ฉันชื่อน้ำทิพย์...เป็นเด็กสาวสิบแปดหยก ๆ อาศัยอยู่กับแม่และน้าสาวในบ้านหลังน้อยท่ามกลางสวนผลไม้หลายไร่ และมันเป็นอาชีพหลักของพวกเรา ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ช่วยพ่อกับแม่ทำสวนผลไม้มาตลอด เป็นไร่ส้มโชกุนแสนอร่อย อืม...เห็นฉันเป็นเด็กสาวบ้านนอกอย่างนี้ฉันชอบใช้ของมียี่ห้อเหมือนกันนะ ด้วยความที่ฉันมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนสาวชาวบ้านธรรมดาเพราะพ่อของฉันทั้งสูงทั้งหล่อ เป็นนักร้องไง แต่...หย่ากับแม่นานละ ด้วยความที่ต้องทำงานนอกบ้าน เป็นดาราถึงไม่ได้โด่งดังอะไรแต่อาชีพนักร้องก็ย่อมต้องมีสาว ๆ แฟน ๆ มากรี๊ดกร๊าด เป็นธรรมดา เรื่องนี้มันก็เกิดนานแล้ว พ่อไปร้องเพลงเดินสายต่างจังหวัดบ่อย ๆ เลยปิ๊งปั๊งกับแฟนคลับ แรก ๆ มีโทรศัพท์มาหา พอหลัง ๆ มาด้วยตัวเองและอ้างว่ากำลังจะมีลูกกับพ่อ
แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายครอบครัวเราก็พัง พ่อพยายามงอนง้อขอคืนดีกับแม่แต่ไม่สำเร็จ แม่ไม่ยอมโอนอ่อนและอภัยให้ ฉันก็ไม่รู้ว่าที่แม่สาว ๆ พวกนั้นที่มาอ้างว่าท้องกับพ่อท้องจริงหรือเปล่าหรือไปหลอกขอใบรับรองแพทย์มายืนยัน แต่แม่ฉันก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า แม่ยังสาวและสวยมากนะ ความสวยเลยตกทอดมาสู่ลูกอย่างฉันโดยสมบูรณ์ และสุดท้ายเมื่อไม่ยอมกันก็เป็นอันว่าต้องเลิกรากับพ่อในที่สุด แต่ฉันเลือกที่จะอยู่กับแม่ เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะฉันรู้ว่าพ่อน่ะเป็นนักร้อง อาชีพเต้นกินรำกินและต้องเดินสายอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง
ฉันไม่ได้ดูถูกอาชีพพ่อตัวเองหรอกนะ แต่ไม่อยากไปใช้ชีวิตที่ไม่มีความแน่นอน ฉันยังอยากเรียน และปีหน้าฉันก็เตรียมตัวเข้ามหาวิทยาลัย ช่วงเวลาว่างหลังเรียนจบมัธยมปลายแล้วฉันก็ช่วยแม่เก็บส้มโชกุนขาย
แต่...ชีวิตของฉันเหมือนมีคำสาป เพราะแม้ว่าแม่จะหย่ากับพ่อหลายปีตั้งแต่ฉันตัวกะเปี๊ยกฉันก็ไม่ได้มีความสุขอะไรนักหรอก เพราะพอหย่ากับพ่อ แม่ก็ให้ น้าเรไร น้องสาวของแม่ ซึ่งเป็นน้าสาวของฉันมาอยู่ด้วย น้าเรไรเป็นผู้หญิงสวย สวยเหมือนพี่สาวของหล่อนก็๕อแม่ฉันนั่นล่ะ ดู ๆ ไปครอบครัวของเราก็รับเอาความสวยงามกันมาแทบทุกคน สวย ขาว อวบ หน้าตาดี ครบสูตรว่างั้น
น้าเรไรเป็นสาวแหวว หวาน ดูภายนอกเหมือนจะเรียบร้อย มีแต่ฉันเท่านั้นล่ะที่รู้ว่าน้าเรไรจริง ๆ แล้วเป็นคนที่ออกจะมากเรื่อง อะไรนิดหน่อยก็ชอบใส่อารมณ์ ฉันรู้สึกเหมือนอยู่กับแม่เลี้ยงยังไงก็ไม่รู้ เพราะเจ้าหล่อนชอบทำตัวเป็นแม่ฉัน สั่งนั่น โน่นนี่ สงสัยเห็นว่าฉันยังเด็กไง ใช่...ตอนนั้นฉันเด็กจริง ๆ นะ เพราะอายุแค่สิบขวบเอง ยังไร้เดียงสา ไม่รู้จักใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่รู้จักแต่งหน้าแต่งตัว น้าเรไรชอบใช้ให้ฉันทำงานบ้าน กวาดบ้านถูบ้านไม่เท่าไหร่ ให้ฉันขนน้ำไปรดต้นไม้นี่ดิ บางทีมากเรื่องเวลากินข้าว
แต่แม่ฉันก็ไม่เคยตำหนิน้องสาวเลยนะ แถมยังเห็นดีเห็นงามว่าน้องสาวตัวเองเป็นคนอบรมสั่งสอนลูกสาว เฮ้อ!...บางทีฉันอยากไปนอนค้างบ้านเพื่อน แต่เกรงใจกลัวแม่คิดมาก ท่องไว้ในใจหนึ่งถึงล้านซะ ว่ายังไงน้าเรไรก็เป็นน้าสาวของฉัน
ยัง...เรื่องมันไม่ได้มีแค่นั้นหรอก เพราะหลังจากที่แม่หย่ากับพ่อและให้น้องสาวเข้ามาอยู่ด้วยในบ้านก็ดันมีผู้ชายคนหนึ่งมาเทียวไล้เทียวขื่อ มาจีบแม่ ชื่อทับ เอิ่ม...ไม่อยากบอกว่าหน้าตาเขาดีมากนะ เป็นผู้ชายที่หล่อ ล่ำ อายุไล่เลี่ยกับแม่ สี่สิบกว่า ๆ เป็นหนุ่มใหญ่ว่างั้น แต่ที่เด็ดกว่าอะไรก็คืออาทับคนนี้เคยบวชเรียนเป็นพระมาก่อน จำวัดอยู่หลายพรรษา คงแก่เรียน และเพิ่งสึกออกมา พอสึกจากพระก็เจอแม่ กามเทพแผลงศรให้ทั้งสองคนปิ๊งรักกันเข้าอย่างจัง อืม...หลังจากนั้นอาทับย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน และแกก็ยังทำตัวเหมือนตอนอยู่วัดไม่มีผิด อยู่ในศีลในธรรม โกนหัว ไม่ยอมไว้ผมยาว บางทีฉันเดินเข้าบ้านตอนดึก ๆ ตกใจนึกว่าพระหนีจำวัดมาอยู่บ้าน
แต่เราก็ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังน้อยร่วมกัน มีแม่ ฉัน น้าเรไร และพ่อเลี้ยงที่ทำตัวเหมือนผู้ถือศีล เรียบร้อย ทำงานสวน และไม่กินเหล้าเมายา ไม่เที่ยวเตร่ คิดว่าทุกอย่างกำลังจะดีอยู่แล้ว ถ้ามันไม่มีเรื่องที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับไปหลายคืน อยากรู้แล้วล่ะสิ เดี๋ยวฉันจะค่อย ๆ เฉลยนะ รับรองว่าแซ่บ...เอิ่ม...และเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีฉันเป็นหนึ่งในตัวละครด้วยนะ
และเช้าวันนี้ฉันตื่นสายมากกว่าปกติ พอเดินลงมาจากชั้นสองเข้าครัวก็ต้องตกใจเพราะได้ยินเสียงน้าเรไรดังขึ้นว่า
“น้ำ...นี่แกจะนอนกินบ้านกินเมืองรึไง สายแล้วนะ ทมำไมเพิ่งตื่นห๊ะ!”
“ขอโทษจ้ะน้าเร...เมื่อคืนน้ำนอนดึกไปหน่อยวันนี้เลยตื่นสาย”
“นี่แกรู้มั้ยว่าวันนี้ไม่มีใครเตรียมอาหารเช้าให้พี่ทับก่อนออกไปที่ไร่ส้ม ไม่รู้ว่าพี่ทับเขากินอะไรไปบ้างหรือยังก่อนทำงานน่ะ”
เสียงแว๊ด ๆ ของน้าเรไรก้องเข้าไปในหูของฉันชวนจี๊ดชะมัด ทำไมต้องอารมณ์มากมาย นี่ถ้าเป็นแม่ฉันจะไม่ว่าสักคำ แต่อย่างว่าล่ะ ก็อย่างที่บอกว่าน้าเรไรเป็นคนชอบใส่อารมณ์ ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่ถึงยังไงฉันก็เถียงไม่ได้เพราะยังเด็กแม้ว่าตอนนี้อายุสิบแปดแล้ว ก็ได้แต่ทำหน้าเจื่อน ๆ