ขนม

1201 คำ
ตอนที่ 2 ขนม “ไว้เจอกันนะขนม” “เคๆ ค่อยไลน์คุยกัน” หญิงสาวร่างบางในชุดทะมัดทะแมงยกมือบอกเพื่อน ขณะยืนอยู่หน้าหอพักหญิงเธอคือ เขมมิกา และกำลังรอใครสักคนมารับและคนนั้นเป็นผู้มีพระคุณที่สำคัญยิ่งของเธอ ทั้งคุณโอภาสและคุณปลาที่นอกจากจะเป็นผู้ก่อตั้งมูลนิธิศรีพิพัฒน์ ที่มอบทุนการศึกษาตั้งแต่เธอเรียนมัธยมปลายจนจบมหาวิทยาลัยในสาขาที่ตัวเองชอบ และคอยช่วยเหลือในหลายอย่างกับเธอมาตลอด ความจริงวันนี้ไม่อยากจะรบกวนท่านทั้งสอง แต่คุณโอมแจ้งว่ายังไงก็มาแสดงความยินดีกับเธอด้วยตนเอง และจะมารับเพื่อไปฉลองในโอกาสจบการศึกษาด้วย “แน่ใจนะแกว่าจะไม่ไปด้วย” รสรา เพื่อนสนิทเอ่ยถาม เมื่อเห็นเขมมิกายังคงยืนกรานที่จะรอ แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว ด้วยเห็นเธอลากกระเป๋าใบใหญ่ลงจากห้องพักมาตั้นนาน แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีใครมารับ “ไม่เป็นไร รสไปเถอะยังไงเราก็จะรอคุณโอมกับคุณปลา” “ไว้เราโทรหาละกันนะ” “อืม” เธอมองรสราขึ้นแท็กซี่ไปจนลับตา ก่อนจะย่อกายนั่งยังม้าหินอ่อนหน้าหอพัก แล้วมองดูเวลาอีกรอบใจนึงก็อยากกดโทรศัพท์หาคุณโอมเพื่อถามว่าถึงไหนแล้ว อีกใจก็ไม่อยากรบกวนด้วยเกรงว่าจะเป็นการเร่งเร้ามากไป รออีกสักหน่อย ปกติแล้วทั้งสองไม่เคยผิดนัดสักครั้ง ปี๊ป!!! เสียงแตรรอดังอยู่ด้านหน้านั่นทำให้เขมมิกา เงยหน้าขึ้นมอง และต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นแอสตันมาร์ตินสีเทาจอดอยู่ไม่ห่าง และคล้ายว่าคนที่ขับจะจ้องมาทางเธอ ไม่น่าจะใช่คุณโอม! หรอกมั้ง เธอจึงก้มหน้าดูโทรศัพท์เพื่อเช็คข้อความในไลน์ต่อ ก่อนที่กระจกรถหรูจะลดลง และชายในรถก็ตะโกนเสียงดังลั่น “ใช่ขนมรึเปล่า” “คะ” “หูหนวกรึไง? ฉันถามว่าชื่อขนมรึเปล่า!!” เขมมิการีบลุกพรวดขึ้นทันที เมื่อเห็นหน้าของเจ้าของรถ ด้วยทราบว่าเขาคือ วิณณ์ ศรีพิพัฒน์ ลูกชายคนเล็กของคุณโอภาสและเป็นคนที่เคยไปมอบทุนให้เธอตอนอยู่ปีสอง “ค่ะ ขนมค่ะ” “ขึ้นรถ” “คะ” อะไรกันหว่า? ไหนคุณโอมบอกจะมารับด้วยตนเอง เธอถึงได้รอและเก็บข้าวของสัมภาระทุกอย่างมาจากห้องพัก แล้วนี่เธอจะเอาของไปยังไงกัน เมื่อรถที่มารับเป็นรถสปอร์ตคันหรูที่มีแค่สองที่นั่ง “อะไรของเธอ?” วิณณ์ กระตุกเข็มขัดนิรภัยอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเปิดประตูและก้าวลงจากรถ ร่างสูงโปร่งในชุดทำงานนั้นแม้ดูธรรมดาแต่ก็เจิดจรัสจนสาวๆที่เดินผ่านไปมาหันหลังกลับมามอง “คุณโอมบอกจะมารับหนู แล้วท่านไม่มาเหรอคะ” “ถ้ามา ฉันก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้หรอก” ชายหนุ่มสะบัดเสียงด้วยวันนี้หงุดหงิดหลายอย่างทั้งเรื่องเลขาที่ยังจัดการไม่ได้ และปัญหาแวนเดอร์ที่ยังคุยกันไม่ลงตัว แต่ยังต้องปลีกเวลามารับยายนี่อีก “ถ้างั้นไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเรียกแท็กซี่ไปเองก็ได้” เธอบอกเสียงอ่อน เมื่อหันมองสัมภาระของตน “นี่เธอ!! ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้น” วิณณ์เสียงสูง หงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม “แล้วนี่อะไร ขนอะไรนักหนาจะย้ายบ้านรึยังไง” “ค่ะ” “หือ” คิ้วหนาของเขาเลิกสูงขึ้นเมื่อหันมามองหน้าเธอ “เธอจะย้ายห้อง แล้วบอกให้พ่อกับแม่ฉันมาช่วยขนของนี่นะ และฉันต้องมาขนให้แทน?” “ไม่ได้บอกนะคะ” ไม่เข้าใจว่าทำไมคนตรงหน้าต้องมาเหวี่ยงใส่เธอด้วย ทุกอย่างในวันนี้ไม่ใช่ความคิดของเธอเสียหน่อย ในเมื่อคุณโอมกับคุณปลา เป็นคนให้เธอเก็บของออกจากหอพักได้เลย “เธอนี่มัน!!” วิณณ์ขบกรามนั่น เมื่อมองหน้าเนียนใสตรงหน้า จะว่าไปก็น่าจะเหมาะกับชื่อขนม แต่น่าจะเป็นขนมจืดๆที่ไม่มีรสชาติแม้กรอบหน้ารูปใข่ปากนิดจมูกหน่อย และมีผมยาวสลวยดำขลับก็ตาม ดูยังไงก็ชวนโมโหอยู่ดี นี่คือเด็กอุปถัมถ์ที่เขาเคยมามอบทุนอย่างงั้นเหรอ? “ฉันไม่มีเวลามากนัก” เมื่อคุยไม่รู้เรื่องเขาก็ไม่อยากเสียเวลา จัดการยกกระเป๋าสัมภาระที่มีทั้งหมดยัดไปด้านหลัง ก่อนจะดึงแขนเล็กของเธอและยัดเข้าไปในรถ “ฉันไม่เข้าใจ ทำไมพ่อกับแม่ฉันถึงได้เทคแคร์ดูแลเธอเป็นพิเศษกว่าเด็กทุนคนอื่นๆของศรีพิพัฒน์ และทำไมฉันถึงไม่คุ้นหน้าเธอเลย” วิณณ์ เอ่ยขึ้นเมื่อขึ้นมาในรถแล้ว “หนูรู้จักคุณวิณณ์ค่ะ” ก็แหงล่ะ!! มีใครจะไม่รู้จักเขาบ้าง เขาเป็นประธานใหญ่ของเอสเอ็มกรุ๊ป ลงสื่อแทบทุกช่องทางขนาดนั้น “อย่าคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนพ่อฉันนะ” “หนูทราบค่ะ” จะเหมือนได้ไง คุณโอภาสไม่ขึ้เหวี่ยงวีนแบบนี้สักหน่อย “ฮึ!” มุมปากหยักของวิณณ์ยกสูงขึ้น ในขณะที่เขมมิกาเอาแต่ก้มหน้ามองมือตัวเองที่สอดประสานกันอยู่บนตักด้วยความประหม่า แต่ยังคงแอบลอบมองด้านข้างของชายหนุ่ม ที่เห็นเพียงมุมด้านซ้ายทว่าเขาก็ยังคงดูหล่อเหลาราวรูปปั้นสลัก แม้วันเวลาจะผ่านไปกี่ปีเขาก็ยังคงดูดีและเจิดจ้าเสมอ ด้วยอยู่ในตระกูลที่เกื้อหนุนและความเก่งกาจที่มีได้ใช้พลังของมันอย่างเต็มที่ และนั่นคือโอกาสในชีวิตที่เขามี ต่างจากเธอ...ที่โอกาสเดียวในการจะขึ้นไปสู่ชนชั้นกลางที่แค่พอมีกินใช้ในชีวิตอย่างไม่ขัดสน คือการศึกษาเท่านั้น และนั่นคือสิ่งที่เธอได้รับจากคนศรีพิพัฒน์ “ฉันยังไม่เตรียมของขวัญมาให้ เดี๋ยววันหลังฉันจะให้เลขาส่งมาให้ละกัน” วิณณ์ เอ่ยเสียงราบเรียบ เมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “ค่ะ” “พูดเป็นอยู่คำเดียวรึไง?” “....” จะให้เธอพูดว่าอะไร? “ขอบคุณมากค่ะคุณวิณณ์” ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเครื่องเสียงในรถในระดับขีดสุด เหมือนตอนเครียดแล้วขับรถคนเดียว และนั่นก็ทำให้คนตัวเล็กนิ่งเงียบกว่าเดิม เปิดไปได้ครึ่งเพลงเขาก็เอื้อมมือไปปิด เสียงดังน่ารำคาญชิบ!! “ตกลงฉันต้องมารับเธอกลับบ้านใช่มั้ย?” เขาหันมาถาม เมื่อรถออกมาถนนใหญ่แล้ว นี่กูกลายมาเป็นคนขับรถตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย!!! “ค่ะ ..ขนมจะกลับบ้าน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม