อินทุ
ผมต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมาดื้อๆ ทำไมเรารู้สึกหนาวแบบนี้นะ ผมบ่นกับตัวเองก่อนจะลืมตาขึ้นก็พบว่าร่างกายของผมเปลือยเปล่าไม่มีแม้แต่ผ้าห่มคลุมกาย อย่าบอกนะว่านายเตโชทำอะไรแผลงๆกับร่างกายของผมอีกแล้ว นี่ผมควรจะทำยังไงดีแม้ยามหลับก็มาเข้าฝันพอเข้าฝันไม่สำเร็จก็มาทำร้ายร่างกายผมในเวลานอนอีก เขารักผมมากขนาดนี้เลยเหรอ หากคนเราจะรักกันจริงเขาควรจะถามความสมัครใจก่อนหรือไม่ ไม่ใช่จู่ๆอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ เมื่อเป็นแบบนี้จากที่ผมไม่ชอบอยู่แล้วยิ่งเกลียดและขยะแขยงมากขึ้นแม้จะเป็นวิญญาณก็เถอะ ผมรู้สึกว่าเขาจะรุกล้ำสิทธิส่วนตัวมากเกินไปแล้ว เป็นเพราะคำพระหรอกผมถึงได้นำร่างของเขามาเก็บไว้ที่บ้านของผมอย่างที่เห็นไม่อย่างนั้นผมก็คงจะปล่อยไว้ที่วัดนั่นแหละ นี่ผมต้องการอยากจะช่วยเขาแท้ๆเขากลับไม่นึกถึงความดีที่ผมเลยแม้แต่น้อยเลยเหรอ ผมจะไม่ทนแล้ว วันนี้ผมต้องพูดกับนายเตโชให้รู้เรื่อง ผมตัดสินใจเช่นนั้นผมจึงรีบออกจากห้องนอนแล้วตรงเข้าไปยังห้องเก็บร่างไร้วิญญาณของนายเตโชทันทีก่อนจะไปหยุดยืนใกล้กับเตียงที่มีร่างคล้ายกับคนนอนหลับของนายเตโชใกล้ๆอย่างไม่รู้สึกหวาดกลัว
"คุณเตโชลุกขึ้นมา ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณให้รู้เรื่อง" ผมพูดกับร่างไร้วิญญาณด้วยเสียงเรียบๆ แต่แฝงด้วยความโกรธอยู่ในใจพอสมควร ซักพักหลอดไฟและแอ้ที่กำลังเปิดอยู่ภายในห้องก็ดับวูบลงอย่างประหลาดแต่สำหรับผมแล้วผมกลับรู้สึกคุ้นชินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเสียแล้ว ผมยังคงเรียกนายเตโชอีกหลายครั้ง กลับไม่มีการตอบรับจากนาเตโช ผมจึงไม่เรียกให้เสียเวลาแล้วยืนพูดกับร่างไร้วิญญาณของเขาเพียงฝ่ายเดียว
"คุณเตโชถ้าคุณไม่หยุดพฤติกรรมล่วงล้ำสิทธิร่างกายของผม หากมีครั้งต่อไปอีกผมจะนำร่างของคุณกลับไปไว้ที่วัดตามเดิมและจะไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นแม้ว่าเจ้าอาวาสรูปนั้นจะเคยบอกอะไรผมมาก็ตาม ผมไม่ชอบการกระทำของคุณ คุณก็รู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณและคุณก็ยังดื้อรั้นมาทำสิ่งที่ผมไม่ชอบอีก ผมขอพูดไว้ตรงนี้เลยนะครับหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นกับผมอีกครั้ง ทันทีที่ผมรู้สึกตัวผมจะรีบนำร่างของคุณกลับไปวัดแน่ๆ ผมพูดจริงทำจริง" หลังจากผมบอกความต้องการของผมจบ ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนคนร้องไห้อยู่ด้านหลังแต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้ผมเลย ยิ่งรู้ว่าเขาตอบรับหรือมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ผมกลับต้องรีบพูดและใช้โอกาสนั้นให้มากที่สุดเพื่อให้เขาได้รับรู้ถึงความรู้สึกของผมบ้าง กับการกระทำอันเลวทรามของเขาที่ไม่ควรทำไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม
"คนอย่างอินทุพูดคำไหนคำนั้น หากคุณไม่หยุดผมจะเป็นฝ่ายที่หยุดคุณเอง คุณเตโช!!" ผมเดินออกจากห้องรับรองเพื่อกลับห้องนอนของตัวเองและคอยดูสถานการณ์ต่อไป ว่านายเตโชจะแผลงฤทธิ์อะไรกับผมอีก สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดผมได้เล่าให้น้องไม้ฟังซึ่งตัวไม้เองก็แทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่ผมเล่าเพราะนายเตโชไม่เคยไปหาหรือเข้าฝันเขาเลย สำหรับผมคงจะเป็นจุดสนใจของวิญญาณดวงนั้นมากจนไม่สามารถจะไปผุดไปเกิดหรือละความต้องการของตัวเองลงได้จนต้องมาคอยก่อกวนผมอยู่ทุกวัน นับจากวันนี้ไปเหตุการณ์ต่างๆเหล่านั้นคงไม่เกิดขึ้นกับผมอีก หากเขายังต้องการอยู่ภายในบ้านหลังนี้อย่างสงบสุข
จากความไม่สบายใจที่เกิดขึ้นกับผมตลอดเวลาก่อนหน้านั้น ผมจึงตัดสินใจมาหาท่านเจ้าอาวาสวัดที่ทำฌาปนกิจศพของนายเตโชเพื่อจะมาขอคำปรึกษากับท่านและเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมให้ท่านได้ฟังคร่าวๆ สิ่งที่ผมเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดใช้เวลาหลายชั่วโมงแต่สีหน้าของท่านก็ดูเป็นปกติเหมือนไม่ได้รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ผมเล่า ท่านพูดเพียงประโยคสั้นๆกับผมว่า
"สรรพสัตว์ทุกชีวิตย่อมเกิดจากกรรม อีกไม่นานลูกจะเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด จงตั้งมั่นอยู่ในศีล สติ สมาธิ ไม่นานปัญญาก็จะตามมาเองโยม" เพียงประโยคสั้นๆของหลวงพ่อทำให้ผมเข้าใจถึงเรื่องราวที่ผมเผชิญกับดวงวิญญาณที่มีราคะครอบงำดวงจิตเพราะกรรมเก่าของผมและเขาทั้งสองคน เมื่อผมหมดข้อสงสัยจึงกราบลาท่านเพื่อกลับบ้านด้วยจิตใจที่อิ่มเอมเบิกบานกับความสุขที่แท้จริงที่ได้ประสบ จากการนั่งเสวนาธรรมกับหลวงพ่อ หลังจากผมกลับมาถึงบ้านเหตุการณ์แปลกๆไม่เคยเกิดขึ้นเช่นทุกครั้งหรือจะพูดง่ายๆก็คือ เหตุการณ์เหล่านั้นไม่ได้เกิดขึ้นอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ผมเข้าไปขอคำปรึกษากับหลวงพ่อวันนั้น
"พี่อิฐไปไหนมาครับ" น้องไม้เอ่ยถามผมทันทีที่ผมก้าวเข้ามาภายในบ้านด้วยความสงสัย
"พี่ไปหาหลวงพ่อมาน่ะก็เรื่องนั้นแหละ"
"แล้วท่านว่ายังไงบ้างครับ มีวิธีแก้ไขไหม ผมเองก็รู้สึกเป็นห่วงพี่นะแต่พี่เตไม่เคยมาหาผมเลยอ่ะผมก็เลยไม่รู้ว่าจะช่วยพี่ยังไง" ไม้พูดด้วยสีหน้าแสดงถึงความเป็นห่วงผมจนเห็นได้ชัด ผมจึงเดินเข้าไปตบบ่าเขาเบาๆเพื่อให้เขาเข้าใจว่าตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้นแล้วไม่ต้องเป็นห่วง
"เดี๋ยวอะไรๆก็ดีขึ้นเองแหละ ไม้ไม่ต้องเป็นห่วงนะพี่ดูแลตัวเองได้ ว่าแต่เราเองเดี๋ยวนี้ยังเที่ยวอยู่ไหม"
"ไม่ครับ ตั้งแต่วันที่ผมเสียพี่เตไป ความรู้สึกอยากเที่ยวของผมก็หายไป ไม่อยากจะไปไหนเลย พี่เตนะพี่เตจะออกมาให้ผมเห็น มาคุยกับผมบ้างก็ไม่ได้ ไปหาแต่พี่อิฐนั่นแหละน้อยใจแล้วนะ" ทันทีที่ไม้พูดถึงคนตายจบก็มีสายลมกระโชกแรงเข้ามาภายในบ้าน คงเป็นสัญญาณเป็นการรับรู้ของนายเตโชก็เป็นได้ จึงแสดงปรากฏการณ์ให้พวกเรารับรู้ น้องไม้ของผมมีสีหน้าดีใจขึ้นมาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปยังห้องรับรองที่เก็บร่างไร้วิญญาณของนายเตโชทันทีแต่ผมไม่ได้ตามเข้าไปเมื่อยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูก็เป็นเวลาจวนจะ 5 โมงเย็นแล้วได้เวลาทำอาหารเย็นของผม ถึงแม้ที่บ้านผมจะมีแม่ครัวและคนดูแลบ้านอยู่หลายคนก็จริงน้อยมากที่ผมจะใช้ให้พวกเขาได้ทำหน้าที่ที่พวกเขาควรจะทำ เหนือสิ่งอื่นใดผมก็ไม่ลืมจัดสำรับอาหารคาวหวานเพื่อนำไปให้นายเตโชที่ห้องรับรองทุกครั้ง เมื่อผมก้าวเข้าไปในห้องของนายเตโช น้องไม้ยังคงนั่งพูดคุยกับร่างไร้วิญญาณอยู่เพียงลำพังด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เขาพูดกับร่างไร้วิญญาณรู้เรื่องด้วยเหรอผมล่ะถึงกับงง
"อ่ะไม้พี่จัดสำรับข้าวมาให้คุณเตโชแล้ว เราเอาให้เขาด้วยนะ แล้วเตรียมออกไปกินข้าวที่ห้องอาหารด้วยล่ะ" ผมกล่าวทิ้งท้ายกับไม้ก่อนจะเดินออกไปจัดโต๊ะอาหารค่ำเพื่อรอน้องชายมากินข้าวด้วยกัน ระหว่างที่ผมนั่งรอน้องไม้ที่โต๊ะทานอาหารผมกลับคิดได้ว่าการกระทำและความต้องการของนายเตโชยังคงต้องดำเนินต่อไปแน่ เพื่อให้เขาได้หมดเวรหมดกรรมในสิ่งที่ผมหรือเขาเคยทำร่วมกันไว้ตั้งแต่ครั้งอดีตชาติ ถ้าผมปฏิเสธหรือให้เขาหยุดกับการกระทำที่ควรจะเป็นไปในความต้องการของเขา ก็เท่ากับผมกำลังให้ตัวเขารวมถึงผมยังต้องแบกรับผลกรรมนั้นร่วมกันต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผมจึงพูดอะไรบางอย่างกลางโต๊ะอาหารค่ำในขณะที่น้องไม้ยังไม่ออกมากห้องรับรอง
"คุณเตโช ผมอินทุขอยกเลิกคำสั่งห้ามทุกอย่างที่ผมเคยบอกคุณไว้ นับจากนี้คุณมีความต้องการอะไร อยากจะทำอะไร ผมพร้อมและยินดีรับการกระทำของคุณทุกอย่างเพื่อให้เราสองคนได้สิ้นเวรสิ้นกรรมต่อกันเพียงชาตินี้ คำพูดของผมอาจมีผลให้คุณกลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งก็เป็นได้ ส่วนเรื่องความรู้สึกกับหัวใจของผม ผมขอสงวนเพื่อปล่อยไปตามทางที่มันควรจะเป็นต่อไป ขอให้คุณรับรู้ด้วยครับ" เมื่อผมพูดจบก็มีเสียงที่คุ้นเคยตอบรับกลับมาด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขอยู่ข้างหูผมชัดเจน
"ขอบคุณนะอิฐ"