ตอนที่ 13 ลูกค้ากิตติมศักดิ์

1868 คำ
เนื่องจากเมื่อวานไม่ได้ไลฟ์สดวันนี้ก็เลยไม่ต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อกลับคอนโดไปแพ็คของส่ง ส่วนออร์เดอร์ที่สั่งเข้ามาเธอแจ้งเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะส่งสินค้าให้วันจันทร์ วันหยุดวันสุดท้ายนี้พิมพ์อัปสรก็เลยมีเวลาว่างทั้งวัน ตั้งใจจะขลุกอยู่ที่สวนคุณบุษบาจนถึงห้าโมงเย็น ค่อยแวะไปส่งพิชยะที่บ้านแล้วกลับคอนโด ส่วนเรื่องปาลทัตหรือแม้แต่เรื่องมารดาผู้ให้กำเนิดมลายหายไปทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นย่า หญิงชราวัยเจ็ดสิบเจ็ด ผู้หญิงเก่งและแกร่งที่เป็นทั้งพ่อและแม่ของเธอ เมื่อไม่มีเรื่องเครียด ใบหน้าสวยก็กลับมาเบิกบานอีกครั้ง ครึ่งวันที่เหลือของพิมพ์อัปสรจึงมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ้านสวนของย่าคือบ้านของเธอ คือสถานที่ให้ความสุขเธอ คือที่ที่ให้ความอบอุ่นเธอ คือเซฟโซนของเธอ เพราะคำว่า ‘บ้าน’ ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่ที่มีพ่อแม่อยู่ด้วยเสมอ...ขอแค่เป็นสถานที่ที่เรามีความทรงจำที่ดี อยู่แล้วรู้สึกอบอุ่น มีความสุขไปกับคนที่เรารักและรักเราก็เพียงพอแล้ว เมื่อได้นอนหลับสนิทแบบเต็มอิ่มตื่นเช้ามาก็เลยสดชื่น วันนี้พิมพ์อัปสรก็เลยตื่นนอนตั้งแต่หกโมงเช้าเพื่อลงไปวิ่งออกกำลังกายที่สวน วิ่งๆ เดินๆ อยู่เกือบชั่วโมงจึงได้กลับขึ้นบ้านไปอาบน้ำอาบท่าแต่งเนื้อแต่งตัวเป็นชุดทำงานตัวโปรด เสร็จแล้วก็ลงมานั่งทานข้าวกับเจ้าของบ้านวัยเจ็ดสิบเจ็ดที่มองยังไงก็ไม่เหมือนคนอายุเจ็ดสิบกว่า เหมือนคนสูงอายุที่เพิ่งมีสิทธิได้รับเบี้ยชราปีแรกมากกว่า นั่งคุยสัพเพเหระเกือบสองชั่วโมงจึงปล่อยให้คนแก่เอนหลัง ส่วนตัวเองก็ลงไปช่วยงานที่สวน สวนบุษบาเปิดให้บริการมายาวนานกว่าสามสิบปี เปิดก่อนที่พิมพ์อัปสรจะเกิดร่วมสิบปี สถานที่ฝึกปรือให้เธอหัดคลานหัดเดินหัดวิ่งก็คือสวนแห่งนี้ จะบอกว่าพิมพ์อัปสรโตมาพร้อมกับสวนบุษบาเลยก็ว่าได้ เห็นมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ต้นเสายังเป็นไม้ยูคาหลังคาสังกะสีกระทั่งตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นเสาปูนหลังคากระเบื้องแทน สำหรับเจ้าของสวนผู้บุกเบิกหรือคุณย่าของเธอมีลูกสองคน เป็นผู้ชายทั้งคู่ คนโตชื่อบุรินทร์ซึ่งก็คือบิดาของเธอ ส่วนคนเล็กที่มีอายุห่างจากพี่ชายถึงสิบห้าปีชื่อบดีศรหรือที่เธอเรียกว่าอาเล็ก ทั้งสองคนต่างกันมาก ไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยใจคอ ความคิด การใช้ชีวิต หรือหน้าที่การงาน บิดาของเธอยึดอาชีพทนายความมาตั้งแต่เรียนจบ ส่วนคุณอาหนุ่มของเธอก็ยึดอาชีพคนขายต้นไม้มาตั้งแต่เรียนจบเหมือนกัน เหมือนบิดาเธอจะมีภาษีดีกว่า ทว่าความจริง... กลับไม่ใช่เลย คุณอาหนุ่มของเธอดีกว่าเยอะ พิมพ์อัปสรไม่อยากโม้มาก ทว่าสวนบุษบาถือเป็นสวนต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในนนทบุรีเลยก็ว่าได้ แค่พูดชื่อเป็นร้องอ้อ ทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ต้นไม้หายาก ต้นไม้นิยม ต้นไม้มงคล จะปลูกในน้ำหรือว่าปลูกบนดิน ไม่ว่าจะเป็นไม้คลุกดิน ไม้ล้มลุก ไม้เลื้อย ไม้พุ่ม ไม้ยืนต้น จะต้นเล็กต้นใหญ่ที่นี่ก็มีหมด ขึ้นอยู่ที่ว่าลูกค้าจะพอใจหรือเปล่า พิมพ์อัปสรที่กำลังช่วยคนงานจัดกระถางดาวเรืองในแปลงเริ่มหยุดมือ หันหน้าไปมอง เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างอาหนุ่มกับหลานชายคนโปรด “เพิ่งตื่นเหรอเรา? กินข้าวหรือยังล่ะ?” “กินแล้วครับ กล้วยแขก?" พิชยะตอบ พยักหน้าไปที่ถุงกล้วยแขกบนโต๊ะ หยิบชิ้นบนสุดเข้าปาก "ร้านลุงหนวดแน่ๆ” “อือ เมื่อเช้าอาขับรถผ่านก็เลยแวะซื้อ ไม่ได้ไปนานคนก็ยังเยอะเหมือนเดิม แต่ร้านนี้เขาทำดีถึงเย็นก็ยังอร่อย” “จำได้ว่าเมื่อก่อนย่าชอบกินมาก” “ตอนนี้ก็ชอบ แต่ไม่ให้กินแล้ว หมอสั่งห้ามพวกของทอดของมัน แต่ก็ไม่ค่อยจะฟังหรอก ไอ้เราไม่ซื้อมาให้ก็บ่น” “อาเล็กไม่บอกไปว่าลุงหนวดเลิกขายไปแล้ว” พิชยะเสนอทางออก “บอกสิ ทำไมอาจะไม่บอก แต่ย่าเราเชื่อที่ไหนล่ะ พออาพูดก็หาว่าอาโกหก ไม่อยากให้กิน ซึ่งเราก็ไม่อยากให้กินจริงๆนั่นแหละ ถ้าหมอไม่สั่งห้ามมีเหรอที่อาจะไม่ซื้อมาให้ ย่าเรานะดื้อเก่งกว่าหมอ” คนเป็นอาส่ายหน้า “เป็นไง ยังอร่อยอยู่มั้ย?” พิชยะพยักหน้าเห็นด้วย เรื่องเก่งเกินหมอต้องยกให้ย่าเลย เลื่องลือมาตั้งแต่สมัยเป็นสาว หมอบอกอะไรเป็นต้องมีแต่ตลอด ซึ่งเขาก็ไม่ได้เห็นเองหรอกนะ เกิดไม่ทัน ก็เป็นคนตรงหน้านั่นแหละที่เล่าให้ฟัง “พอได้ครับ แต่เหนียวไปหน่อยถ้าร้อนคงอร่อยกว่านี้” พูดจบก็ยื่นมือไปหยิบกล้วยแขกชิ้นใหม่เข้าปาก พิมพ์อัปสรมองน้องชายเคี้ยวกล้วยแขกจนแก้มตุ้ยด้วยความหมั่นไส้ ปากบอกว่าเหนียวแต่เคี้ยวไม่หยุด มันน่าเชื่อมั้ย? ใครจะเชื่อก็เชื่อไป พี่สาวอย่างเธอของแทงสวน เมื่อวานหลังจากทานข้าวเย็นเสร็จ น้องชายของเธอก็รีบเข้าไปประจบผู้เป็นย่า ทั้งบีบทั้งนวดปรนนิบัติพัดวีสารพัดอย่าง ไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ได้เงินมาห้าพัน ก็เลยรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าวันนี้จะรีบตื่นแต่เช้ามาช่วยงานที่สวนให้คุ้มค่าเงินครึ่งหมื่น ทว่าความเป็นจริง... สิบโมงพิชยะเพิ่งจะเดินหาวหวอดออกจากห้อง มาถึงก็พุ่งตรงไปที่ร้านอาหารตามสั่งเจ้ปลาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม สั่งข้าวผัดกระเพรากุ้งโปะด้วยไข่ดาวสุกบวกด้วยกาแฟเย็นมานั่งทานด้วยความเบิกบาน เสร็จแล้วก็เดินข้ามฝั่งกลับมาที่สวนตรงดิ่งไปที่จุดเซ็นเตอร์หันพัดลมตัวใหญ่จ่อหน้า หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเกมด้วยความรู้สึกลั้ลลา เหลือแค่ยกขาขึ้นไขว่ห้างกระดิกนิ้วเท้า ครบสูตรหลานชายเทวดาของจริง หึยยยย...แล้วหมาตัวไหนมันบอกจะมาช่วยงานที่สวนห๊ะ? “ไหนบอกจะมาช่วยงาน?” พิมพ์อัปสรถามน้องชายเทวดาที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากดโทรศัพท์ในมือยิกๆ “ก็นี่ไง? มาแล้ว” “มาแล้ว? แต่มานั่งเล่นโทรศัพท์?” “เพื่อนมันส่งคลิปไฮไลท์มาให้ดู” เป็นคลิปไฮไลท์ฟุตบอลนัดกระชับมิตรของสโมสรต่างประเทศที่ไม่มีการถ่ายทอดสด คลิปที่ว่าก็มาจากเว็บไซต์ต่างประเทศ “เพื่อนส่งมาแล้วต้องรีบดูเลยมั้ย ก็บอกเพื่อนไปสิว่าไม่ว่างต้องทำงานช่วยที่บ้าน เลิกเล่นแล้วไปช่วยลูกค้าดูต้นไม้” “...” “เงินอะไม่เอาแล้ว?” ก็เงินของย่าที่ให้หลานชายเมื่อคืน ทว่าถูกพี่สาวผู้แสนดีอย่างเธอยึดเอาไว้ก่อน ก็รู้ไงว่าต้องมีคนอู้ “เอาดิ” พิชยะเหล่ตามอง “เอาก็ลุก” “ขอ 2 นาทีเดี๋ยวก็จบเกมแล้ว” “มีแต่สองมือจะเอามั้ย?” “พี่พริ้มแม่งบ่นเก่งยังกะคนแก่ แถมดุยังกะ...” “ดุยังกะอะไร? พูดดีๆ นะ พูดไม่ดีมีเรื่อง” พิมพ์อัปสรชี้หน้าคนอายุน้อยกว่า มองคนตรงหน้าตาขวาง พร้อมขย้ำทันทีที่คำว่า...'หมา' หลุดออกจากปาก “อะๆ ไปแล้ว” พิชยะมองพี่สาวด้วยสีหน้าเซ็งจัด พูดจบก็ลุกขึ้นเดินหน้าบึ้งออกไปหาลูกค้าหน้าร้านทันที เป็นลูกค้าที่เพิ่งขับรถเข้ามาจอด “พายนิเหมือนพริ้มตอนเป็นเด็กไม่มีผิด” พิมพ์อัปสรบึนปาก ส่ายหน้ารัวไม่เห็นด้วยกับคำพูดของอาหนุ่ม “ไม่เห็นเหมือนเลย พริ้มพูดง่ายกว่าเยอะ ขยันกว่าด้วย” "แต่พายก็มาช่วยงานที่สวนบ่อยนะ" "แง๊ อาเล็กลำเอียง เข้าข้างนายพาย ใช่สิเดี๋ยวนี้พริ้มไม่ใช่หลานรักแล้วนิ" "ฮ่าๆ เป็นงั้นไป" “พี่พริ้ม...มาช่วยดูต้นไม้ให้ลูกค้าหน่อย ลูกค้าอยากได้ต้นไม้ไปปลูกที่คอนโด” พิมพ์อัปสรกลอกตา เดินไปไม่ถึงห้านาทีก็เรียกหาตัวช่วย แล้วบอกจะทำงานให้คุ้มค่าเงินห้าพัน เอาให้คุ้มค่าแรงรายวันก่อนมั้ย? สวนบุษบาจ่ายค่าแรงคนงานวันละ 450 อย่างน้องชายเธอได้วันละ 250 คือเกินค่าจ้างไปไกลมาก “ดูหลานชายอาเล็กสิ ไม่ทันไรก็เรียกหาตัวช่วยแล้ว เห็นแบบนี้ก็รีบขอสาวแต่งงานซะ อย่าคิดที่จะฝากผีฝากไข้ฝากสวนไว้กับนายพายเลย พริ้มบอกเลยว่าโอกาสเจ๊งสูงมากกกกก” คนถูกไล่ให้แต่งงานอมยิ้ม ส่ายหน้าเบาๆ “ก็ตาพายไม่ได้คลุกคลีกับสวนเหมือนเราไง น้องก็คงแนะนำแล้วแต่อาจจะยังไม่ถูกใจลูกค้า” “เนี่ย ก็ให้ท้ายกันแบบเนี้ย” พิมพ์อัปสรบ่นอาหนุ่มที่เข้าข้างหลานชายไปทุกเรื่อง เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าไม่ใช่แค่พิชยะหรอกนะที่ถูกสปอยล์ เรื่องสปอยล์หลานต้องยกให้คนบ้านนี้ ต่อให้เธอกับน้องชายจะเปิดแอร์เย็นช่ำ นอนตีพุงอยู่ในบ้าน ไม่ช่วยหยิบจับช่วยทำงานอะไร ย่ากับอาเล็กของเธอก็ต้องบอกว่าหลานฉันขยัน หลานฉันเป็นคนดี "พริ้มไม่ได้พูดเล่นนะเรื่องแต่งงาน อาเล็กต้องรีบแต่งได้แล้ว จะได้มีคนมาช่วยดูแลสวนไง" “มีที่ไหนล่ะ อาแก่ขนาดนี้ผู้หญิงที่ไหนจะเอา” วอท?!!!!! สี่สิบปีคือแก่? แล้วห้าสิบห้าอย่างเฮียหมูที่เพิ่งจัดงานแต่งไปเมื่อสองเดือนก่อนคืออันใด? "ก็ผู้หญิงที่อาเล็กพาไปกินข้าวเมื่อวานไง" ที่เมื่อวานไม่ได้อยู่กินข้าวเย็นที่บ้านก็เพราะพาสาวไปเดทไม่ใช่เหรอ อย่าคิดว่าเธอไม่รู้ "ก็เพื่อนกันทั้งนั้น" “เพื่อนกันเขาไม่พากันไปกินข้าวใต้แสงจันทร์แค่สองคน” “แค่เพื่อนจริงๆ” "อาเล็กไม่ใช่ดาราไม่ต้องลอกคำตอบ" คนถูกหลานสาวย้อนอมยิ้ม "ไปช่วยน้องไป มานั่งบี้เอาอะไรกับอา" เอาอาสะใภ้ไง “ถ้าพริ้มเป็นแฟนอาเล็กนะ พริ้มจะงอนจนกว่าอาเล็กจะขอแต่งงาน แล้วพริ้มจะเรียกสินสอดเยอะๆ” พูดจบก็เดินไปทางที่น้องชายเรียก เมื่อเดินไปถึงจุดที่พิชยะยืนคุยกับลูกค้าก็ต้องหยุดนิ่ง ไม่คิดว่าลูกค้าที่น้องชายเรียกให้มาช่วยดูต้นไม้จะเป็น... รุ่นพี่...ที่คณะของเธอ หนึ่งในนั้นคือคนที่ถล่มไลก์ไอจีเธอไปเมื่อวาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม