ตอนที่8

1989 คำ
เคลเมนต์เลิกคิ้วขึ้นสูง มองปาลินลนลานดันเด็กชายตัวน้อยให้หลบหลังตนเอง ราวกับคิดว่าเธอจะสามารถบดบังเด็กคนนั้นจนมิดได้ เขาไม่ได้ทักท้วงอะไร ขณะที่เอ่ยถามย้ำอีกครั้งอย่างเมื่อเห็นเธอเงียบไปนาน “ว่าไง” ทว่าปาลินไม่ยอมตอบคำถามเขา เธอหลุบเปลือกตาลง ไม่อาจสู้หน้าชายหนุ่มได้ขณะที่ย้อนถามกลับเสียงสั่นว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่” เคลเมนต์มองคนที่เอาแต่หลบสายตาเขาเขม็ง ความไม่พอใจพุ่งพล่านอยู่ในอกแต่เขาพยายามระงับเอาไว้ “ผมมาตรวจทรัพย์สินของตัวเอง” บ้านหลังนี้...ดูโกโรโกโสและเล็กคับแคบเสียยิ่งกว่าห้องน้ำที่บ้านของเขาอีก เคลเมนต์ไม่ได้อยากได้มันสักนิด อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะได้มันมา เพราะเจ้าของบ้านหลังนี้ติดหนี้จากกาสิโนของเขา และจะขายมันเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้เขาแทน ทว่าก่อนหน้านั้นไม่รู้คิดอย่างไร เธอได้ติดต่อหาเขาผ่านทางผู้บริหารของกาสิโน กระทั่งเรื่องมาถึงฌอน จากนั้นก็ได้บอกเรื่องที่ปาลินอยู่ที่นี่ รวมถึงเรื่องของลูกของปาลินอีกด้วย เคลเมนต์เลยตัดสินใจรับซื้อบ้านหลังนี้แทน เขายกหนี้ให้สามีของผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาบอกเรื่องนี้กับเขา รวมถึงแถมเงินจำนวนหนึ่งให้หล่อนไปด้วย พอจัดการเรื่องเหล่านั้นเสร็จสิ้น เขาได้ที่อยู่ที่นี่มาไว้ในมือ และใช้เวลาอีกวันในการตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้ ...ตรงหน้าผู้หญิงที่หนีเขามาไกลถึงเมืองเล็กๆ บ้านนอกขนาดนี้ “ทรัพย์สิน...” ปาลินขมวดคิ้วมุ่น พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “ใช่” เคลเมนต์ยิ้มเย็นขณะประกาศออกมา “บ้านหลังนี้เป็นของฉัน” ปาลินจ้องมองเขาตาโตด้วยความตกใจ “คุณ...ซื้อบ้านนี้อย่างนั้นเหรอ” บ้านหลังนี้มันแทบจะแย่ยิ่งกว่าห้องเก็บของที่บ้านของเขาอีก ไม่รู้ทำไมเขาถึงซื้อที่นี่ หรือเพราะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ถึงได้ซื้อมันไป! “ทำไมล่ะ ในเมื่อผมมีเงิน ผมจะซื้อที่นี่ หรือที่ไหนก็ได้ทั้งหมดถ้าผมอยากจะซื้อ” ชายหนุ่มถามขณะเลิกคิ้วสูง และคำถามนั้นทำให้ปาลินถึงกับพูดไม่ออก “...” “คุณก็รู้...มันก็แค่เศษเงิน” ก็รู้ว่ามันแค่เศษเงินนี่แหละ แล้วทำไมถึงต้องซื้อไปด้วย! “ถ้าอย่างนั้นคุณ...” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งกรุ่นโกรธและอยากต่อต้าน แต่พอเขาจ้องมองมาด้วยตาสายเข้มจัดก็ทำให้ปาลินถึงกับพูดอะไรไม่ออก สมองพลันโล่งว่างทันที ในอดีตเธอเคยรับมือกับเขาได้ดี แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงทำอย่างนั้นไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะตอนที่ไม่รู้ว่ารัก...เธอก็ปล่อยวางได้มีสติกับตนเอง แต่พอรู้ตัวแล้ว เธอจึงไม่สามารถเป็นตัวเองได้อีกต่อไป “ผมทำไม” เขาย้อนถามเมื่อเธอเงียบไป ปาลินคลายริมฝีปากที่เม้มแน่นออก จากนั้นจึงตอบโต้กลับไปเช่นกัน “แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาย้ายออก” กำหนดคือสิ้นเดือน ถึงตอนนั้นต่อให้ต้องกลายไปเป็นคนไร้บ้านเธอก็จะย้ายออกไป แต่คำตอบของชายหนุ่มกลับทำให้เธอผิดคาด เพราะเขาพูดว่า “ก็ยังไม่ได้มาไล่ แต่ผมก็แค่มาดูว่าที่นี่เป็นยังไงก็เท่านั้นเอง” ปาลินหมายจะตอบกลับไปว่าเขาจะต้องดูอะไร แต่แรงกระตุกยิกๆ จากลูกชายและเสียงเรียกนั้นก็ทำให้เธอละความสนใจจากเคลเมนต์ไปเสียก่อน “มัมมี้ๆ” “จ๊ะเอเดน” หญิงสาวหันไปมองลูกชาย เธอพยายามยิ้มให้เขาซึ่งมองเธอมาด้วยสีหน้าสงสัย แล้วเอเดนก็เบี่ยงตัวหลบเธอ ยื่นหน้าไปทางเคลเมนต์พลางชี้ไปที่เขาพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย “คนนี้ๆ ใครเหรอฮะ” ปาลินไม่รู้จะตอบอย่างไรเลย เธอไม่เคยคิดถึงภาพนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ไม่สิ อันที่จริงเธอ ‘ไม่กล้า’ คิดถึงมันต่างหาก ภาพในยามที่สองพ่อลูกเผชิญหน้ากัน หัวใจของปาลินเจ็บแปลบ เธอได้แต่ดึงลูกเข้ามากอดแน่น อยากจะพาลูกไปซ่อน ไม่อยากให้เคลเมนต์มาเจอแก เธอไม่รู้ว่าถ้าเคลเมนต์รู้ว่าเอเดนเป็นลูกของเขามันจะเป็นยังไง เขาจะเอาลูกไปจากเธอไหม หรือไม่ยอมรับแล้วทำร้ายจิตใจอะไรแกหรือเปล่า เธอสับสนวุ่นวายใจไปหมด จนไม่ได้ตอบคำถามของลูกชายตัวน้อย แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่ลืมก็คือเคลเมนต์ เขาชะงักแล้วตั้งแต่ที่เห็นเด็กชายในอ้อมกอดของหญิงสาวชัดๆ เมื่อครู่นี้ หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรง ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป เขาว่าเด็กคนนี้ก็พอจะมีเค้าของเขาตอนเด็กอยู่บ้าง แม้ว่าใบหน้านั้นจะค่อนไปทางคนเป็นแม่มากกว่าก็ตาม แต่จมูกกับดวงตาก็เป็นแบบเดียวกับของเขา เว้นแต่ดวงตาของแกเป็นสีดำเหมือนคนเป็นแม่ เคลเมนต์ใจสั่น เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากขณะที่เค้นเสียงถามออกไปด้วยความอยากรู้สุดหัวใจ “นั่นสิปาลิน” “...” “เด็กคนนี้ใครกัน” ปาลินกอดร่างของลูกชายแน่น ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองคนถามสักนิดในตอนที่ตัดสินใจตอบเขาออกไปว่า “ลูกฉันค่ะ” คำตอบนั้นทำให้เคลเมนต์มือสั่น เขาได้แต่กำมือเป็นหมัดแน่น เมื่อหญิงสาวหลบเลี่ยงคำตอบที่เขาต้องการรู้ที่สุดหน้าตาเฉย เขาเหยียดยิ้ม ก่อนจะแซะถามเธอออกไปอย่างอดใจไม่อยู่ “พ่อเด็กล่ะ” “...” เธอเงียบ ขณะที่ลุกขึ้นยืนมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง และดันร่างเล็กของลูกชายไว้ข้างหลังตนเองตามเดิม ทำเหมือนซ่อนเด็กให้พ้นจากสายตาของเขา “เป็นใครเหรอ ไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ” เคลเมนต์กระทุ้งถามอีกครั้ง ขณะที่คนถูกถามพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บซ่อนท่าทีสั่นไหวหวาดกลัวของตนเอง “ฉัน...” เธอจะบอกออกไปได้อย่างไรว่านี่คือลูกของเขา! เธอไม่มีวันบอกออกไปได้หรอกเพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เคลเมนต์ควรจะรับรู้สักนิด ในเมื่อเขาเป็นคนของพี่สาวเธอแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจจะแต่งงานกันไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นเรื่องที่เอเดนเป็นลูกของเขา คนสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่ควรจะรู้ก็คือเคลเมนต์! หญิงสาวตัวสั่น พูดอะไรไม่ออกขณะที่มือได้แต่กำข้อมือเล็กของลูกชายแน่นในยามที่แข็งใจสบตากับเคลเมนต์ที่จ้องมองมาเหมือนจะจับผิด “แต่เธอรู้ไหม มีเรื่องตลกอย่างนึงเกิดขึ้นด้วยนะ” เขาเอ่ยขึ้น ท่าทางนั้นราวกับรับรู้อะไรสักอย่าง ต้องเป็นอะไรที่ไม่ดีสำหรับเธอแน่ๆ ในเมื่อบ้านนี้เขาก็ซื้อไป...ไม่แน่ว่าความลับเรื่องนี้เจ้าของบ้านอาจจะบอกเขาออกไปก็ได้ ปาลินกระวนกระวายใจไปหมด จนไม่สนใจแม้ว่าลูกชายจะร้องเรียกเธอเสียงดังก็ตาม “มัมมี้ฮะ” และจังหวะเดียวกันนั้น เคลเมนต์ก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมๆ กับเอเดนที่ร้องเรียกเธอ “มีคนบอกว่าเด็กคนนี้...” “...” “เป็นลูกของฉัน” ประโยคนั้นเหมือนกระชากลมหายใจของเธอ หญิงสาวสมองขาวโพลนไปหมด ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อเอเดนพยายามดึงมือออกจากมือของเธอพร้อมกับร้องเสียงดังลั่น “มัมมี้ฮะ หนูเจ็บ!” เสียงของเด็กชายทำลายบรรยากาศกดดันไปจนหมดสิ้น ขณะที่ปาลินรีบหันไปทางลูกชาย ปล่อยข้อมือเล็กซึ่งแดงเป็นรอยนิ้วมือของตนเองทันที ใบหน้าเธอซีดเผือดมากกว่าเดิมด้วยความตกใจที่ทำลูกเจ็บ “ขอโทษคับ” เธอรีบกอดเด็กชายพลางกระซิบขอโทษเสียงสั่น “แม่ขอโทษนะคับ หนูเจ็บตรงไหนลูก” “หนูเจ็บแขน มัมมี้ หนูเจ็บแขนจริงๆ นะคับ” เด็กชายเบ้ปาก ดวงหน้าเล็กแต่มีแก้มกลมๆ นั้นบึ้งตึง และดวงตาสีดำคู่นั้นแวววาวไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้ปาลินเลิกสนใจเคลเมนต์ไปเลยทันที “แม่ขอโทษครับ” หญิงสาวพึมพำขอโทษลูก ยกข้อมือเล็กนั้นขึ้นมาจูบแผ่วเบา เธอวนเวียนพูดปลอบลูกอยู่อย่างนั้น กระทั่งลืมไปว่าเคลเมนต์ก็ยังอยู่ที่เดิมตรงนั้น จนเขาถามซ้ำอีกครั้ง เธอจึงได้สติว่าเขายังคงอยู่ “ว่าไง จะไม่ตอบคำถามฉันหน่อยเหรอ” คราวนี้ปาลินตัดสินใจได้เด็ดขาดทันที เธอระงับอารมณ์อันไม่มั่นคงทั้งหลายของตนเองแล้วเลือกจะโกหกออกไปในที่สุด “ไม่มีอะไรต้องตอบอยู่แล้วค่ะ” “...” “เพราะเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าเอเดนแกเป็นลูกของฉัน...” “...” “ของฉันคนเดียว” ซึ่งความหมายนั้นตีความได้ว่าเอเดนไม่ใช่ลูกของเขา ทั้งๆ ที่ก็คิดแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้ แต่พอได้รับรู้จากปากหญิงสาวกลับทำให้เขาเจ็บมากจริงๆ เจ็บมากกว่าที่ตนเองคิดเสียอีก... เขาแทบจะทนมองหน้าสองแม่ลูกไม่ได้อีกต่อไป ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ปาลินพูดจริงหรือโกหก แต่...ปาลินไม่เคยโกหกเขามาก่อน และเธอไม่มีความจำเป็นอะไรต้องโกหกเลยสักนิดเดียว เขาไม่ใช่ไอ้ชั่วสารเลวที่จะทำเธอท้องแล้วไม่มีปัญญารับผิดชอบ ปาลินไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยถ้าจะยอมรับว่าเป็นลูกของเขา เคลเมนต์มองเหตุผลที่เธอจะโกหกไม่ออกเลย ฉะนั้น...ถ้าเธอบอกว่าไม่ใช่...เขาก็เชื่อเธอ เพราะเธอไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรเลย เคลเมนต์ก้าวถอยออกมาหนึ่งก้าว มองคนที่เขาตามหามาตลอดสี่ปีด้วยสายตาที่แทบจะปกปิดความในใจตนเองเอาไว้ไม่ไหว แต่เธอไม่สนใจเขาสักนิด เขายิ้มหยันตนเองออกมา และในที่สุดก็เปลี่ยนใจ ปาลินควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ที่ผ่านมาเขา ‘สปอยด์’ เธอมากเกินไปจริงๆ จนเธอไม่รู้สินะว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ “งั้นเหรอ” “...” “แต่เธอมีเวลาอยู่บ้านหลังนี้อีกแค่สามวันเท่านั้นนะ” “...” “ยังไงก็อย่าลืมย้ายออกไปล่ะ” หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองจนเจ็บไปหมดในยามที่ถูกไล่ออกไปก่อนกำหนด แต่ตอนนี้เธอไม่อยากสู้อะไรอีกแล้ว เธอควรจะไปก่อนที่เคลเมนต์จะรู้ว่าเธอโกหกเขา “ค่ะ...” หญิงสาวตอบรับ และไม่คิดจะหันไปมองเขาสักนิด รับรู้ได้แต่ว่าชายหนุ่มได้หันหลังเดินจากไปแล้ว จากไปอีกครั้ง... เธอปล่อยโอกาสของตนเองไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่เธอจะคว้าไว้ได้อีกแล้ว มันสายไปแล้วเพราะเคลเมนต์ ไวแอตเป็นคนของพี่สาวเธอ เป็นมาตั้งแต่แรกแล้ว และไม่มีที่แทรกสำหรับเธอในชีวิตของเขา ...ไม่เคยมี ๐๐๐
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม