไป
‘ไม่มีอะไรของแก มันแปลว่ามีละสินะ’
หลังจากอยู่ที่โรงแรมคาสซาโน่แกรนด์ราวๆ ครึ่งวัน ทีมงานสเพลนดอเร่ ดีไซน์ก็พากันกลับมาที่บริษัท อัลแบร์โต้แจกจ่ายงานให้คนในทีม รวมถึงนีรญาก็ได้รับมอบหมายให้ออกแบบตกแต่งภายในหนึ่งห้อง ซึ่งต้องรับผิดชอบทั้งการออกแบบตกแต่งพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดในห้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ รวมถึงมุมพักผ่อนสำหรับโรงแรมหรูระดับห้าดาวอย่างคาสซาโน่แกรนด์ จากการว่าจ้างทั้งหมดสิบห้อง ทางโรงแรมต้องการให้มีการออกแบบตกแต่งภายในที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหญิงสาวมีเวลาในการทำพรีเซนเทชั่นประมาณเจ็ดวัน
นีรญานั่งเคาะแป้นพิมพ์แล็ปท็อปตรงหน้าอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ดวงหน้ารูปไข่แหงนเงยขึ้นเมื่อรู้สึกว่ามีใครบางขึ้นมายืนใกล้ๆ โต๊ะของเธอ ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทอย่างมาร์โค
“ยิ้มอะไรของแก”
นีรญามองหน้าเพื่อนพลางถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายอมยิ้มอย่างมีเลศนัย
“แสดงฝีมือให้เต็มที่เลยนะ คุณฟอซโซจะได้เห็นว่าแกมีฝีมือมากแค่ไหน”
นีรญามองค้อนเพื่อน พลางส่ายหน้าเบาๆ
“ต่อให้ไม่ใช่งานของพี่ฟอซ ฉันก็ต้องตั้งใจทำอย่างเต็มที่อยู่แล้วไหม ใครอยากจะเสี่ยงต่อการตกงานกันล่ะ ฉันไม่ใช่แกนี่ เพราะต่อให้แกฝีมือห่วยขนาดไหน คุณอัลแบร์โต้ก็ไม่ไล่แกออกหรอก จริงไหม”
“ปากดีจริงนะ”
มาร์โคย่นจมูกใส่นีรญา แสร้งต่อว่าเพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
“หรือแกจะเถียงว่าที่ฉันพูดมันไม่จริง”
“เออๆ ฉันยอมแพ้แกแล้วก็ได้ ว่าก็ว่าเถอะ เวลาแกอยู่ต่อหน้าคุณฟอซโซน่ะ ปากดีเหมือนตอนอยู่กับฉันไหม”
นีรญามองค้อนเพื่อนแล้วโบกมือไล่
“จะไปไหนก็ไปไป๊ ฉันจะทำงาน”
นีรญาเลี่ยงที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย ซึ่งมาร์โคเองก็ไม่ได้คาดคั้น ชายหนุ่มส่ายศีรษะเบาๆ อมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะของตัวเอง ซึ่งอยู่ถัดจากโต๊ะของนีรญาไปอีกสองตัว
หลังเลิกงานนีรญากลับมาที่คฤหาสน์คาสซาโน่ เท้าเล็กยังก้าวไม่ทันพ้นบันไดขั้นแรกบริเวณหน้ามุข จู่ๆ ข้อมือข้างหนึ่งของหญิงสาวก็ถูกคว้าหมับ ดวงตากลมโตตื่นตระหนกในคราวแรก ก่อนจะปรับเป็นปกติเพียงเสี้ยววินาทีเมื่อพบว่าคนที่ทำการอุกอาจเช่นนั้นคือฟลอเรนซา พลางผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“พี่ฟลอนซ์มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ฟลอเรนซาไม่ตอบคำถามของนีรญา หากแต่เจ้าตัวยกมือนิ้วชี้ขึ้นแนบริมฝีปากของตนเองเอาไว้ พลางส่ายหน้าเบาๆ เป็นเชิงปรามให้นีรญาเก็บคำถามเอาไว้ก่อน หญิงสาวจึงต้องเก็บความอยากรู้เอาไว้ ทำเพียงขยับเท้าตามฟลอเรนซาขึ้นบันไดวนไป
ฟลอเรนซาพานีรญามาที่ห้องตัวเอง หญิงสาวหยิบชุดราตรีชุดแล้วชุดเล่ามาทาบบนร่างเล็กของนีรญาที่เจ้าตัวกำลังแสดงสีหน้างงงวย พอจะเปิดปากถาม ก็ถูกฟลอเรนซาปรามทางสายตา นีรญาจำต้องปิดปากเอาไว้เช่นนั้น แม้ความใคร่รู้จะมีอยู่เต็มเปี่ยม
อีกสิบห้านาทีต่อมาดูเหมือนว่าฟลอเรนซาจะได้ชุดที่พอใจ เป็นชุดราตรียาวสีน้ำทะเลผ่าข้างมีสายคล้องคอเส้นเล็กโชว์แผ่นหลัง
“เดี๋ยวน้องนีรไปอาบน้ำแล้วใส่ชุดนี้นะ แล้วกลับมาที่ห้องพี่ พี่จะแต่งหน้าให้”
“พี่ฟลอนซ์จะให้นีรใส่ชุดนี้ไปไหนคะ”
“พี่อยากให้นีรไปงานการกุศลกับพี่หน่อย พอดีวันนี้มีการประมูลเพชรคอลเลกชั่นใหม่ๆ พี่อยากไปดูเผื่อจะได้ไอเดียคิดคอลเลกชั่นใหม่ๆ ของพี่บ้างจ้ะ”
ฟลอเรนซาบอกเสียงใสยามที่ให้คำตอบ แต่หญิงสาวต้องยู่หน้าเมื่อนีรญาส่ายหน้าเบาๆ คล้ายต้องการปฏิเสธ
“ทำไมล่ะน้องนีร ไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยไม่ได้เหรอ”
ฟลอเรนซามองนีรญาอย่างอ้อนวอน และนีรญาเองก็ไม่เคยปฏิเสธท่าทางชวนน่าเห็นใจของฟลอเรนซาได้เลยสักครั้ง
แต่ต้องไม่ใช่ครั้งนี้