เคลเมนต์เลิกคิ้วขึ้นสูง มองปาลินลนลานดันเด็กชายตัวน้อยให้หลบหลังตนเอง ราวกับคิดว่าเธอจะสามารถบดบังเด็กคนนั้นจนมิดได้ เขาไม่ได้ทักท้วงอะไร ขณะที่เอ่ยถามย้ำอีกครั้งอย่างเมื่อเห็นเธอเงียบไปนาน
“ว่าไง”
ทว่าปาลินไม่ยอมตอบคำถามเขา เธอหลุบเปลือกตาลง ไม่อาจสู้หน้าชายหนุ่มได้ขณะที่ย้อนถามกลับเสียงสั่นว่า
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
เคลเมนต์มองคนที่เอาแต่หลบสายตาเขาเขม็ง ความไม่พอใจพุ่งพล่านอยู่ในอกแต่เขาพยายามระงับเอาไว้
“ผมมาตรวจทรัพย์สินของตัวเอง”
บ้านหลังนี้...ดูโกโรโกโสและเล็กคับแคบเสียยิ่งกว่าห้องน้ำที่บ้านของเขาอีก เคลเมนต์ไม่ได้อยากได้มันสักนิด อันที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะได้มันมา เพราะเจ้าของบ้านหลังนี้ติดหนี้จากกาสิโนของเขา และจะขายมันเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้เขาแทน ทว่าก่อนหน้านั้นไม่รู้คิดอย่างไร เธอได้ติดต่อหาเขาผ่านทางผู้บริหารของกาสิโน กระทั่งเรื่องมาถึงฌอน จากนั้นก็ได้บอกเรื่องที่ปาลินอยู่ที่นี่ รวมถึงเรื่องของลูกของปาลินอีกด้วย
เคลเมนต์เลยตัดสินใจรับซื้อบ้านหลังนี้แทน เขายกหนี้ให้สามีของผู้หญิงคนนั้นที่เข้ามาบอกเรื่องนี้กับเขา รวมถึงแถมเงินจำนวนหนึ่งให้หล่อนไปด้วย
พอจัดการเรื่องเหล่านั้นเสร็จสิ้น เขาได้ที่อยู่ที่นี่มาไว้ในมือ และใช้เวลาอีกวันในการตัดสินใจมาอยู่ตรงนี้
...ตรงหน้าผู้หญิงที่หนีเขามาไกลถึงเมืองเล็กๆ บ้านนอกขนาดนี้
“ทรัพย์สิน...”
ปาลินขมวดคิ้วมุ่น พึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ
“ใช่” เคลเมนต์ยิ้มเย็นขณะประกาศออกมา “บ้านหลังนี้เป็นของฉัน”
ปาลินจ้องมองเขาตาโตด้วยความตกใจ “คุณ...ซื้อบ้านนี้อย่างนั้นเหรอ”
บ้านหลังนี้มันแทบจะแย่ยิ่งกว่าห้องเก็บของที่บ้านของเขาอีก ไม่รู้ทำไมเขาถึงซื้อที่นี่
หรือเพราะรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ถึงได้ซื้อมันไป!
“ทำไมล่ะ ในเมื่อผมมีเงิน ผมจะซื้อที่นี่ หรือที่ไหนก็ได้ทั้งหมดถ้าผมอยากจะซื้อ”
ชายหนุ่มถามขณะเลิกคิ้วสูง และคำถามนั้นทำให้ปาลินถึงกับพูดไม่ออก
“...”
“คุณก็รู้...มันก็แค่เศษเงิน”
ก็รู้ว่ามันแค่เศษเงินนี่แหละ แล้วทำไมถึงต้องซื้อไปด้วย!
“ถ้าอย่างนั้นคุณ...” เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งกรุ่นโกรธและอยากต่อต้าน แต่พอเขาจ้องมองมาด้วยตาสายเข้มจัดก็ทำให้ปาลินถึงกับพูดอะไรไม่ออก สมองพลันโล่งว่างทันที
ในอดีตเธอเคยรับมือกับเขาได้ดี แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงทำอย่างนั้นไม่ได้
หรืออาจจะเป็นเพราะตอนที่ไม่รู้ว่ารัก...เธอก็ปล่อยวางได้มีสติกับตนเอง แต่พอรู้ตัวแล้ว เธอจึงไม่สามารถเป็นตัวเองได้อีกต่อไป
“ผมทำไม” เขาย้อนถามเมื่อเธอเงียบไป
ปาลินคลายริมฝีปากที่เม้มแน่นออก จากนั้นจึงตอบโต้กลับไปเช่นกัน
“แต่นี่ยังไม่ถึงเวลาย้ายออก”
กำหนดคือสิ้นเดือน ถึงตอนนั้นต่อให้ต้องกลายไปเป็นคนไร้บ้านเธอก็จะย้ายออกไป
แต่คำตอบของชายหนุ่มกลับทำให้เธอผิดคาด เพราะเขาพูดว่า
“ก็ยังไม่ได้มาไล่ แต่ผมก็แค่มาดูว่าที่นี่เป็นยังไงก็เท่านั้นเอง”
ปาลินหมายจะตอบกลับไปว่าเขาจะต้องดูอะไร แต่แรงกระตุกยิกๆ จากลูกชายและเสียงเรียกนั้นก็ทำให้เธอละความสนใจจากเคลเมนต์ไปเสียก่อน
“มัมมี้ๆ”
“จ๊ะเอเดน”
หญิงสาวหันไปมองลูกชาย เธอพยายามยิ้มให้เขาซึ่งมองเธอมาด้วยสีหน้าสงสัย แล้วเอเดนก็เบี่ยงตัวหลบเธอ ยื่นหน้าไปทางเคลเมนต์พลางชี้ไปที่เขาพร้อมกับถามออกมาด้วยความสงสัย
“คนนี้ๆ ใครเหรอฮะ”
ปาลินไม่รู้จะตอบอย่างไรเลย เธอไม่เคยคิดถึงภาพนี้มาก่อนเลยสักครั้ง ไม่สิ อันที่จริงเธอ ‘ไม่กล้า’ คิดถึงมันต่างหาก
ภาพในยามที่สองพ่อลูกเผชิญหน้ากัน
หัวใจของปาลินเจ็บแปลบ เธอได้แต่ดึงลูกเข้ามากอดแน่น อยากจะพาลูกไปซ่อน ไม่อยากให้เคลเมนต์มาเจอแก เธอไม่รู้ว่าถ้าเคลเมนต์รู้ว่าเอเดนเป็นลูกของเขามันจะเป็นยังไง เขาจะเอาลูกไปจากเธอไหม หรือไม่ยอมรับแล้วทำร้ายจิตใจอะไรแกหรือเปล่า
เธอสับสนวุ่นวายใจไปหมด จนไม่ได้ตอบคำถามของลูกชายตัวน้อย
แต่ถึงอย่างนั้นคนที่ไม่ลืมก็คือเคลเมนต์ เขาชะงักแล้วตั้งแต่ที่เห็นเด็กชายในอ้อมกอดของหญิงสาวชัดๆ เมื่อครู่นี้
หัวใจของชายหนุ่มเต้นแรง ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป เขาว่าเด็กคนนี้ก็พอจะมีเค้าของเขาตอนเด็กอยู่บ้าง แม้ว่าใบหน้านั้นจะค่อนไปทางคนเป็นแม่มากกว่าก็ตาม แต่จมูกกับดวงตาก็เป็นแบบเดียวกับของเขา เว้นแต่ดวงตาของแกเป็นสีดำเหมือนคนเป็นแม่
เคลเมนต์ใจสั่น เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากขณะที่เค้นเสียงถามออกไปด้วยความอยากรู้สุดหัวใจ
“นั่นสิปาลิน”
“...”
“เด็กคนนี้ใครกัน”
ปาลินกอดร่างของลูกชายแน่น ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองคนถามสักนิดในตอนที่ตัดสินใจตอบเขาออกไปว่า
“ลูกฉันค่ะ”
คำตอบนั้นทำให้เคลเมนต์มือสั่น เขาได้แต่กำมือเป็นหมัดแน่น เมื่อหญิงสาวหลบเลี่ยงคำตอบที่เขาต้องการรู้ที่สุดหน้าตาเฉย
เขาเหยียดยิ้ม ก่อนจะแซะถามเธอออกไปอย่างอดใจไม่อยู่
“พ่อเด็กล่ะ”
“...”
เธอเงียบ ขณะที่ลุกขึ้นยืนมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง และดันร่างเล็กของลูกชายไว้ข้างหลังตนเองตามเดิม ทำเหมือนซ่อนเด็กให้พ้นจากสายตาของเขา
“เป็นใครเหรอ ไม่คิดจะแนะนำให้ฉันรู้จักบ้างเหรอ”
เคลเมนต์กระทุ้งถามอีกครั้ง ขณะที่คนถูกถามพยายามอย่างยิ่งที่จะเก็บซ่อนท่าทีสั่นไหวหวาดกลัวของตนเอง
“ฉัน...”
เธอจะบอกออกไปได้อย่างไรว่านี่คือลูกของเขา!
เธอไม่มีวันบอกออกไปได้หรอกเพราะนี่ไม่ใช่สิ่งที่เคลเมนต์ควรจะรับรู้สักนิด ในเมื่อเขาเป็นคนของพี่สาวเธอแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจจะแต่งงานกันไปแล้วก็ได้ ฉะนั้นเรื่องที่เอเดนเป็นลูกของเขา คนสุดท้ายบนโลกใบนี้ที่ควรจะรู้ก็คือเคลเมนต์!
หญิงสาวตัวสั่น พูดอะไรไม่ออกขณะที่มือได้แต่กำข้อมือเล็กของลูกชายแน่นในยามที่แข็งใจสบตากับเคลเมนต์ที่จ้องมองมาเหมือนจะจับผิด
“แต่เธอรู้ไหม มีเรื่องตลกอย่างนึงเกิดขึ้นด้วยนะ”
เขาเอ่ยขึ้น ท่าทางนั้นราวกับรับรู้อะไรสักอย่าง ต้องเป็นอะไรที่ไม่ดีสำหรับเธอแน่ๆ
ในเมื่อบ้านนี้เขาก็ซื้อไป...ไม่แน่ว่าความลับเรื่องนี้เจ้าของบ้านอาจจะบอกเขาออกไปก็ได้
ปาลินกระวนกระวายใจไปหมด จนไม่สนใจแม้ว่าลูกชายจะร้องเรียกเธอเสียงดังก็ตาม
“มัมมี้ฮะ”
และจังหวะเดียวกันนั้น เคลเมนต์ก็เอ่ยขึ้นมาพร้อมๆ กับเอเดนที่ร้องเรียกเธอ
“มีคนบอกว่าเด็กคนนี้...”
“...”
“เป็นลูกของฉัน”
ประโยคนั้นเหมือนกระชากลมหายใจของเธอ หญิงสาวสมองขาวโพลนไปหมด ก่อนจะรู้สึกตัวเมื่อเอเดนพยายามดึงมือออกจากมือของเธอพร้อมกับร้องเสียงดังลั่น
“มัมมี้ฮะ หนูเจ็บ!”
เสียงของเด็กชายทำลายบรรยากาศกดดันไปจนหมดสิ้น ขณะที่ปาลินรีบหันไปทางลูกชาย ปล่อยข้อมือเล็กซึ่งแดงเป็นรอยนิ้วมือของตนเองทันที ใบหน้าเธอซีดเผือดมากกว่าเดิมด้วยความตกใจที่ทำลูกเจ็บ
“ขอโทษคับ” เธอรีบกอดเด็กชายพลางกระซิบขอโทษเสียงสั่น “แม่ขอโทษนะคับ หนูเจ็บตรงไหนลูก”
“หนูเจ็บแขน มัมมี้ หนูเจ็บแขนจริงๆ นะคับ”
เด็กชายเบ้ปาก ดวงหน้าเล็กแต่มีแก้มกลมๆ นั้นบึ้งตึง และดวงตาสีดำคู่นั้นแวววาวไปด้วยน้ำตา นั่นทำให้ปาลินเลิกสนใจเคลเมนต์ไปเลยทันที
“แม่ขอโทษครับ”
หญิงสาวพึมพำขอโทษลูก ยกข้อมือเล็กนั้นขึ้นมาจูบแผ่วเบา เธอวนเวียนพูดปลอบลูกอยู่อย่างนั้น กระทั่งลืมไปว่าเคลเมนต์ก็ยังอยู่ที่เดิมตรงนั้น จนเขาถามซ้ำอีกครั้ง เธอจึงได้สติว่าเขายังคงอยู่
“ว่าไง จะไม่ตอบคำถามฉันหน่อยเหรอ”
คราวนี้ปาลินตัดสินใจได้เด็ดขาดทันที เธอระงับอารมณ์อันไม่มั่นคงทั้งหลายของตนเองแล้วเลือกจะโกหกออกไปในที่สุด
“ไม่มีอะไรต้องตอบอยู่แล้วค่ะ”
“...”
“เพราะเห็นชัดเจนอยู่แล้วว่าเอเดนแกเป็นลูกของฉัน...”
“...”
“ของฉันคนเดียว”
ซึ่งความหมายนั้นตีความได้ว่าเอเดนไม่ใช่ลูกของเขา
ทั้งๆ ที่ก็คิดแล้วว่ามันมีความเป็นไปได้ แต่พอได้รับรู้จากปากหญิงสาวกลับทำให้เขาเจ็บมากจริงๆ
เจ็บมากกว่าที่ตนเองคิดเสียอีก...
เขาแทบจะทนมองหน้าสองแม่ลูกไม่ได้อีกต่อไป ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ปาลินพูดจริงหรือโกหก
แต่...ปาลินไม่เคยโกหกเขามาก่อน และเธอไม่มีความจำเป็นอะไรต้องโกหกเลยสักนิดเดียว เขาไม่ใช่ไอ้ชั่วสารเลวที่จะทำเธอท้องแล้วไม่มีปัญญารับผิดชอบ ปาลินไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลยถ้าจะยอมรับว่าเป็นลูกของเขา เคลเมนต์มองเหตุผลที่เธอจะโกหกไม่ออกเลย
ฉะนั้น...ถ้าเธอบอกว่าไม่ใช่...เขาก็เชื่อเธอ เพราะเธอไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรเลย
เคลเมนต์ก้าวถอยออกมาหนึ่งก้าว มองคนที่เขาตามหามาตลอดสี่ปีด้วยสายตาที่แทบจะปกปิดความในใจตนเองเอาไว้ไม่ไหว แต่เธอไม่สนใจเขาสักนิด
เขายิ้มหยันตนเองออกมา และในที่สุดก็เปลี่ยนใจ
ปาลินควรได้รับบทเรียนอะไรบ้าง ที่ผ่านมาเขา ‘สปอยด์’ เธอมากเกินไปจริงๆ จนเธอไม่รู้สินะว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่
“งั้นเหรอ”
“...”
“แต่เธอมีเวลาอยู่บ้านหลังนี้อีกแค่สามวันเท่านั้นนะ”
“...”
“ยังไงก็อย่าลืมย้ายออกไปล่ะ”
หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองจนเจ็บไปหมดในยามที่ถูกไล่ออกไปก่อนกำหนด แต่ตอนนี้เธอไม่อยากสู้อะไรอีกแล้ว เธอควรจะไปก่อนที่เคลเมนต์จะรู้ว่าเธอโกหกเขา
“ค่ะ...”
หญิงสาวตอบรับ และไม่คิดจะหันไปมองเขาสักนิด รับรู้ได้แต่ว่าชายหนุ่มได้หันหลังเดินจากไปแล้ว
จากไปอีกครั้ง...
เธอปล่อยโอกาสของตนเองไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน ตอนนี้เขาไม่ใช่คนที่เธอจะคว้าไว้ได้อีกแล้ว มันสายไปแล้วเพราะเคลเมนต์ ไวแอตเป็นคนของพี่สาวเธอ
เป็นมาตั้งแต่แรกแล้ว และไม่มีที่แทรกสำหรับเธอในชีวิตของเขา
...ไม่เคยมี
๐๐๐