ท่ามกลางความมืดมิดในยามค่ำคืน การจราจรบนท้องถนนที่แน่นขนัดในเวลากลางวัน ตอนนี้กลับโล่งตาขึ้นมาบ้างแล้ว
รถยนต์คันหรูสีดำมันวาวแล่นด้วยความเร็วสูง ฝ่าความมืดไปอย่างรวดเร็วดั่งใจที่ร้อนรุ่มของเจ้าของรถในตอนนี้ รถหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่ง โดยมีเหล่าบรรดาชายฉกรรจ์นับสิบคนเดินวนเวียน ตรวจตราความเรียบร้อยรอบๆ บริเวณนั้นอย่างแน่นหนา
ชายสูงวัยก้าวเข้ามาในโกดังด้วยความร้อนใจ โดยมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่หน้าโกดัง โค้งศีรษะทำความเคารพตลอดทางที่เดินผ่าน
“สวัสดีครับท่าน... เชิญครับ ตอนนี้คุณอาคมมารอท่านอยู่ด้านในแล้วครับ” ลูกน้องคนสนิทพูดรายงานผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นเจ้านายเข้าไปในโกดัง
“สวัสดีครับ... ไม่เจอกันนานเลยนะท่าน สบายดีนะครับ” ทันทีที่มาถึงจุดนัดหมาย คนที่ชื่ออาคมก็เอ่ยทักทายชายสูงวัย อย่างสนิทสนมตามประสาคนที่ทำธุรกิจร่วมกัน
“สบายดีครับ คุณอาคมล่ะเป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าธุรกิจของเจ้านายคุณเจริญรุ่งเรือง ทำเงินได้มหาศาลเลยเหรอครับ” ชายสูงวัยเอ่ยทักทายออกไปบ้าง
“ฮ่าๆ ๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับท่าน ว่าแต่ท่านเถอะ ถ้าเปลี่ยนใจมาร่วมงานกับเจ้านายผมเมื่อไหร่ บอกผมได้เลยนะครับ คนเก่งๆ อย่างท่านเจ้านายผมอยากร่วมงานด้วย”
“ผมต้องฝากขอบคุณเจ้านายคุณด้วยนะครับ ที่เห็นถึงความสามารถในตัวผม แต่ตอนนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ ... ของล้อตนี้เป็นยังไงบ้างครับ สวยถูกใจเหมือนที่ผ่านมาหรือเปล่า” ชายสูงวัยเอ่ยถามคู่ค้าทางธุรกิจ พลางเปิดดูของที่อยู่ในกล่องตรงหน้า
“สวยถูกใจมากเลยครับ คุณไม่เคยทำให้ทางเราผิดหวังเลยจริงๆ ... แต่ยังไงคุณก็ระวังตัวด้วยนะครับ อย่าให้ไอ้คิมหันต์มันระแคะระคายเรื่องที่คุณทำก็แล้วกัน เจ้านายผมท่านไม่อยากมีปัญหา”
“ครับ... เรื่องนั้นคุณอาคมไม่ต้องเป็นห่วงนะครับมันไม่มีทางรู้แน่นอนยิ่งช่วงนี้มันกำลังยุ่งๆ เรื่องจัดงานแต่งงาน ผมจะทำอะไรก็สะดวก” ชายสูงวัยพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ท่านพูดอย่างนี้ผมค่อยสบายใจหน่อย... อ๋อ! เดี๋ยวเจ้านายผมจะมีงานใหญ่งานหนึ่งให้ท่านช่วยนะครับ งานนี้สำคัญมาก แล้วผมจะติดต่อกลับไปอีกที และนี่ค่าตอบแทนสำหรับของล๊อตนี้ ผมขอตัวนะครับผม” พูดพร้อมกับยื่นเช็คส่งให้ชายสูงวัยตรงหน้า ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งเพียงชายสูงวัยที่ยืนยิ้มมองดูตัวเลขแปดหลักที่ระบุไว้ในเช็คอย่างมีความสุข
ก๊อกๆ ๆ
“คิม แม่เข้าไปได้มั้ยลูก” นางมณียืนพูดอยู่หน้าห้องนอนของลูกชายคนโต รอไม่นานประตูห้องนอนที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออกโดยเจ้าของห้อง
“เชิญครับคุณแม่” พูดพร้อมกับประคองผู้เป็นแม่เข้าไปในห้องพามานั่งที่โซฟาพร้อมกับนั่งลงข้างๆ
“งานที่บริษัทเป็นยังไงบ้างลูกเรียบร้อยดีมั้ย คิมเหนื่อยหรือเปล่าลูก”
“งานเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรครับแล้วผมก็ไม่เหนื่อยด้วย แค่นี้สบายมากครับ”
“แม่ขอบใจคิมมากนะลูกที่ดูแลทุกอย่างแทนแม่”
“ไม่เป็นไรครับแม่ มันคือหน้าที่ที่ผมต้องทำอยู่แล้ว” พูดพร้อมกับกุมมือผู้เป็นแม่ไว้ ทำเอานางมณีถึงกับยิ้มออกมาอย่างมีความสุข นางโชคดีจริงๆ ที่มีลูกที่ดีอย่างคิมหันต์และวาคิน
“คิม แม่ฝากยัยเนตรด้วยนะลูก แม่ไม่อยากให้คิมคิดว่าที่ต้องแต่งงานกับน้องมันเป็นเพราะแม่บังคับ หรือเป็นหน้าที่ของลูกที่ต้องทำ... แม่อยากให้คิมลองเปิดใจให้น้องดูบ้าง อย่าเพิ่งตั้งแง่คิดว่าน้องจะเป็นเหมือนผู้หญิงคนก่อนของเรา ไม่แน่นะ น้องอาจจะทำให้หัวใจที่ปิดตายของเรา มันเปิดอีกครั้งก็ได้ ใครจะไปรู้จริงมั้ย” นางมณีถามลูกชายออกไปยิ้มๆ หวังลึกๆ ว่าการแต่งงานครั้งนี้ จะทำให้ลูกชายคนโตของนางเจอรักแท้จริงๆ กับเขาสักที ไม่ใช่ทำตัวเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างที่ผ่านมา
“แต่คุณแม่ครับ ผมคิดกับเนตรแค่...”
“แม่ง่วงแล้วไปนอนดีกว่า ฝันดีนะลูก” พูดจบก็ลุกเดินออกจากห้องนอนของลูกชายไปทันที โดยไม่รอฟังว่าลูกชายจะพูดอะไรต่ออีกหรือไม่
คิมหันต์ได้แค่ถอนหายใจตามหลังผู้เป็นแม่ไปเบาๆ เป็นแบบนี้ทุกทีสินะแม่เขา พูดจบแล้วก็ตัดบทเดินหนีไปดื้อๆ แบบนี้ทุกครั้ง
“ดึกแล้วทำไมยังไม่นอน” เสียงพูดดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้คนที่กำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ อยู่ในสวนดอกกุหลาบถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ หันกลับไปมองเจ้าของเสียงนั้นนิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองดอกกุหลาบที่อยู่เบื้องหน้าเหมือนเดิม
“นอนไม่หลับค่ะ ก็เลยลงมาเดินเล่น แล้วทำไมพี่คิมยังไม่นอนคะ”
“นอนไม่หลับ ก็เลยลงมาเดินเล่น” เนตรทรายหันไปมองคิมหันต์ทันทีอย่างเคืองๆ นี่เขากำลังยอกย้อนเธอใช่มั้ย
“พี่คิม ย้อนเนตร”
“เปล๊า นอนไม่หลับจริงๆ ไม่ได้ย้อน” ปฏิเสธเสียงสูง พร้อมกับอมยิ้มมุมปากให้หญิงสาว
“ชิ”
“แล้วเป็นอะไรทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คงจะคิดอะไรในหัวเยอะไปหน่อยมั้งคะ ก็เลยไม่ง่วง แล้วพี่คิมล่ะคะทำไมถึงนอนไม่หลับ”
“ก็คงคิดอะไรในหัวเยอะไปหน่อยเหมือนกันล่ะมั้ง”
“พี่คิม!” เนตรทรายเรียกคิมหันต์เสียงดัง
นี่เธอเริ่มจะโมโหกับคำพูดยอกย้อนของคนตรงหน้าแล้วนะ ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะแกล้งพูดยั่วโมโหออกไปอีก
“อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมต้องเรียกเสียงดังด้วย เดี๋ยวคนในบ้านก็ตื่นกันหมดหรอก”
“ก็เพราะใครล่ะ... พี่คิมคะ เรื่องที่เราคุยกันที่คอนโดวันนี้ เนตรตัดสินใจแล้วนะคะว่าเนตร... เนตร... เนตรจะจีบพี่ค่ะ” กลั้นใจพูดออกไปด้วยความเร็วแสง
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นหัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาด้านนอก ด้วยความตื่นเต้นและความเขินอาย แต่จะให้ทำไงได้พูดออกไปแล้วนี่น่า
ส่วนคิมหันต์นั้นไม่ต้องพูดถึงกับช็อกไปพักใหญ่ แม้จะเคยเจอผู้หญิงเข้าหาอยู่บ่อยๆ แต่พอเจอผู้หญิงมาประกาศว่าจะจีบต่อหน้าแบบนี้ เอาเข้าจริงๆ มันก็แอบเขินอยู่นิดๆ จนไปไม่เป็นเหมือนกันแฮะ
“อืม”
“แค่เนี่ย” เนตรทรายเลิกคิ้วถามออกไปอย่างสงสัย เธออุตส่าห์รวบรวมความกล้าบ้าบิ่นพูดกับเขาไป แต่คำตอบที่ได้กลับมามีแค่อืมคำเดียวแค่นี้เนี่ยนะ
“อือ ก็แค่นี้ แล้วจะให้พี่พูดอะไรล่ะ” คิมหันต์พูดออกไปนิ่งๆ นั่นสิจะให้เขาพูดอะไรได้อีกในเมื่อแม่คุณรุกหนักขนาดนี้ ทั้งบอกรักทั้งบอกชอบ บอกจะจีบอีก เด็กหนอเด็ก
“โอเคค่ะ ไม่รู้จะพูดอะไรก็ไม่เป็นไร... ต่อไปนี้พี่คิมมีหน้าที่แค่เตรียมตัวรับมือเนตรให้ดีๆ ก็พอค่ะ เพราะเนตรจะจีบพี่คิมทุกนาทีที่มีโอกาสเลย พี่คิมเสร็จเนตรแน่” เนตรทรายพูดออกมาอย่างหมายมั่นปั้นมือ ทั้งๆ ที่ในหัวตอนนี้ของเธอยังไม่มีแผนการอะไรเลยสักอย่าง
“มั่นใจขนาดนั้นเลย”
“ใช่ค่ะ สักวันเนตรจะทำให้พี่คิมมาคุกเข่าบอกรักเนตร พร้อมกับกุหลาบช่อโตๆ ให้ได้”
“แล้วพี่จะคอยดู”
“ค่ะ พี่คิมจะต้องได้ดูและได้ทำแน่ๆ ค่ะ... แต่ตอนนี้เนตรง่วงแล้ว เราไปนอนกันดีกว่าค่ะ ปะ” พูดพร้อมกับคว้ามือหนาออกแรงดึงให้เดินตามเธอมาที่ห้องนอน
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ แล้วก็ฝันดีค่ะ” เนตรทรายพูดพร้อมกับส่งยิ้มไปให้คนตรงหน้า เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนของตัวเอง โดยที่เธอเป็นคนลากเขาให้มาส่งเธอเองกับมือ
“อืม ไปนอนได้แล้วดึกแล้ว” พูดจบก็หันหลังจะเดินกลับห้องตัวเอง แต่ก็ถูกอีกคนเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะ... กู๊ดไนท์คิส ก่อนสิคะ จะได้หลับฝันดี” แม้จะอายแทบแทรกแผ่นดินหนี แต่มาถึงขนาดนี้แล้วยังไงก็ต้องสู้ ด้านได้อายอดท่องไวเนตรท่องไว้
“ไม่ บ้าหรือเปล่าเนี่ย ผู้หญิงที่ไหนเขาขอจูบผู้ชายกัน เข้าไปนอนได้แล้วไป อย่าเพ้อเจ้อ” คิมหันต์พูดเสียงดุตำหนิเนตรทรายที่ยืนหน้าหงอยตรงหน้า
“ก็ได้ค่ะ ไม่จูบก็ไม่จูบ งั้นหอมแก้มแทนก็ได้เนาะ” ไม่รอช้ารีบเขย่งปลายเท้าขึ้นหอมแก้มสากทันที ก่อนจะหันหลังเปิดประตูเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว
ร่างบางยืนพิงประตูห้อง ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง ที่ตอนนี้เต้นแรงและเร็วจนเจ้าตัวยังกลัวว่ามันจะหลุดออกมาด้านนอก ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนรู้สึกได้
“ยัยเนตรเอ๊ย แกทำบ้าอะไรลงไปเนี่ย แล้วพรุ่งนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปเจอเขา” บ่นพึมพำกับตัวเองออกมาเบาๆ
ส่วนอีกด้านหนึ่งของประตูห้อง ก็มีชายหนุ่มที่เพิ่งถูกขโมยหอมแก้มไปหมาดๆ เมื่อสักครู่ ยืนยิ้มบางออกมาอย่างไม่รู้ตัว
มือหนายกขึ้นมาลูบแก้มตัวเอง พลางนึกถึงสัมผัสนิ่มๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ ก่อนจะส่ายหน้าสลัดความคิดของตัวเองทิ้ง
“ยัยเด็กแสบเอ๊ย วันแรกก็รุกหนักขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” คิมหันต์พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับห้องนอนของตัวเองไป
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ เจ้าของห้องตอนนี้กำลังนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี โดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว มือหนายกขึ้นมาลูบริมฝีปากตัวเองเล่นเบาๆ แล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง เมื่อคิดไปถึงสัมผัสนิ่มๆ ที่ทำให้เขานอนไม่หลับแทบจะทั้งคืน
“อะแฮ่ม! ... อารมณ์ดีอะไรแต่เช้าครับเจ้านาย นั่งยิ้มอยู่คนเดียวตั้งนานสองนาน” เสียงนพดลเอ่ยแซวพร้อมกับรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อเห็นเจ้านายเอาแต่นั่งยิ้มคนเดียว ทั้งที่เขาเข้ามาในห้องตั้งนานแล้วเจ้านายของเขาก็ยังไม่รู้ตัวอีก
“ยิ้มบ้าอะไรของนาย ฉันไม่ได้ยิ้มโว้ย” แกล้งพูดเสียงเข้ม ตีหน้าขรึมเป็นการกลบเกลื่อน นั่นยิ่งทำให้นพดลอยากแกล้งเข้าไปอีก
“จริงอะ ไปจูบกับสาวสวยที่ไหนมาเหรอครับ ผมเห็นเจ้านายเอาแต่ลูบปากตัวเองแล้วก็ยิ้ม”
“จูบอะไรของแก ไม่มี้” คิมหันต์ปฏิเสธเสียงสูง หันหน้าหลบสายตาของลูกน้องตัวแสบ ที่จ้องมาอย่างจับผิด ขืนลูกน้องตัวดีของเขารู้เข้า ว่าเขาทั้งจูบ ทั้งหอมเนตรทรายนะ มีหวังถูกมันล้อสามวันเจ็ดวันก็ไม่จบ
“อ๋อ เหรอครับ... แล้วเป็นไงปากคุณเนตรนุ่มดีมั้ยครับ” นพดลถามหยั่งเชิง หวังจะให้เจ้านายหลงกล และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อคนที่ปฏิเสธเสียงสูงเมื่อสักครู่ตอบกลับมาอย่างลืมตัว
“นุ่มมาก...เฮ้ย! ไอ้ดล เดี๋ยวแกจะโดน” เมื่อรู้ตัวว่าพลาดหลงกลก็อยากจะกระโดดไปบีบคอลูกน้องตัวดี ที่ยืนหัวเราะเสียงดังอยู่ตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอด
“แหมๆ ๆ ยอมรับเต็มปากเต็มคำเลยนะครับ ผมนี่เอาใจช่วยคุณเนตร ให้คุณเนตรพังทลายประตูหัวใจหนุ่มเจ้าสำราญหัวใจหินให้ได้จริงๆ”
“ปากดีนะแกเนี่ย... เอ่อ! นี่ไอ้ดล เนตรเขาบอกว่าเขารักฉันว่ะ รักแบบคนรัก แถมยังบอกอีกด้วยว่าจะจีบฉัน ให้ฉันเตรียมตัวรับมือให้ดีๆ ฉันจะทำให้ยังไงดีวะ” คิมหันต์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังในประโยคสุดท้าย แต่คนฟังกลับหัวเราะชอบอกชอบใจ
“หัวเราะอะไรของแกวะไอ้ดล คนยิ่งเครียดๆ อยู่”
“ขอโทษครับเจ้านาย... ก็ผมไม่คิดว่าคุณเนตรจะเธอจะกล้าจีบเจ้านายนี่ครับ... เจ้านายครับอย่าหาว่าผมสอนเลยนะครับ อยู่กับคนที่เขารักเรามันก็ดีแล้วนี่ครับ มีความสุขดี”
“แต่ฉันไม่ได้รักเนตรแบบนั้นน่ะสิ”
“อยู่ด้วยกันทุกวัน เจ้านายแน่ใจเหรอครับ ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับคุณเนตรเลย... น้ำเซาะหินทุกวันหินมันยังกร่อนนะครับเจ้านาย ทำไมเจ้านายไม่ลองเปิดใจให้คุณเนตรดูล่ะครับ บางทีเจ้านายอาจจะเจอความสุขที่หายไปก็ได้นะครับ อดีตก็คืออดีต เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราก็ไม่ควรจะไปยึดติดกับมันอีก มาสนใจอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นดีกว่านะครับ” นพดลพูดยาวเหยียดหวังจะให้ผู้เป็นนายเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอก
ด้วยรู้ดีว่าหัวใจของเจ้านายนั้น บอบช้ำจากความรักมามากแค่ไหน ก็เลยเลือกที่จะปิดกั้นหัวใจตัวเองจากความรัก กลายเป็นคนไร้หัวใจที่รักสนุกไปวันๆ
“ทำไมวันนี้นายพูดจาดีมาสาระวะ”
“โหย! เจ้านายอะ ผมก็มีสาระของผมทุกวันล่ะครับ”
“อ้าวเหรอ ไม่เห็นรู้เลย” คิมหันต์พูดกวนๆ ยิ้มมุมปากอย่างตั้งการแกล้งลูกน้อง
“เจ้านายอะ... ไปทำงานดีกว่าไม่คุยด้วยแล้ว เชิญนั่งยิ้มคนเดียวไปเลย” พูดจบก็เดินสะบัดหน้าออกจากห้องทำงานไปทันที ทิ้งให้คิมหันต์นั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดี กับท่าทางแสนงอนของลูกน้อง นี่เขามีลูกน้องเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่วะเนี่ย งอนอย่างกับผู้หญิง