ยิ่งใกล้ยิ่งเจ็บ 1

1854 คำ
อนาวินมาส่งมินตราที่คอนโดและจัดการสั่งอาหารเย็นมาให้เธอด้วย แค่นั้นไม่พอเขายังเป็นฝ่ายหยิบถุงยาของหญิงสาวไปดูและจัดการเปิดถุงออกมาจัดไว้ให้เรียบร้อย “ขอบคุณนะวินที่พามินนี่ไปโรงพยาบาล” “หมอบอกว่ามินนี่เครียด พักผ่อนน้อยและทานอาหารไม่ตรงเวลา บอกผมซิว่ามินนี่มีปัญหาอะไร เครียดเรื่องอะไร” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ มินนี่ก็แค่ทำงานเยอะไปหน่อย” มินตรารีบปฏิเสธจะให้เธอบอกเขาได้อย่างไรล่ะว่าเธอตรอมใจเรื่องที่เขากำลังสานสัมพันธ์กับไฮโซสาวทายาทตระกูลดัง “แล้วทำไมมินนี่ต้องทำงานเยอะขนาดนั้น จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา” “ก็เพื่ออนาคตไงคะ” “แต่ถ้ามินนี่ยังทำงานหนักขนาดนี้ คงอยู่ไม่ถึงได้ใช้เงินนั่นหรอก ดูอย่างวันนี้สิ ถ้าล้มหัวฟาดพื้นไปจะทำยังไง ผมขอร้องนะมินนี่ อย่าทำงานหนักขนาดนี้อีก” มินตราเงียบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง หากเธอปล่อยให้ตัวเองว่างก็จะฟุ้งซ่านมากเกินไป แต่ถ้าไม่ยอมตกลงตามที่อนาวินต้องการ เขาก็คงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่ เธอรู้จักเขาดี “ว่าไงมินนี่ คุณจะยอมทำตามที่ผมขอร้องไหม ผมเป็นห่วงมินนี่นะ” คำนั้นคำเดียวทำให้มินตราตกปากรับคำในทันที แค่ได้ยินว่าเขาเป็นห่วงเธอก็รู้สึกดีใจและเต็มตื้นในอก ถึงไม่ได้เป็นคนในหัวใจแค่ได้รับความห่วงใยจากเขาเธอก็พอใจแล้ว “ก็ได้ค่ะ มินนี่จะลดการทำงานลง” “ดีมาก เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมจะพาผู้ช่วยมินนี่มาให้รู้จัก” “ทำไมวินหาได้เร็วจังคะ” “เด็กที่บ้านผมเอง หลานสาวป้าจิตเพิ่งมาจากต่างจังหวัดได้ไม่กี่เดือน เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยยังไม่ได้ทำงานก็พอดีว่าพ่อแม่เสียเหลือตัวคนเดียว พอคุณแม่ผมทราบก็ให้ป้าจิตพามาอยู่ด้วยกัน กะว่าจะหางานในกรุงเทพให้ทำเห็นว่าเคยเรียนเสริมสวยมาด้วย เขาเป็นคนรักสวยรักงามและดูมีแววด้านนี้ มินนี่จะว่ายังไงถ้าผมจะฝากเด็กไว้สักคน เขานิสัยดีนะคล่องแคล่วมีสัมมาคาราวะ” มินตราตัดสินใจได้ทันทีเมื่อได้ยินชะตาชีวิตของว่าที่ผู้ช่วยของเธอ แถมยังเป็นหลานสาวของป้าจิตแม่ครัวเก่าแก่ประจำบ้านอัศวกุลที่ให้ความเมตตาทำอาหารอร่อยๆ ให้เธอเสมอ เวลาที่เธอแวะไปเยี่ยมมารดา ของอนาวินที่บ้าน “ลองดูก็ได้ค่ะ ถือว่าช่วยให้โอกาสน้อง” “ขอบคุณครับ มินนี่ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวจะได้ทานยา” อนาวินจัดการแกะอาหารที่สั่งผ่านบริการเดลิเวอรี่ใส่จาน มินตรามองคนตรงหน้าที่กำลังจัดโต๊ะอาหารให้เธอด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข จะดีแค่ไหนถ้าเธอมีเขาอยู่เคียงข้างในฐานะคนรัก แต่ก็ได้แค่คิดเพราะเขาวางเธอไว้ในตำแหน่งเพื่อนเพียงเท่านั้น และสิ่งที่ช่วยตอกย้ำก็คือเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเขาที่ดังขึ้นตั้งแต่อยู่บนรถแล้วเขาตัดสายทิ้งไป เธอนึกเกลียดความตาไวของตัวเองที่เห็นวาคนที่โทรมาคือเจติยา อนาวินหยิบโทรศัพท์ขึ้นดูชื่อคนโทรเข้าแล้วเหลือบสายตามองเธอ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปที่ระเบียง ฝ่ายคนที่โทรมาอย่างเจติยาก็รู้สึกร้อนใจ เมื่อเพื่อนของเธอพามารดาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลแล้วโทรมารายงานว่าเห็นอนาวินพาผู้หญิงคนหนึ่งไปหาหมอที่โรงพยาบาลด้วยท่าทีประคบประหงม ได้ยินแค่นั้นความหึงหวงก็แล่นพล่านจนเธอต้องโทรหาเขารัวๆ แต่นอกจากเขาจะไม่ตอบข้อสงสัยของเธอแล้วยังชิงวางสายและบอกว่าติดธุระอีกด้วย ครั้งนี้เมื่อเขารับสายเธอจึงไม่รอช้าที่จะยิงคำถามออกไปทันที “พี่วินอยู่ไหนคะ” “เจสมีอะไรหรือเปล่า” “เจสถามว่าพี่วินอยู่ไหน” แม้ต่อหน้าเขาเธอจะพยายามทำตัวน่ารักอ่อนหวาน แต่ยามไม่พอใจนิสัยเอาแต่ใจตามประสาลูกคุณหนูที่ถูกตามใจก็เผยออกมาทันที “พี่อยู่บ้านเพื่อน เพื่อนพี่ไม่สบาย” “ผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” อนาวินอึ้งเพราะไม่คิดว่าเจติยาจะถามละเอียดยิบขนาดนี้ วูบหนึ่งเขารู้สึกไม่พอใจเพราะรู้สึกว่าถูกล้ำเส้นมากเกินไป เขากับเจติยาตกลงกันว่าจะลองศึกษาดูใจกันไปก่อนว่าจะเข้ากันได้หรือไม่ เขายอมรับว่าถูกใจในรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย แต่เมื่อคบไปเพียงไม่กี่เดือนเขาก็เริ่มรู้สึกว่าเขากับหญิงสาวไม่น่าจะไปกันรอด แม้ต่อหน้าเขาเธอจะพยายามทำตัวน่ารักอ่อนหวาน แต่เขาที่ผ่านผู้หญิงมาอย่างโชกโชนรู้ดีว่านั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเจติยา นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขายั้งตัวเองเอาไว้ไม่ก้าวข้ามไปสู่อีกขั้นของความสัมพันธ์ เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างชายหญิงเขาไม่ถือสาและไม่คาดหวังว่าเจติยาจะต้องบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่เพราะว่าเธอไม่ใช่หญิงสาวรักสนุกแบบที่เขาเคยผ่านมา แถมยังมีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้นึกถึง เขาเลยเลือกที่จะไม่พาตัวเองไปสู่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ “เจส” อนาวินเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แบบที่มินตราที่ยืนแอบฟังอยู่ในครัวรู้ว่าเขากำลังระงับความไม่พอใจเอาไว้อย่างเต็มที่ “พี่วินไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้ใส่เจส พี่วินโกรธใช่ไหมล่ะคะที่เจสรู้ทัน” “รู้ทันอะไร” “รู้ว่าพี่วินไม่ได้อยู่กับเพื่อน แต่พี่วินอยู่กับผู้หญิงคนอื่น วันนี้มีคนเห็นพี่วินพาผู้หญิงคนหนึ่งไปโรงพยาบาลท่าทางประคบประหงมน่าดู พี่วินจะบอกว่าเพื่อนเจสตาฝาดเหรอคะ” อนาวินยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดกับอาการจับผิดของเจติยารวมถึงรำคาญพวกปากหอยปากปูขี้ฟ้องทั้งหลายด้วย “นั่นน่ะเพื่อนพี่ เขาไม่สบายพี่เลยพาเขาไปหาหมอ” “หึ พี่วินจะให้เจสเชื่อเหรอคะ ถ้าพี่วินอยากให้เจสเชื่อ พี่วินต้องพาผู้หญิงคนนั้นมาให้เจสรู้จักด้วย” “พี่คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกมั้งเจส ถ้าไม่เชื่อใจกันพี่ก็ไม่มีอะไรจะพูด แค่นี้นะ” “พี่วิน อย่าวางนะ เจสไม่ยอมจริงๆ ด้วยห้ามวาง” “ไม่ให้วางแล้วจะมาชวนทะเลาะแบบนี้ก็ไม่ไหวนะเจส พี่ไม่ชอบความไร้สาระที่เจสเป็นอยู่ตอนนี้เลย บางทีนะเจสเราควรมาทบทวนความสัมพันธ์ของเรากันใหม่” “กรี๊ด พี่วินหมายความว่าไงคะ พี่วินจะเลิกกับเจสเพราะมันเหรอ” “ไม่ใช่เพราะคนอื่นหรอก แต่เพราะเจสเองนั่นแหละ คนเราจะคบกันถ้าไม่มีความเชื่อใจให้กันก็ลำบาก อ้อ แล้วอีกอย่างอย่ามาเรียกเพื่อนพี่ว่ามัน พี่ไม่ชอบ” “พี่วิน นี่พี่วินเห็นคนอื่นสำคัญกว่าเจสเหรอคะ” “มินนี่ไม่ใช่คนอื่น” “มินนี่ อ้อ ในที่สุดก็หลุดชื่อแม่นั่นออกมาจนได้” “เจส อย่ามาหยาบคายกับเพื่อนพี่ วันนี้ดูเหมือนเราจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว แค่นี้นะ” อนาวินไม่รอฟังอะไรอีกต่อไป ชายหนุ่มกดวางสายทันที แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเจติยาก็โทรมาอีกจนเขาตัดสินใจปิดเครื่องในที่สุด อนาวินชะงักเมื่อเปิดประตูกระจกของระเบียงเข้ามาแล้วเจอมินตรายืนถือแก้วน้ำอยู่ในครัวพอดี “มินนี่ ลุกมาทำไมเดี๋ยวก็หน้ามืดอีก” อนาวินถามและเดินเข้ามาประคอง “ขอโทษนะวิน มินนี่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่มินนี่ว่าวินกลับไปปรับความเข้าใจกับคุณเจสเถอะ มินนี่ขอโทษด้วยที่เป็นต้นเหตุให้วินกับแฟนต้องทะเลาะกัน” “มันไม่เกี่ยวกับมินนี่เลยสักนิด อันที่จริงผมกับเจสเรายังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ” มินตราเผลอเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจจนเขาต้องอธิบาย “ผมกับเจสเราตกลงว่าจะลองศึกษากันดู ถ้าเกิดว่าไปด้วยกันได้ถึงจะตกลงเป็นแฟน แต่จากที่ผ่านมาหลายเดือนนี้ผมคิดว่าตัวเองได้คำตอบแล้วล่ะ เราสองคนไปกันไม่รอดหรอก” “ใจเย็นๆ ก่อนนะวิน คุณเจสเธอคงระแวงตามประสานั่นแหละ มีแฟนคุณสมบัติครบแบบวินผู้หญิงที่ไหนก็ต้องระแวงเป็นธรรมดา” “ถ้างั้นมินนี่ก็เป็นซุปเปอร์วูแมนน่ะสิ เพราะเสน่ห์ของผมทำอะไรมินนี่ไม่ได้เลย” อนาวินหัวเราะและประคองเธอกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหาร “ไปเถอะ ไปทานข้าวจะได้ทานยา อันที่จริงมินนี่บอกผมก็ได้นะว่าอยากได้อะไร ลุกมาเองแบบนี้เดี๋ยวก็หน้ามืดอีก” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มินนี่ดีขึ้นมากแล้ว” “แล้วมินนี่อยู่คนเดียวได้เหรอ ให้ผมอยู่เป็นเพื่อนไหม” อนาวินถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเขาเคยมาค้างที่คอนโดเธอหลายครั้งเรียกว่าห้องนอนอีกห้องที่ว่างมีเขาจับจองเป็นแขกขาประจำอยู่คนเดียว บางครั้งเขาก็จะแวะมาขอข้าวเย็นกินเพราะกินคนเดียวที่คอนโดมันเหงา บางครั้งก็แวะมาดูบอลและยึดเอาโซฟาหน้าทีวีของเธอไปครอบครอง นอกจากนี้เขายังมีกุญแจและคีย์การ์ดที่สามารถเข้าออกคอนโดของเธอได้ตลอดเวลาอีกด้วย “มินนี่อยู่ได้ค่ะ บอกแล้วไงคะว่ามินนี่อาการดีขึ้นมากแล้ว ได้ทานข้าวทานยานอนพักก็หาย” “โอเค งั้นผมจะรอจนกว่ามินนี่จะทานข้าวทานยาและอาบน้ำเสร็จถึงจะกลับ” อนาวินทำตามที่พูดด้วยการอยู่ดูแลมินตราจนหญิงสาวอาบน้ำเรียบร้อยเขาจึงกลับ โดยก่อนกลับยังไม่วายสั่งแล้วสั่งอีก “ถ้ามีอะไรมินนี่โทรหาผมทันทีเลยนะ ผมจะรีบมา” “ค่ะ” “มินนี่ไม่ต้องเดินไปส่งหรอก เดี๋ยวผมกลับเอง” อนาวินบอกและเดินออกจากห้องไป มินตรามองตามด้วยความรู้สึกทั้งตื้นตันใจและเศร้าใจ การที่เขายิ่งมาทำดีมันยิ่งทำให้เธอถลำลึกและประโยคที่ว่าเสน่ห์ของเขาทำอะไรเธอไม่ได้นั้นไม่จริงเลยสักนิด เพราะมันทำได้และทำได้มานานแล้ว…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม