กำเนิดเต้าหู้น้อย

1133 คำ
ในตอนนี้เหยาเหยานางเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว นางมาเกิดใหม่อีกครั้งในยุคโบราณ มีบิดานามว่า หวังโยวลู่ เป็นราชครูของฮ่องเต้น้อย มีมารดาที่เป็นสาวงามล่มเมืองนามว่า มู่เยี่ยน มีพี่ชายอายุห่างจากนางสามปีนามว่า หวังหนิงเฉิง ในจวนตระกูลหวังบิดาของนางไม่มีอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง เพราะมีมารดาของนางที่งามเป็นหนึ่งอยู่แล้ว เขาจะต้องการผู้ใดอีก ครอบครัวของนางนับว่าอบอุ่นยิ่งนัก เหยาเหยาถูกเลี้ยงดูมาราวกับไข่มุกในฝ่ามือ พี่ชายของนางก็คอยนั่งเฝ้านอนเฝ้านางอยู่ไม่ห่าง ยิ่งนางไม่ร้องงอแงเหมือนเด็กทารกคนอื่น ก็ยิ่งทำให้ทุกคนในจวนต่างเอ็นดูนางอย่างยิ่ง เหยาเหยานางจะใช้ดวงตากลมโตของนางมองไปรอบๆ อย่างสนใจ “ฮูหยินท่านดูคุณหนูสิเจ้าค่ะ เหมือนนางจะฟังสิ่งที่นมพูดรู้เรื่องเลยเจ้าคะ” แม่นมมองนางอย่างรักใคร่ แต่เรื่องที่เหยาเหยาดื้อรั้นที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องดื่มนม เพราะหากไม่ใช่มารดาของนาง นางไม่มีทางนมเต้านมของผู้ใดเข้าปากเป็นอันขาด แม้โยวลู่จะเสาะหาแม่นมมามากเท่าใด นางก็ไม่สนใจอยู่ดี เรื่องนี้ทำให้มารดาของนางหัวเราะไม่ออก ร้องไห้ก็ไม่ได้ แทนที่นางจะได้พักนอนเต็มอิ่ม กลับต้องมาคอยให้นมบุตรีทุกสองชั่วยามแทน ‘แล้วจะให้นางกินนมของผู้อื่นได้อย่างไร เพียงนมของมารดานางก็ทำใจอยู่นานกว่าจะดูดกินได้’ เหยาเหยาได้แต่คิดแล้วถอนหายใจ นางไม่รู้ว่าเรื่องที่มีความทรงจำของภพก่อนติดตัวมาด้วยเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่ก็ยังดีที่ไม่เหมือนกับนิยายเรื่องอื่นที่ทะลุมิติมาแล้วมีชีวิตที่ลำบาก หรือไม่ก็เป็นตัวร้ายอยู่ในร่างของผู้อื่น เหยาเหยา นางเริ่มทำใจได้แล้ว เพียงกินแล้วนอน เพื่อให้รีบโตไวๆ เพราะเป็นบุตรสาวของราชครู เมื่อเหยาเหยานางได้สามหนาวก็เริ่มเรียนรู้มารยาทต่างๆ จากผู้เป็นมารดา เรื่องนี้นางทำได้ดีเกินคาด เพราะอาจจะด้วยนางมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวสูง นางจึงไม่ได้วิ่งเล่นไปทั่วอย่างเด็กทั่วไป หากมารดาพาไปด้านนอกหรือจวนของท่านตาท่านยาย นางก็เพียงนั่งมองเด็กคนอื่นเล่นเท่านั้น “ดูเหยาเออร์เด็กอันใด ช่างรู้ความยิ่งนัก” ท่านยายของนางเอ็นดูนางมากที่สุด เพราะใบหน้าที่ถอดแบบมาจากมารดา ทั้งดวงตาที่กลมโตสดใสเหมือนมีดวงดาวนับพัน ผิวที่ขาวราวกับเครื่องเคลือบชั้นดี แก้มกลมนุ่มนิ่มเหมือนซาลาเปา ที่หนิงเฉิงชอบจิ้มเล่นแล้วบอกกับผู้อื่นทุกครั้ง “อยากไปเล่นกับพี่ๆ หรือไม่ลูก” มู่เยี่ยนลูบหัวบุตรสาวอย่างรักใคร่ เหยาเหยาชอบฟังเสียงมารดาที่พูดคุยกับนาง เสียงของมารดาหวานเสนาะหู จนเหยาเหยายิ้มตาหยีให้นางทุกครั้งที่พูดคุยกัน “ได้เจ้าค่ะ” เหยาเหยาเดินเตาะแตะลงไปที่กลุ่มเด็กห้าหกคนที่อยู่ด้านล่างศาลา ทุกคนเมื่อเห็นนางยอมมาเล่นด้วย ต่างก็จูงมือพาน้องเล็กที่สุดของจวนไปเล่นอย่างสนุกสนาน “โอ๊ยยย” เหยาเหยาที่สนใจพี่สาวพี่ชายของนางเล่นกันอยู่ก็ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนเดินมาที่ด้านหลังของนาง แล้วตอนนี้เขาก็ดึงแก้มของนางอย่างแรง หนิงเฉิงเมื่อได้ยินเสียงน้องสาวร้องก็รีบวิ่งมาทางน้องสาวอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เหยาเหยาพูดได้นางก็ไม่เคยร้องอีกเลย เขาจึงได้แปลกใจว่าผู้ใดกันที่ทำให้น้องสาวเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด “คุณชายน้อยเซี่ย ท่านรังแกน้องสาวข้าทำไมขอรับ” หนิงเฉิงดึงตัวน้องสาวไปหลบอยู่ที่ด้านหลังของเขา แม้จะอายุเพียงหกหนาว แต่เขาก็ไม่ยอมให้ผู้ใดมารังแกน้องน้อยของได้ “ข้ารังแกนางเสียที่ไหน เห็นแก้มของนางเหมือนเต้าหู้ จึงอยากรู้ว่าจะนิ่มเหมือนเต้าหู้หรือไม่ก็เท่านั้น” ฝูเหิงวัยสิบหนาวโต้กลับอย่างไม่ยอม เขาตามมารดามางานที่จวนตระกูลมู่ จึงได้เดินเล่นแก้เบื่อ เมื่อเห็นเด็กน้อยเล่นอยู่ทางนี้จึงเดินเข้ามาดู ยิ่งเห็นใบหน้าที่น่ารักน่าเอ็นดูของเจินเหยาเขาก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบแก้มนาง แต่ไม่คิดว่าการที่เขาบีบแก้มนางเบาๆ จะทำให้เกิดรอยแดงขึ้นมาเพียงนี้ อีกอย่างนางในตอนนี้ก็มองหน้าเขาอย่างกล่าวโทษอีกด้วย “ท่านพี่ ไปกันเถิดเจ้าค่ะ เขาเป็นเพียงแค่เด็กน้อย ข้าไม่ถือสา” เหยาเหยาปรายตามองฝูเหิงอย่างตำหนิ ก่อนที่สองพี่น้องจะจูงกันไปเล่นที่อื่นแทน “เจ้าต่างหากที่เป็นเด็กน้อย” เขาตะโกนตามหลังไปอย่างหัวเสีย “เกิดอันใดขึ้นอาเหิง” หวังตงหยางเดินมาตามน้องชายให้กลับจวนก็เห็นเขาตะโกนไล่หลังเด็กน้อยทั้งสองอยู่ “บุตรีท่านราชครูว่าข้าเป็นเด็กน้อย ทั้งที่นางเพิ่งจะสามหนาว เหอะ เมื่อครู่ข้าน่าจะบีบแก้มนางให้แรงกว่านี้” เมื่อนึกถึงใบหน้าเรียบเฉยที่มองมาทางเขาอย่างตำหนิราวกับผู้ใหญ่กล่าวโทษเด็กฝูเหิงก็เกิดโทสะขึ้นมาทันที “หึหึ เจ้าก็เด็กน้อยอย่างที่นางว่า มีอย่างรึไปหาเรื่องเด็กสามหนาว” ตงหยางลากน้องชายกลับจวนไปอย่างขบขัน คิดไม่ถึงว่าข่าวลือเรื่องที่บุตรีท่านราชครูฉลาดเกินวัยจะเป็นเรื่องจริงเมื่อได้เห็นกับตาตนเอง เมื่อเหยาเหยานางได้ห้าหนาว ก็เดินเข้าไปบอกบิดาเรื่องที่นางสนใจวิชาการแพทย์ อยากให้บิดาช่วยหาอาจารย์มาสอนนาง “เจ้าอยากเรียนหมอรึเหยาเหยา” โยวลู่เอ่ยถามบุตรสาวอยากแปลกใจ บุตรสาวเขาวัยเพียงห้าหนาวเท่านั้น แต่นางกลับสนใจตำรา เขียนอักษรตั้งแต่วัยเพียงสามหนาว แล้วเรื่องนี้นางก็ทำได้ดีเสียด้วย ต่างจากหนิงเฉิง แม้บุตรชายจะฉลาดกว่าเด็กในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่อาจเก่งได้เท่าน้องสาว ที่เพียงหัดเขียนอักษรไม่นานนางก็จดจำได้ทุกตัว “เจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกอ่านตำราการแพทย์ในห้องตำราของท่านพ่อ ลูกสนใจยิ่งนัก ได้หรือไม่เจ้าคะ” โยวลู่จะทนใบหน้าที่ออดอ้อนของบุตรสาวได้อย่างไร
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม