ร่างบางที่นอนซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาขยับไปมาช้าๆ ดวงตาคู่สวยที่ปิดสนิทค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างยากลำบาก รู้สึกหน่วงที่เปลือกตาจนต้องหลับลงไปใหม่ และพยายามลืมขึ้นอีกครั้ง พร้อมทั้งพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ต้องล้มลงไปนอนเหมือนเดิม เพราะอาการปวดตุบๆ ที่บริเวณศีรษะจนเธอต้องยกมือขึ้นมากุมไว้
“เป็นไง ปวดหัวล่ะซิ” เสียงทุ้มเอ่ยถาม พร้อมกับเดินมานั่งลงข้างๆ หญิงสาว ที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง
“ไม่ต้องมายุ่งเลย” พูดตอบกลับมาเบาๆ พลางนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้สติจะไม่เต็มร้อย แต่ก็ใช่ว่าจะจำอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
ยังจำได้ดีว่าเธอถูกผู้ชายที่นั่งหน้านิ่งข้างๆ ขโมยจูบแรกของเธอไป พอคิดมาถึงตรงนี้ใบหน้าที่ขาวซีดก็มีเลือดฝาดขึ้นมาทันที ทั้งโกรธ ทั้งเขิน ทั้งอายจนไม่กล้าจะมองหน้าชายหนุ่มด้วยซ้ำ
“ปากดีแบบนี้แสดงว่าไม่เป็นอะไร งั้นก็ไปอาบน้ำล้างหน้าจะได้ออกไปกินข้าว” พูดออกไปนิ่งๆ พลางมองดูคนอวดเก่งที่พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากที่นอน พร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ
หญิงสาวพยายามพยุงตัวเองขึ้นยืน แต่หัวเจ้ากรรมก็ยังปวดไม่หาย จนต้องยกมือขึ้นกุมศีรษะตัวเองอีกครั้ง
นี่สินะ! อาการของคนแฮงก์ สัญญากับตัวเองตรงนี้เลย ว่าเธอจะไม่ดื่มเอาเป็นเอาตายเหมือนเมื่อคืนอีกแน่นอน ทรมานชะมัด
“ว้าย! พี่คิม ทำบ้าอะไรเนี่ย ปล่อย” เนตรทรายร้องเสียงหลง เผลอยกมือขึ้นโอบรอบคอแกร่งด้วยความตกใจและกลัวตก ที่จู่ๆ ตัวของเธอก็ลอยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“หึ! อย่าอวดเก่ง ปวดหัวแบบนี้จะเดินมาเองได้ยังไง ลุกนั่งยังจะไม่ไหวเลย” ใบหน้าสวยงอง้ำลงทันทีอย่างเสียฟอร์มที่อีกคนรู้ทัน
“รู้ดี”
“หึ เสร็จแล้วก็เรียกจะมาพาออกจากห้องน้ำ จะได้ไปกินข้าวสักที หิวจะแย่แล้ว” พูดออกมาอย่างเซ็งๆ พร้อมกับวางคนดื้อบนลงขอบอ่างอาบน้ำ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป แต่ก็ไม่วายที่จะได้ยินเสียงบ่นของอีกคนตามหลังมา
“เอาแต่สั่งๆ ๆ ๆ เผด็จการสิ้นดี ชิ”
เมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย เนตรทรายก็พยายามพยุงตัวเองออกมาจากห้องน้ำ โดยไม่ได้เรียกคิมหันต์ให้มาช่วยแต่อย่างใด ร่างบางเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร ที่มีคิมหันต์กำลังนั่งเล่นไอแพดเพื่อเช็กงานรออยู่
คิวเข้มเลิกขึ้นเมื่อเห็นคนดื้อมานั่งลงตรงหน้า ยกยิ้มมุมปากขึ้นมานิดๆ ทำเอาคนที่นั่งมองตรงหน้าถามออกมาอย่างสงสัย
“ยิ้มอะไรคะ”
“เปล่า นี่น้ำขิงกินซะจะได้รู้สึกดีขึ้น” เนตรทรายมองแก้วน้ำขิงอุ่นๆ ที่ถูกเลื่อนมาตรงหน้า ก่อนจะยกขึ้นมาดื่มจนหมด
“ขอบคุณค่ะ” คิมหันต์เพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมาสนใจชามข้าวต้มตรงหน้าแทน
และนั่นจึงทำให้เนตรทราย ต้องหันมาสนใจชามข้าวต้มตรงหน้าตัวเองเหมือนกัน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาทานข้าวกันไปเงียบๆ โดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำจนหมดถ้วย
“เดี๋ยวเนตรเอาไปเก็บให้ค่ะ” ว่าแล้วก็จัดการยกชามเข้าไปเก็บในครัว พร้อมกับล้างทำความสะอาดก่อนจะกลับออกมานั่งที่เดิม
“นึกยังไงถึงได้ไปกินเหล้าเอาเป็นเอาตามแบบเมื่อคืน” เนตรทรายมองเจ้าของคำถามนิ่ง
จะให้เธอตอบยังไงล่ะ จะให้บอกว่าน้อยใจเขา หึงเขา ที่เห็นเขาไปกับผู้หญิงคนอื่นอย่างนั้นเหรอ ตอบแบบนั้นได้เหรอ
“ก็แค่อยากกิน” ก้มหน้าตอบออกไปเบาๆ
“เก็บคำตอบเอาไปหลอกเด็กอนุบาลดีกว่ามั้ย” พูดออกมาอย่างไม่เชื่อ สายตาคมมองคนตรงหน้านิ่งอย่างต้องการคำตอบ
เช่นเดียวกับเนตรทราย ที่ก็มองชายหนุ่มตาขวาง เมื่อได้ยินคำพูดของเขา รู้อยู่หรอกว่าคำตอบมันฟังไม่ขึ้น แต่จะให้เธอบอกไปว่ายังไงล่ะ ในเมื่อคำตอบที่เธออยากพูดมันพูดออกไปไม่ได้
เนตรทรายถอนหายใจออกมาเบาๆ เลือกที่จะตัดบทลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องนอน เพื่อสงบสติอารมณ์และความฟุ้งซ่านของตัวเอ งแต่เท้าก็ต้องหยุดชะงักด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงพูดของอีกคนที่ดังขึ้น
“กลับมานั่งที่เดิมเดี๋ยวนี้ พี่ไม่ชอบให้ใครเดินหนี” เสียงดังสั่งแกมบังคับคนดื้อด้วยความไม่พอใจ ที่อีกคนเดินหนี เพราะสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุด คือการที่คุยกันยังไม่รู้เรื่องแล้วอีกคนเดินหนีนี่แหละ
“ไม่ได้เดินหนีค่ะ” คิมหันต์แทบอยากจะบ้าตายกับคำตอบของคนตรงหน้า ทำไมถึงได้ดื้อขนาดนี้วะ
“อย่ามากวนประสาทพี่นะเนตร แล้วก็เลิกทำตัวดื้อไม่มีเหตุผลแบบนี้สักที โตแล้วนะไม่ใช่เด็กที่ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็เดินหนีแบบนี้”
“พี่คิมมีอะไรก็พูดมาเลยค่ะ” พูดออกไปเสียงห้วน เริ่มจะโมโหแล้วเหมือนกันที่ถูกคิมหันต์ดุ
“พี่ถามว่าทำไมเมื่อคืนถึงไปกินเหล้า”
“เนตรก็บอกไปแล้วไงคะ ว่าเนตรอยากกินก็คืออยากกิน ไม่มีเหตุผลอื่น”
“เนตรทราย!” เป็นอีกครั้งที่คิมหันต์แทบจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ มองคนตรงหน้านิ่งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามนับหนึ่งให้ถึงสิบ เพื่อควบคุมอารมณ์โมโหของตัวเอง
เกิดมาเขายังไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนที่ดื้อ และพูดไม่รู้เรื่องแบบคนตรงหน้าเลยให้ตายเถอะ
และนั่นก็ทำให้ความอดทนของเนตรทรายหมดลงเหมือนกัน
ได้! อยากให้เธอพูดมากใช่มั้ย อยากรู้มากเลยใช่มั้ย
“ทำไมคะ ถ้าเนตรบอกไปพี่คิมจะช่วยเนตรอย่างนั้นเหรอ... อยากรู้มากเลยใช่มั้ยคะ ว่าทำไมเมื่อคืนเนตรถึงไปกินเหล้า... ก็เพราะพี่คิมไง เนตรน้อยใจ ที่พี่คิมดุเนตรต่อหน้าผู้หญิงคนนั้นที่ร้านอาหาร แทนที่พี่คิมจะปกป้องเนตร ทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นว่าเนตร และเนตรก็เสียใจที่เมื่อคืนพี่คิมพาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปเที่ยว ทั้งๆ ที่เราสองคนสองคนกำลังจะแต่งงานกัน พี่คิมรู้มั้ยว่าคนอื่นเขาพูดถึงเนตรว่ายังไง เขาบอกว่าเนตรน่าสงสาร ที่ว่าที่สามีควงผู้หญิงคนอื่นมาเที่ยว” ความรู้สึกที่เก็บไว้ถูกพรั่งพรูออกมาจนหมด ทำเอาคนฟังถึงกลับไปไม่เป็นพูดไม่ออก
“คือ...”
“เนตรเจ็บ เนตรเจ็บตรงนี้ เนตรไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย” นิ้วเล็กจิ้มลงตรงหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ที่เจ้าตัวพยายามอย่างที่สุดที่จะไม่ให้น้ำใสๆ ไหลลงมา
ส่วนคิมหันต์ได้แต่มองคนที่ยืนน้ำตาคลอเบ้าตรงหน้านิ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้ มันจะทำให้คนตรงหน้าเสียใจขนาดนี้ แล้วทำไมเนตรทรายจะต้องเสียใจด้วย ในเมื่อเขากับเธอก็ไม่ได้รักกัน ต่างคนก็ต่างรู้ว่าต้องแต่งงานกันเพราะอะไร
“พี่ขอโทษ ถ้าสิ่งที่พี่ทำมันทำให้เนตรรู้สึกไม่ดีหรือว่าเสียใจ... แต่เนตรก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าเราสองคนแต่งงานกันเพราะอะไร เราสองคนไม่ได้รักกัน พี่รักเนตรนะ... แต่ในฐานะน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อครบกำหนดหนึ่งปีเราสองคนก็ต้องหย่ากัน” เนตรทรายแทบล้มทั้งยืน เมื่อได้ยินคำพูดของคิมหันต์
เธอจะไม่รู้สึกอะไรเลย และดีใจด้วยซ้ำกับคำพูดพวกนี้ ถ้าเธอไม่ได้รักเขา แต่นี่มันไม่ใช่เลย
เธอเจ็บ เจ็บ! กับคำพูดพวกนี้
เจ็บกับคำว่ารักได้แค่ในฐานะน้องสาว
เจ็บกับคำว่าเราสองคนต้องหย่ากัน
ใบหน้าสวยซีดลงอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาที่ห้ามไว้ไหลลงอาบน้ำเนียนทั้งสองข้าง ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบเช็ดมันทิ้งไป
“เนตรรู้ค่ะว่าเราสองคนแต่งงานกันเพราะอะไร เนตรรู้ว่าพี่คิมรักเนตรได้แค่น้องสาว เนตรรู้ค่ะว่าเมื่อครบหนึ่งปี เราสองคนต้องหย่ากัน แต่พี่คิมรู้มั้ยว่าเนตรรักพี่คิม... รัก... ที่มากกว่าคำว่าพี่ชาย” เนตรทรายฝืนยิ้มบางๆ ออกไปให้คนตรงหน้า ที่ดูจะอึ้งกับคำพูดของเธอไม่น้อย หญิงสาวจึงใช้โอกาสนี้พูดต่อให้จบเพื่อไม่ให้เขาเป็นกังวลใจ
“แต่พี่คิมไม่ต้องลำบากใจหรือเป็นกังวลนะคะ ยังไงครบหนึ่งปีเราก็ได้หย่ากันแน่นอนค่ะ เนตรจะไม่ใช้ความรักของเนตร มาผูกมัดให้พี่คิมอยู่กับเนตรไปตลอดหรอกนะคะ พี่คิมสบายใจได้” คิมหันต์ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นกุมขมับทันที
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย
ทำไมเรื่องราวมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ไปได้
นี่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเนตรทรายรักเขารักที่มากกว่าพี่ชาย
แต่จะให้เขาทำยังไง ในเมื่อตอนนี้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเนตรทราย มันคือความรักแบบพี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องอีกครั้ง ต่างคนก็ต่างนิ่งเงียบอยู่ในความคิดของตัวเอง จนเนตรทรายเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องพูดทำลายความเงียบขึ้น
“นี่เนตรพูดบ้าอะไรออกไปคะเนี่ย พี่คิมอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะคะ เนตรอาจจะยังเมาค้างอยู่ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ เดี๋ยวเนตรลงไปรอที่รถนะคะ” เนตรทรายพูดติดตลก ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้า เพื่อให้บรรยากาศในห้องดีขึ้น
เพราะหลังจากที่เธอพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป คิมหันต์ก็เอาแต่นั่งเงียบทำหน้าเครียดอยู่แบบนั้น เธอไม่อยากเอาความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขา ไปทำให้เขาลำบากใจ เธอรู้ว่าคนเรามันบังคับความรู้สึกกันไม่ได้
รักก็คือรัก
ไม่รักก็คือไม่รัก
แค่นั้นเองไม่มีอะไรซับซ้อน
รถสปอร์ตคันหรูวิ่งเข้ามาจอดบริเวณหน้าบ้าน คนที่นั่งอยู่ในรีบลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านทันที แต่เท้าที่ก้าวเดินด้วยความรีบก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้นจากห้องรับแขก
“เนตร กลับมาแล้วเหรอแล้วนี่จะรีบไปไหน” วาคินร้องเรียกน้องสาวที่เดินจ้ำอ้าวเข้ามาในบ้าน
“เฮีย” ไม่รอช้า ร่างบางรีบวิ่งเข้าไปกอดวาคินทันที เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการที่สุดคืออ้อมกอดอุ่นๆ จากพี่ชายคนนี้
ส่วนวาคินออกจะตกใจกับท่าทางของคนในอ้อมกอดไม่ได้ หันมองหน้าคิมหันต์ที่เดินตามด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม และต้องการคำตอบว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่คิมหันต์กับส่ายหน้าและเดินขึ้นบันไดไป
“เป็นอะไรตัวแสบ เกิดอะไรขึ้น ไหนเล่าให้พี่ฟังสิ” ผละคนในอ้อมกอดออก พลางมองสำรวจใบหน้าที่ดูซีดเซียว และดวงตากลมโตที่วันนี้ดูหมองเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
วาคินดึงมือเนตรทราย ให้เดินตามออกมาที่ศาลาเรือนไทยข้างสวนกุหลาบ ที่กำลังออกดอกชูช่อสวยงามของหญิงสาวที่ปลูกไว้ เผื่อจะทำให้คนที่นั่งหน้าเศร้ารู้สึกดีขึ้น
“เฮียเคยแอบรักใครบ้างมั้ยคะ รักทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาไม่ได้รักเราเลย แต่เราก็ยังบ้าไปบอกรักเขา” พูดออกมาเบาๆ ดวงตาคู่สวยเหม่อมองออกไปยังเบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย
เมื่อเจอคำถามของเนตรทราย วาคินก็ถึงกลับไปไม่เป็น เกิดมายังไม่เคยแอบรักใครด้วยสิ
“เนตรรักพี่คิม รักที่มากกว่าความรักของพี่ชายกับน้องสาว... และที่ตลกก็คือเนตรดันบ้าไปบอกรักพี่คิม ทั้งๆ ที่พี่คิมก็บอกกับเนตรแล้ว ว่าพี่คิมรักเนตรได้แค่น้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ตลกดีเนาะ” เนตรทรายหันมายิ้มให้วาคินที่นั่งอยู่ข้างๆ มันเป็นรอยยิ้มที่วาคินก็ดูออกว่าเจ้าตัวฝืนออกมาแค่ไหน
แม้จะตกใจอยู่ไม่น้อย ที่ได้ยินเนตรทรายบอกว่ารักคิมหันต์ แต่พอเห็นใบหน้าและแววตาเศร้าสร้อยของน้องสาว ก็อดสงสารไม่ได้ มือหนารั้งร่างบางเข้ามาซบตรงหัวไหล่ ยกมือขึ้นลูบผมยาวสลวยนั้นเบาๆ เป็นการปลอบ
“ไม่เห็นจะตลกตรงไหนเลย ความรู้สึกคนเรามันบังคับกันได้ที่ไหนล่ะจริงมั้ย เพราะถ้ามันบังคับได้เนตรก็คงบังคับตัวเองไม่ให้รักพี่คิมหรอก... แล้วอีกอย่างเนตรกับพี่คิมก็ต้องแต่งงานกันอยู่แล้วเนตรจะรักพี่คิมมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่หรือไง”
“แต่พี่คิม...” พูดได้แค่นี้ก็ต้องหยุดเมื่อวาคินพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“น้องสาวของพี่ไม่ใช่คนยอมแพ้อะไรง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงได้ถอดใจตั้งแต่ยังไม่ได้ลงสนามแข่งเลยล่ะ หึ”
“เฮียว่าเนตรจะเอาชนะใจพี่คิมได้มั้ยคะ” เนตรทรายผละออกมาจากอ้อมกอด หันมองหน้าพี่ชายอย่างรอคอคำตอบ
“อืม... คำถามนี้เนตรต้องไปถามพี่คิมสิถึงจะถูก”
“เฮียอะ ให้กำลังใจน้องบ้างสิคะ”
“พี่เชื่อว่าเนตรทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องใช้เวลาหน่อยก็แค่นั้นเอง... กล้าไปบอกรักเขาขนาดนั้น มันก็ต้องกล้าจีบเขาสิ ยัยตัวแสบเอ๊ย” วาคินพูดออกมายิ้มๆ ยกมือขึ้นมาโยกหัวน้องสาวเล่นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“ก็ตอนนั้นมันขาดสตินี่คะ แต่ตอนนี้สติมาเต็มมันก็เลยไม่กล้า”
“งั้นก็เลือกเอา ว่าเราจะยอมปล่อยให้พี่คิมหลุดมือไปหาผู้หญิงคนอื่น ทั้งๆ ที่ตัวเองมีโอกาสมากกว่าใครเขา”
“ไม่เอา เนตรไม่ให้... เอาวะ ลองดูสักตั้งให้มันรู้กันไปเลยว่าจะแพ้หรือจะชนะ เฮียเอาใจช่วยเนตรด้วยนะคะ”
“ได้สิ พี่เชียร์เราสุดตัวเลยยัยตัวแสบ สู้ๆ”
“สู้ๆ ค่ะ”