เดดแอร์!...
เงียบสงบหยุดทุกการพูดคุย...
เงียบกว่าห้องดับจิต...
คือบรรยากาศที่เกิดขึ้นภายในรถอาวดี้คันหรู ที่ความเงียบกินเวลามาเกือบสิบนาทีหลังจอดรับผู้โดยสารรายใหม่เข้ามา มันเงียบถึงขั้นได้ยินเสียงหายใจของคนในรถ สองหนุ่มด้านหน้าอาจจะปิดปากเงียบไม่พูดอะไร แต่ปฏิกิริยาทางกายก็ยังคงเป็นธรรมชาติ นั่งด้วยท่าทางผ่อนคลาย ไม่ได้เกิดความเกร็งหรือว่ากังวลแต่อย่างไร ต่างจากผู้โดยสารเบาะหลังที่พากันนั่งตัวเกร็งแทบไม่กระดุกกระดิก
พิมพ์อัปสรที่อยากจะขยับก้นก็ต้องทนนั่งท่าเดิม
จินดาหราที่อยากจะยกขาซ้ายออกจากขาขวาของกาญจน์สิเนห์ก็ต้องทนให้เพื่อนนั่งทับขาต่อไป เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เรื่องขาไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือเธออยากพักสายตา ยังเวียนหัวกับพี่แท็กซี่ไม่หาย
ส่วนกาญจน์สิเนห์นอกจากนั่งหลับซบจินดาหราก็ไม่มีอะไร ดูสงบเสงี่ยมกว่าตอนอยู่บนรถแท็กซี่...ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่เช่นนั้นประวัติศาสตร์อาจจะซ้ำรอยเดิมได้ ถ้าถูกไล่ลงจากรถครั้งนี้ก็คงไม่ได้กลับห้องจริงๆ
กลายเป็นพิมพ์อัปสรคนเดียวที่นั่งตัวเกร็งอยู่ด้านหลัง
ปราบปลื้มก็คงสังเกตเห็นจึงเอื้อมตัวหันหน้ามาคุยด้วย
"แล้วพวกเราไปทำอะไรถึงได้ถูกเชิญลงจากรถ ปกติแท็กซี่เขาจะไม่ทิ้งผู้โดยสารกลางทางนะถ้าได้รับขึ้นรถแล้ว หรือว่ารถเสีย?" อันนี้พอเป็นไปได้ ตอนแรกที่รับผู้โดยสารขึ้นรถมาก็น่าจะยังไม่มีอะไร ขับไปซักพักรถเกิดเอ็กซิเดน ก็จำเป็นต้องให้ผู้โดยสารลงจากรถเพื่อเรียกคันใหม่
ถามแล้วก็รอคำตอบ
ทว่าคำถามของปราบปลื้มทำให้พิมพ์อัปสรต้องกลืนน้ำลายเหนียวเหนอะลงคออย่างยากลำบาก ตวัดปลายลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งตึง ก่อนจะเบือนสายตามองเพื่อนทั้งสองที่คนหนึ่งเมาหลับแต่อีกคนแกล้งหลับ
โดนคุณพี่แท็กซี่ไล่ลงจากรถว่าหนักแล้ว
แต่...
คำถามของปราบปลื้มทำให้พิมพ์อัปสรรู้สึกว่าเรื่องที่เพิ่งเจอมามันเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วไปซะงั้นเมื่อต้องตอบคำถามในเรื่องที่เธออยากจะ...ลืม
เธอพลาดไปแล้วจริงๆ ที่ไม่ยอมดื่มจนเมา หรือจะแกล้งน็อคกลางอากาศดี?
“ครับ?”
"เพื่อนมัน...อ้วก อะค่ะ พี่แท็กซี่เขาเลยเชิญให้ลงจากรถ" ใบหน้าสวยแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากอิ่มขยับเม้มกันจนแน่น บนใบหน้าปรากฏความรู้สึกชนิดหนึ่งที่เธอรู้ดีว่ามันคืออะไร
อาย...
และก็ อาย! อาย! อาย!
บอกเลยว่าโคตรอาย! ให้บรรยายสามวันก็ไม่หมด
ปกติก็ค่อนข้างเป็นคนมั่นใจในความมั่นหน้ามั่นโหนกของตัวเอง ไม่ต้องมีรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ก็คิดว่าหนาพอตัว ทนทานกับทุกสถานการณ์ แต่ครั้งนี้ไม่ไหวจริงๆ เธอไม่ทนสู้ไม่ไหว ที่เคยคิดว่าตัวเองหน้าหนา ความจริงแล้วหน้าเธอยังหนาไม่พอ ชั่วโมงบินเธอยังต่ำกว่ามาตรฐาน ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกมากโข ถ้าให้พูดถึงความรู้สึกของพิมพ์อัปสรตอนนี้ ก็ต้องบอกว่า...ว่างเปล่า
ไม่มีอะไรจะพูด...เพราะเธอพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอะไร มันจุกแน่นอยู่ในอก
ถ้าพูดต้องกระอักออกมาแน่ๆ
"อ้วก? หมายถึงอาเจียน?"
อยากจะขำใบหน้าคนถาม แต่บอกเลยว่าขำไม่ออก
พิมพ์อัปสรยิ้มแห้ง ขยับริมฝีปากเม้มกันเบาๆ พยักหน้าขึ้นลงเป็นการยืนยัน "ค่ะ อ้วก อาเจียน"
“เอ่อ...”
“...”
“...”
ปราบปลื้มหยุดนิ่งตรงคำว่า ‘เอ่อ...’ ส่วนพิมพ์อัปสรพูดไม่ออกตั้งแต่ตอบคำถามเสร็จ เกิดภาวะเดดแอร์ไปชั่วขณะ
เข้าใจหัวอกคุณพี่แท็กซี่ขึ้นมาทันที...
‘น้องอย่าว่ากันเลยนะ ผมออกจากบ้านมาตอนสี่ทุ่มวิ่งรถมาเกือบสี่ชั่วโมงเพิ่งจะได้เงินหกร้อย ยังไม่พอค่าเช่ารถรายวันเลย ถ้าเพื่อนน้องมาอ้วกใส่รถอีกคงไม่ได้วิ่งต่อ เงินค่าเช่ารถก็ไม่พอ ค่าแก๊สก็ไม่ได้คืน ถ้าต้องมาเสียเงินค่าล้างรถอีก กลับเข้าบ้านผมคงถูกเมียด่ากระเจิง อย่าว่านั้นนี่เลยนะพวกน้องลงเถอะ ไปอ้วกให้มันเสร็จ แล้วค่อยเรียกคันใหม่ ค่าโดยสารผมก็ไม่เอา’
ถึงจะเข้าใจ แต่ไล่ลงจากรถแล้วยังคิดค่าโดยสารอีกก็แย่มาก เธอไม่อยากจะพูดว่าที่เพื่อนเธอต้องอ้วกแตกส่วนหนึ่งก็เพราะแอร์รถคุณพี่มันไม่เย็น เปิดก็เหมือนไม่เปิดนอกจากจะไม่มีความเย็นจากแอร์ยังมีแต่ลมร้อนออกมารีดไข้มันพวกเธออีกต่างหาก ไหนจะฝีไม้ลายมือการขับรถของคุณพี่อีกที่ขยันส่ายสะบัดซ้ายทีขวาทีเดี๋ยวกระตุกเดี๋ยวแตะเบรก นี่ยังไม่รวมขับไปสบถด่ารถคันอื่นไปด้วยนะ เธอที่แค่อึมๆ ยังเกิดอาการม่วนท้องตาลายต้องตั้งสติอยู่หลายครั้ง นับประสาอะไรกับคนเมาที่พร้อมจะอ้วกตลอดเวลาอย่างเพื่อนของเธอทั้งสอง
ดีแค่ไหนแล้วที่จินดาหราไม่อ้วกแตกตามยัยคุณหนูร้านทองไปอีกคน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงทุลักทุเลกันมากกว่านี้
"เอ่อ...เอาออกหมดแล้วใช่ปะ? คงไม่มีเหลือแล้วเนอะ พอดีรถคันนี้ไม่ใช่ของพี่อะ ถ้าเกิดว่าเพื่อนเราอ้วกอีก พี่กับพวกเราสามคนอาจจะถูกอัญเชิญลงจากรถทั้งหมด คราวนี้ได้พากันเดินกอดคอกันกลับคอนโดแน่ๆ"
คำพูดของปราบปลื้มทำให้พิมพ์อัปสรเบนสายตามองไปที่คนขับ เธอไม่เห็นหน้าของปาลทัตเห็นแค่สันกรามด้านข้าง ก็เลยไม่รู้ว่าปาลทัตแสดงสีหน้าและสายตายังไง แต่ทว่าดูจากเส้นเลือดฝอยตามลำแขนแกร่งที่ขึ้นชัดเพราะเจ้าตัวขยับมือกำพวงมาลัยรถจนแน่น ก็พอเดาอารมณ์ได้
ว่าเจ้าของรถอยู่ในห้วงอารมณ์ไหน
บอกเลยว่าไม่ใช่อารมณ์ยินดีแน่ๆ
คงคิดแหละว่าไม่น่ารับพวกเธอขึ้นรถมาด้วย หรือไม่ก็กำลังมองหาที่ทางจอดรถให้เธอกับเพื่อนๆรีบลงจากรถไปโดยเร็ว
"ไม่น่ามีแรงอ้วกแล้วมั้งคะ แต่ถ้ามันตื่นขึ้นมาอ้วกอีก พวกเรามีถุง"
"ถุง?"
"นี่ค่ะถุง พี่โชเฟอร์คนเมื่อกี้ให้มา" จินดาหรายกถุงที่อยู่ในมือให้ดู ลืมสนิทว่าตัวเองอยู่ในบทบาทของคนหลับ เมื่อความลับแตกก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นทีละข้าง หันไปมองพิมพ์อัปสรตาปริบ
‘กูไม่ได้แกล้ง พี่เขาขับรถนิ่มไง แอร์รถมันเย็นด้วย กูเลยเคลิ้ม เมื่อกี้ก็หลับไปแล้วรอบหนึ่ง’
‘หึ ตอแหล ได้ถ้วยมาก’