“เราไม่มีทางออกแล้วตะวัน” พอฤทัยเอ่ยเสียงเครือ
“ไหนเล่ามาซิ ไม่มีทางออกยังไง” พบตะวันเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“เราท้อง แต่พ่อของลูกเขาไม่ต้องการเด็ก ถ้าเขารู้ว่าเราท้อง เขาอาจจะให้เราทำแท้งก็ได้” ถ้อยคำที่ตอบออกมาจากปากน้องสาว ทำให้พบตะวันตกใจเป็นอย่างมาก เธอไม่อยากจะเชื่อว่ายังมีคนเลวๆ แบบนี้อยู่ คนอะไรไม่รักแม้กระทั่งลูกของตนเอง ดีแล้วแหล่ะที่น้องสาวของเธอหนีออกมาได้
“ไม่เป็นไรนะพอใจ หลานคนเดียวเราเลี้ยงได้ พอใจอยู่ที่นี่แหล่ะ อยู่กับเรา ไม่ต้องไปไหนแล้ว” พบตะวันยังคงสงสารในโชคชะตาของน้องสาว เธออยากแบ่งเอาความโชคดีในเรื่องคู่ชีวิตของเธอให้กับน้องสาวของตนเองบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เธออยากให้น้องสาวของเธอพบกับความสุข อย่างที่เธอได้พบในตอนนี้
“ขอบคุณมากนะตะวัน” พอฤทัยเอ่ยด้วยความซาบซึ้ง ถ้าเธออยู่ที่นี่ ลูกของเธอก็จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าเธอตัดสินใจบอกเขาเธออาจจะต้องเสียลูกไป
“แล้วเรื่องพ่อของลูก ตัวเคลียร์กับเขาเรียบร้อยแล้วนะ” พบตะวันยังคงถามด้วยความรอบคอบ
“ไม่ได้เคลียร์ เราหนีมาเลย เราไม่อยากบอก เรากลัวว่าเราจะปกป้องลูกไว้ไม่ได้” พอฤทัยกล่าวเสียงเศร้า
“ตัวทำดีที่สุดแล้วนะ ต่อไปนี้ตัวไม่ต้องห่วงนะ ลูกตัวก็เหมือนลูกเราแหล่ะ” พบตะวันยังคงเป็นพี่สาวที่เข้าใจน้องสาวอย่างดีตลอดมา และในระหว่างที่สองคนพี่น้องกำลังกอดกันอยู่นั้น เด็กหญิงตัวน้อยนามว่าน่านฟ้าก็เดินมาหาทั้งคู่
“คุณแม่ขา...” เด็กน้อยร้องเรียกมารดา ทำให้พบตะวันผละออกจากน้องสาว ในขณะที่พอฤทัยก็รีบเช็ดน้ำตา เพราะกลัวว่าหลานสาวจะเห็นว่าตนเองร้องไห้
“มาแล้วเหรอคะน้องน่าน เป็นไงคะ คุณพ่อพาไปเที่ยวไหนมาบ้าง” พบตะวันนั่งลงไปสนทนากับบุตรสาว เพื่อให้น้องสาวมีเวลาได้เคลียร์ความเรียบร้อยของตนเอง
“คุณพ่อพาไปเที่ยวน้ำตกมาค่ะ น้องน่านอยากเล่นน้ำ แต่คุณพ่อไม่ให้เล่น” เด็กน้อยพูดเร็วๆ รัวๆ ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ แต่ผู้เป็นมารดาก็พยายามฟังจนเข้าใจ
“อ๋อ...เหรอคะ ก็คุณพ่อเป็นห่วงน้องน่านนี่นา เดี๋ยวถ้าน้องน่านจมน้ำขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งเลยนะคะ” พบตะวันแสร้งทำเสียงเล็กเสียงน้อยสนทนากับบุตรสาว พอฤทัยมองภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ถ้าลูกของเธอคลอด เธอคงจะไม่เหงาเหมือนกัน