ตอนที่ 14
หน้าที่เลขา
ยิ่งใกล้วันที่เส้นตายที่ประธานเอสเอ็มได้ระบุไว้ว่าเธอต้องเรียนรู้งานให้ได้ภายในวันศุกร์นั่นก็ทำให้ เขมมิกา แทบจะไม่ใส่ใจสิ่งอื่นรอบด้าน ลมหายใจเข้าออกมีเพียงงานไม่ว่าจะเป็นการดิวกับทุกแผนกภายใน หรือติดต่อกับแวนเดอร์ด้านนอก แม้แต่เรื่องจุกจิกทั่วไปตั้งแต่การสั่งของ จองร้านและรายละเอียดต่างๆที่แก้วกัลยาต้องทำ เธอขอประสานแทนเองแทบจะทั้งหมด เพื่อที่จะได้เรียนรู้งานให้เร็วที่สุด
“พี่เบาใจขึ้นเยอะเลย สงสัยว่าลาคลอดก่อนกำหนดได้เลยนะเนี่ย” แก้วกัลยา เอ่ยอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นทุกอย่างที่เขมมิกาจัดการลุล่วงไปได้ด้วยดี
“หนูเริ่มเข้าใจแล้วละ ว่าทำไมเราต้องเป็นฟองน้ำ”
เขมมิกา ผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณรุ่นพี่คนเก่งที่ถ่ายเทงานและสอนเธออย่างใจเย็นทุกขั้นตอน นั่นทำให้เธอประสานแต่ละฝ่ายไม่ยากนัก
และไม่ว่าจะคุยกับใครเธอก็อาศัยการนอบน้อมอยู่เสมอ เพราะพ่อเธอเคยสอนไว้ว่า การที่คนเราได้สิ่งใดๆต่อกัน ไม่สำคัญเท่าได้ใจคนด้วยกันเอง
เพราะหากได้ใจ ...เราจะได้ทุกสิ่ง
แต่กระนั้นความจริงใจมากมายที่พ่อกับแม่ให้กับผู้คนรอบข้างก็ไม่ได้ผลตอบรับที่ดีอย่างที่ทั้งสองส่งมอบให้ ธุรกิจรับเหมาของครอบครัวเธอที่ทำร่วมกับญาติโดนโกงไม่เป็นท่า ในวันที่เธอจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ทั้งสองก็จากไปเพราะรถที่ขับมาชนตอม่อสะพานจนตกไปยังแม่น้ำ
แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะระบุว่านั่นคืออุบัติเหตุ
แต่เขมมิกาก็เชื่อมาตลอดว่าท่านทั้งสองกดดันเกินกว่าจะแบกรับเรื่องราวมากมายเหล่านั้นไว้ได้ เมื่อร้องให้เสียใจกับความเศร้าโศกจนไม่มีน้ำตาจะไหลแล้ว จึงได้พบกับความเจ็บปวดแท้จริงที่สมบูรณ์แบบยิ่งกว่า ..นั่นคือเธอจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้โดยปราศจากพวกท่านทั้งสอง
นั่นทำให้เธอเริ่มตระหนักถึงความจริงของชีวิตทีละนิด
ว่าเราต้องรู้จักสร้างเกราะป้องกันตัวเอง และการเอาตัวรอดไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยความเข้มแข็งเสมอไป เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบแสงเจิดจ้าแสบตา
แต่กระนั้นเราก็ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้กล้าแกร่งอยู่ภายใน เก็บความขมขื่นใจให้ลึกอย่างที่สุด และปล่อยเพียงพลังความนอบน้อมอ่อนโยนให้คนอื่นเห็น
ดั่งเช่นตอนนี้ ความรู้สึกในใจลึกๆต่อให้มีความปราถนาต่อสิ่งใดมากมายเพียงใด ก็ไม่สำคัญเท่ากับบทบาทหน้าที่ที่กำลังดำเนินอยู่ เธอจะต้องรับผิดชอบมันให้ดีที่สุด
...ในฐานะเลขาของประธานเอสเอ็มกรุ๊ป
.
.
“ขอบคุณมากเลยนะครับ สำหรับสัญญารอบใหม่ของปีนี้” ดนัยเอ่ยขึ้น เมื่อการเซ็นสัญญาในห้องประชุมที่เอสเอ็มกรุ๊ป เสร็จเรียบร้อยไปด้วยดี
“ขอบคุณเช่นกันครับที่เราจะได้ร่วมงานกันอีกยาวไกล”
ประธานเอสเอ็มผุดกายลุกขึ้น ขณะที่เขมมิกาเลขาของเขารับเอกสารมาไว้ในมือ หลายวันที่ผ่านมาเธอค่อนข้างทำหน้าที่แทนแก้วกัลยาแทบทุกอย่าง และทำได้ดีจนเขาเองแอบประหลาดใจ ไม่คิดว่านี่คือเด็กจบใหม่ที่ยังไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน
นับว่าเขาโชคดีที่ได้เธอมาร่วมงาน
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณดนัย ยังไงเรื่องแผนการตลาดและโปรโมชั่นรอบแรก ทางพีอาร์ของเอสเอ็มจะประสานแจ้งไปอีกทีค่ะ” เลขาสาวเอสเอ็มบอกด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้ดนัยมองด้วยแววตากรุ่มกริ่ม จนประธานเอสเอ็มนึกหมั่นใส้ขึ้นมาตะหงิดๆ
จะยิ้มอะไรหนักหนา!!
