วันต่อมา
"อะไรนะ? เป็นเด็กพวกคุณ" มิเกล ถามเสียงตกใจ หลังจากสองหนุ่มเรียกพบ เซทตอบกลับ
"ทำไม..ก็เธอมายืมเงินพวกฉัน ดอกเบี้ยก็ไม่จ่าย แล้วชาติไหนจะได้เงินครบ"
"ก็ฉันบอกพวกคุณไปแล้วแค่ความบริสุทธิ์ไม่พอหรือไง"
"ไม่พอ! เงินเป็นล้าน ฉันจะหาผู้หญิงบริสุทธิ์ได้กี่สิบคน คิดว่าตัวเองสวยขนาดนั้นเชียว"
ตัวเล็กกำหมัดไม่อยากโต้เถียง เรย์ที่นั่งฟังมองสถานการณ์รีบพูดแทรก
"เงินแต่ละบาทรู้ไหมว่าพวกฉันหามาอย่างลำบาก มือเปื้อนเลือดหนักขนาดไหน"
"ไม่ต้องเดาก็พอจะดูออก พวกคุณคงไม่ได้มีธุรกิจส่วนตัวแค่ผับบาร์ที่นี่หรอก"
"ฉลาดใช้ได้ แต่ตอนนี้พวกฉันยังหาวิธีตัดสินเรื่องเธอไม่ได้ ฉะนั้น รับรู้เอาไว้ว่าเธอเป็นเด็กของฉันกับไอ้เซท"
"แล้วฉันมีทางเลือกด้วยหรือคะ"
จริงอย่างที่พูด ตัวเล็กเดินออกจากห้องหลังจากพูดคุยธุระเสร็จ
หลายวันผ่านไปมีรถเก๋งป้ายแดงพร้อมคนขับ อีกทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ราคาแพงหรูหราจนนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกันมองตาลุกวาว
"กระเป๋าใบนี้มีขายแต่ช็อปปารีส เธอไปเมืองนอกตอนไหน" เสียงเพื่อนร่วมห้องเดินมาล้อม มิเกล เอาไว้ "หรือไปช่วงเสาร์อาทิตย์ รวยเวอร์"
"มะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก"
"อยากได้บ้าง แต่พ่อบอกภาษีนำเข้ามันแพง เลยอดได้กระเป๋าใบนี้เลยอิจฉาจัง"
"เธออยากได้มากเหรอ"
"แน่นอนสิ! ทั้งดีทั้งแพง"
ผับ V กัสซ่า
"อะไรนะขายต่อ?!!" สองหนุ่มประสานเสียง
"ก็ฉันเห็นว่ามันราคาแพงไม่เหมาะจะถือ ก็เลยขายต่อเพื่อนร่วมห้องไปแล้ว"
"เธอบ้าหรือเปล่าเนี่ย"
"คือว่าฉัน.."
"เด็กบ้าเอ๊ย! รู้ไหมว่าฉันใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะได้กระเป๋าแบรนด์นี้จากปารีส"
เซทเริ่มหงุดหงิดบ่นอุบอิบ เรย์ยกเหล้าวอดก้าสุดโปรดอย่างไม่ยั้ง ก่อนจะจ้องหน้า
"ซนจริงนะสาวน้อย" เรย์พูดพลางกระตุกยิ้ม
"ฉันขอโทษค่ะ หากพวกคุณต้องการกระเป๋าคืน หรือต้องการเงินที่ขายฉันยินดีโอนให้ยังไม่ได้ใช้สักบาทเดียว"
"เรื่องเงินมันไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับพวกฉันเธอก็รู้อยู่แล้วนี่"
"แล้วพวกคุณจะโมโหทำไม"
"ความหยิ่งยโสของเธอต่างหากที่มันน่าหงุดหงิด หึ"
มิเกล ยืนนิ่งคาดเดาสถานการณ์ไม่ออก บางทีก็ดูเหมือนพวกเขาจะใจดี บางครั้งก็ดูเหมือนพวกเขามีแผนการอะไรในใจ
"อ๋อออ อีกเรื่อง" เซทพูด "ระหว่างเรา ต้องเก็บไว้เป็นความลับ ฉันขี้เกียจตอบคำถามพ่อ"
"ฉันเองก็ไม่อยากถูกมองไม่ดีเหมือนกัน"
"บทจะว่านอนสอนง่ายก็ง่ายเสียจริง"
"พวกคุณไปหาหมอบ้างนะคะ เหมือนจะเป็นไบโพล่าร์ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายอยู่เนี่ยแหละ"
"โอเค ปากแจ๋วไม่เปลี่ยน"
เรย์วางแก้วเหล้าลง เขาถอดสูทสีดำวางพาดที่พิงโซฟาขนมิ้งสีน้ำตาล ใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจลุกจากที่นั่งเดินไปยังเบื้องหน้าของตัวเล็ก
"เรามาพูดถึงเรื่องที่เธอต้องชดใช้กันดีกว่า" มิเกลทำท่าทางตกใจเล็กน้อย
"ไหนบอกว่าพวกคุณยังตัดสินใจกันไม่ได้..ละ แล้วจะทำยังไงคะ"
"นั่นสิ..ทำยังไงดี"
"เราเลื่อนเวลาออกไปจนกว่าพวกคุณจะหาผู้ชนะในเดิมพันนี้เจอดีไหมคะ"
เป็นคำพูดที่โน้มน้าวเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น เซทมองเห็นความเฉลียวฉลาดจนทำให้เขาอดอมยิ้มไม่ได้
ทั้งคู่กำลังตื่นเต้นเหมือนเจอเหยื่อรายใหม่
"ถ้ามันตัดสินกันยากงั้นก็..พร้อมกันไปเลยเป็นไง หึ"
คำพูดของเซทยิ่งตอกย้ำความกลัวภายในใจ มิเกลถอยห่างมือจับประสานกันไว้
"มะ หมายความว่ายังไงคะ" เสียงสะอึกของตัวเล็กถามไถ่ "พวกคุณคงไม่..."
รอยยิ้มแสดงเจตจำนง แค่คนเดียวก็ทำให้ตื่นเต้นพะวง แต่ครั้งแรกของเธอ ใครจะไปคิดว่าต้องถูกล่วงเกินแบบดับเบิ้ล
"เราไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้นะคะ!" ตัวเล็กโต้เถียง เรย์ที่ยืนใกล้เอื้อมมือสัมผัสปอยผมยาวพร้อมคำพูดเยือกเย็น
"ยังไม่ทันได้ลองเธอรู้ได้ไงว่าจะไม่มันส์"
"พวกคุณบ้าไปแล้ว ฉันไม่เอาด้วยหรอก"
"ถ้างั้นก็คืนเงินมาสิให้ครบทุกบาท แต่ถ้าเธอบอกว่านำไปใช้ผ่าตัดสมองของพ่อ ถ้าอย่างนั้น..พวกฉันไปตามทวงคืนดีไหม"
"ยังไงคะ"
เรย์หันกลับมามองหน้าเพื่อน พวกเขาสบตากันราวกับรู้งาน "ก็แค่ให้หมอควักสมองพ่อเธอออก เท่านี้ก็ถือว่าชดใช้แล้ว"
"บ้าไปแล้วหรือไง ฮึกกก"
มิเกลยังคงไม่ยอมแพ้ เธอน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อที่มีอาการเป็นตายเท่ากันนอนเป็นผักแช่อยู่โรงพยาบาล
สองมาเฟียหนุ่มเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้า ซิกซ์แพกเป็นลอนพรีเมียมสะท้อนแสงไฟสะดุดตา
เซทถอนหายใจออกคำสั่ง
"แก้ผ้าสิ..ขอเช็กของเธอหน่อยว่าคุ้มกับเงินที่เสียไปหรือเปล่า"