“เรื่องนั้นฝากกับทางคุณส้มมาร์เก็ตติ้งของพรีเมี่ยมได้เลยครับ แต่ถ้ามีอะไรสำคัญนอกเหนือจากนั้น ผมอาจโทรหาคุณขนมโดยตรงน่าจะสะดวกกว่า”
เอ็มดีพรีเมียมตอบ โดยมีร่างหนาของวิณณ์ยืนอยู่ตรงกลาง นั่นทำให้ดนัยต้องเบี่ยงตัวเล็กน้อยแล้วเดินอ้อมมายังอีกฝั่ง ด้วยเห็นว่าการประชุมสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว และพนักงานทั้งสองฝ่ายก็ทยอยออกจากห้องไปแล้ว
“ได้ค่ะ ติดขัดอะไรโทรหาขนมได้เลย”
เขมมิกาเอ่ยเสียงหวานอย่างนอบน้อม อย่างไงวันนี้ก็ถือว่าเป็นวันดีของเจ้านายเธอ และเธออยากให้งานทุกอย่างของเอสเอ็มลุล่วงไปได้ด้วยดี
แม้ตอนนี้จะไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเขา
“ว่าแต่เรื่องที่คุยกันไว้ทางไลน์เมื่อคืน ว่าไงครับ”
ดนัยเอ่ยเบาๆ เมื่อเดินอ้อมมาใกล้ร่างบาง นั่นทำให้คิ้วหนาของวิณณ์เลิกขึ้นสูงเล็กน้อย
“อืม..เดี๋ยวขนมขอคิดอีกทีนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมโทรนะครับ”
คืนนี้โทรหา! มันอะไรกัน?
.
.
“เข้ามาหาผมที่ห้องหน่อย”
เสียงเข้มของประธานเอสเอ็มเอ่ยบอก ทำให้เขมมิกาชะงักเล็กน้อยขณะที่เดินกลับมาที่โต๊ะหน้าห้อง หลังออกจากห้องประชุมและคู่ค้ากลับไปเรียบร้อยแล้ว
“ค่ะคุณวิณณ์ เดี๋ยวดิฉันจะประสานกับทางพีอาร์เรื่องคอนเซ็ปต์เบื้องต้นให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็วที่สุดค่ะ”
เธอเอ่ยรายงานทันที ด้วยคาดว่าเขาคงอยากจะทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยผลิตภัณฑ์ของพรีเมี่ยมกรุ๊ปนั้นมีหลายรายการ จึงต้องประสานงานกันภายในอย่างใกล้ชิด
“มีคุยนอกรอบกับคู่ค้าด้วยเหรอ?”
วิณณ์ถามเสียงสูง หน้าหล่อเหลานั้นอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้คิ้วเรียวสวยของเขมมิกาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ด้วยคาดว่าเขาอาจไม่พอใจที่เธอคุยกับคู่ค้าเกินขอบเขต
“หมายถึงคุณดนัยเหรอคะ?”
“แล้วจะให้หมายถึงใคร? หรือเธอมีคุยกับแวนเดอร์คนอื่นๆนอกรอบด้วยเหรอขนม?”
เสียงวิณณ์สูงขึ้นอีกเท่าตัว
“เปล่าค่ะ แต่ดิฉันจะไม่ทำให้งานเสียหายแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวรีบบอกทันที ด้วยคาดว่ากลัวประธานเอสเอ็มจะกังวลในจุดนี้ ไม่ว่าอย่างไรเธอรู้อยู่เสมอว่าอะไรควรไม่ควร แม้จะรู้สึกถึงมิตรไมตรีที่มากกว่าคู่ค้าจากอีกฝ่ายก็ตาม
“เหมือนเธอจะทำเกินหน้าที่เลขานะ”
ร่างหนาหันกลับมามองด้วยแววตาขุ่นเคือง “แล้วจะยิ้มโปรยเสน่ห์อะไรนักหนาขนาดนั้น”
อะไรหว่า!! ยิ้มก็ผิดด้วย
“...”
“ต่อไปถ้าจะคุยกับคู่ค้าต้องแจ้งฉันก่อนทุกครั้ง”
ประธานเอสเอ็มกระแทกเสียงเข้ม ไม่รู้ทำไมเขาถึงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา ด้วยแต่ก่อนเลขาคนเดิมไม่เห็นจะต้องมาหัวเสียด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้เลยสักครั้ง
แต่ตอนนี้เขากำลังหัวเสียกับยายขนมจืดอย่างหนัก
************