“PS Coffee & Restaurants สวัสดีค่ะ รับอะไรดีคะ” เสียงใสเอ่ยต้อนรับลูกค้า ที่เปิดประตูร้านเข้ามาด้วยความเคยชิน ทั้งที่เจ้าตัวยังคงวุ่นอยู่กับการชงกาแฟ
“รับแม่ค้าคนสวยได้มั้ยคะ” เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปเช่นกัน
“ยัยเนตร เดี๋ยวจะโดนชอบแกล้ง... ลมอะไรพัดมาย่ะ”
“คิดถึงเลยมาหา แล้วก็อยากกินกาแฟอร่อยๆ ฝีมือเพื่อนสักแก้ว”
“ไปหาที่นั่งเลยจ้ะเดี๋ยวชงให้ เหมือนเดิมเนาะ”
“จ้า” ว่าแล้วเนตรทรายก็เดินเข้าไปหาที่นั่ง พลางมองสำรวจร้านของภัสสรที่เปิดเป็นกาแฟและร้านอาหารเล็กๆ
ด้านล่างจัดเป็นโซนสำหรับขายกาแฟ มีโต๊ะจัดวางสำหรับให้ลูกค้านั่งทานที่ร้าน พร้อมทั้งยังเปิดเพลงคลอเบาๆ สร้างบรรยากาศให้รู้สึกสบายอีกด้วย
ส่วนด้านบนก็จัดให้เป็นร้านอาหารตกแต่งสบายๆ สไตล์ธรรมชาติตามที่เจ้าของร้านชอบ
“มาแล้วจ้า กาแฟอเมริกาโน่น้ำผึ้งของคุณเพื่อนสุดที่รัก แล้วก็นี่เค้กช้อคโกแลตสูตรหวานน้อยกินแล้วไม่อ้วนจ๊ะ” ภัสสรพูดพร้อมกับวางแก้วกาแฟและขนมลงตรงหน้าเนตรทราย ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงตรงข้าม
“น่ารักที่สุดเพื่อนฉัน... ลูกค้าเยอะเหมือนกันเนอะ โดยเฉพาะผู้ชายไม่รู้ว่ามาซื้อกาแฟหรือมาจีบเจ้าของร้านขายกาแฟกันแน่”
“ก็ทั้งสองอย่างนั้นแหละจ๊ะ... ว่าแต่แกเถอะ ไม่ต้องไปเข้าคอร์สนวดหน้าขัดตัว เตรียมเป็นเจ้าสาวหรือไง”
“ใครว่า ไปมาเพิ่งเสร็จเนี่ย ก็เลยแวะมาหาแกนี่แหละ แล้วก็ว่าจะซื้อกาแฟกับข้าวกลางวันไปฝากพี่คิมที่บริษัท รายนั้นนะข้าวปลาไม่ยอมกินทำแต่งาน ฉันล่ะกลัวโรคกระเพาะจะถามหาจริงๆ” เนตรทรายบ่นยาวเหยียด เมื่อนึกไปถึงคิมหันต์ที่ทำงานจนลืมเวลา ไม่ยอมทานอาหารกลางวัน
“แหมๆ ๆ นี่ยังไม่แต่งงานกันเลยนะ เป็นห่วงเป็นใยกันขนาดนี้เลย อิจฉาย่ะ” ภัสสรพูดออกมายิ้มๆ อย่างไม่จริงจังอะไรนัก
“นี่! ลูกศร... ฉันบอกรักพี่คิมไปแล้วนะ แล้วฉันก็บอกพี่คิมไปแล้วด้วยว่าฉันจะจีบพี่เขา” ภัสสรแทบจะสำลักกาแฟที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อ ได้ยินคำพูดของเพื่อน
แม้จะรู้มาโดยตลอดว่าเนตรทรายรู้สึกยังไงกับคิมหันต์ แต่ก็ไม่คิดว่าเนตรทรายจะกล้าบอกความรู้สึกของตัวเองให้คิมหันต์รู้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเธอทั้งขู่ทั้งบังคับให้บอก แต่เนตรทรายก็ไม่ยอมท่าเดียว แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงยอมบอกได้
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ แกถึงได้ไปบอกรักพี่เขา” เนตรทรายเล่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ภัสสรฟังทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่เธอแอบขโมยหอมแก้มคิมหันต์วันนั้นด้วย ทำให้ภัสสรตกใจหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก
“ยัยเนตร ฉันนับถือแกจริงๆ สู้ๆ นะเพื่อนฉันเอาใจช่วย มีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้นะไม่ต้องเกรงใจ เข้าใจรึเปล่า”
“ขอบใจมากนะลูกศร ฉันรักแกจัง” เนตรทรายพูดเสียงหวาน มองหน้าภัสสรอย่างซึ้งใจที่เธอมีเพื่อนที่ดีแบบนี้
“ฉันชอบผู้ชายย่ะ” พูดยิ้มๆ ออกไปหวังแกล้งอีกคน
“รู้แล้วน่า... แล้วก็ไปชงกาแฟกับขนมเค้กให้เพื่อนด้วยค่ะ เพื่อนจะเอาไปฝากผู้ชาย อ๋อ! เอาสปาเกตตีทะเลด้วยนะลูกศร2กล่อง ขอบใจจ้ะ”
“จ้า รอแป๊บนึงนะเดี๋ยวฉันจัดการให้” ว่าแล้วภัสสรก็เดินหายเข้าไปหลังร้านทันที
ไม่นานของที่สั่งก็มาอยู่ในมือของเนตรทราย ร่างบางหอบหิ้วของทั้งหมดเข้ามาในบริษัทมณี กรุป พนักงานบางคนที่รู้จักหญิงสาว ก็พูดทักทายทำความเคารพตลอดทาง จนมาถึงห้องทำงานของคิมหันต์
“พี่ดล เนตรซื้อกาแฟกับขนมมาฝากค่ะ” พูดพร้อมกับยื่นกาแฟและขนมไปตรงหน้าชายหนุ่มที่ยืนส่งยิ้มขอบคุณมาให้
“ขอบคุณครับ คุณเนตรนี่สวยแล้วยังใจดีอีกนะครับเนี่ย แล้วนี่เอาอะไรมาเยอะแยะเลยครับให้ผมช่วยมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เนตรว่าจะมาทานกลางวันกับพี่คิมน่ะคะ แล้วก็ซื้อพวกขนมทานเล่นกับน้ำผลไม้มาใส่ตู้ไว้ให้พี่คิมด้วย เวลาหิวจะได้มีอะไรทานรองท้อง”
“ดูแลเอาใจใส่ดีแบบนี้ เจ้านายผมจะไปไหนรอดครับเนี่ย... มาครับเดี๋ยวผมเปิดประตูให้” ว่าแล้วก็เดินไปเปิดประตูห้องทำงานของเจ้านาย ให้เนตรทรายเดินเข้าไป โดยไม่ลืมจะพูดกวนประสาทผู้เป็นนายเล่น
“มีความสุขมากๆ นะครับเจ้านาย ข้าวกลางวันมื้อนี้คงจะหวานน่าดู” พูดจบก็ปิดประตูลง ทำเอาคิมหันต์ที่กำลังจะอ้าปากพูดตอบกลับต้องหุบลงทันที จึงเปลี่ยนมาถามคนที่กำลังวางของที่หอบหิ้วมาลงบนโต๊ะรับแขกกลางห้องแทน
“เอาอะไรมาเยอะแยะเลย”
“เที่ยงแล้ว พี่คิมไปล้างมือนะคะ เดี๋ยวเรามาทานข้าวกัน” พูดพร้อมกับเดินมาดึงมือชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน เป็นเชิงบังคับให้ชายหนุ่มไปล้างมือตามที่เธอบอก
“แต่พี่ยังไม่หิว” คิมหันต์ปฏิเสธออกไปเสียงเรียบ ทำท่าจะกลับลงไปนั่งตามเดิม แต่เนตรทรายกับดึงแขนไว้ พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่หิวก็ต้องทานค่ะ ร่างกายคนเราต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอนะคะ ทำไมถึงไม่รักตัวเองบ้างเลย ถ้าป่วยขึ้นมาจะทำยังไง คิดบ้างสิคะ มาค่ะ มาล้างมือจะได้ทานข้าวกัน” บ่นออกมายาวเหยียด พร้อมกับลากคนตัวสูงให้เดินตามเธอมาที่ห้องน้ำ โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เดินตามมานั้นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
หลังจากจัดการกับคนดื้อ ที่ไม่ชอบทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนตรทรายก็ปล่อยให้คนตัวโตกลับไปทำงานต่อ โดยที่เธอก็ยังคงวุ่นอยู่กับการจัดของกินที่ซื้อมาใส่ตู้เย็น
“จะซื้อมาทำไมเยอะแยะ พี่กินไม่หมดหรอก และพี่ก็ไม่ชอบกินอะไรพวกนี้ด้วย” คิมหันต์พูดขึ้นมาลอยๆ ทั้งที่ตัวเองยังคงก้มหน้าตรวจเอกสาร เรียกความหมั่นไส้ให้คนที่กำลังจัดของอยู่ได้เป็นอย่างดี
“ไม่ชอบก็ต้องกินค่ะ เอาไว้เวลาที่พี่คิมหิวไงคะ แล้วค่อยเอาออกมากิน... แล้วนี่กินข้าวเสร็จทำไมไม่พักก่อนล่ะคะ มาค่ะ ไปนั่งเล่นดูทีวีที่โซฟากัน” ยื่นมือไปจับมือหนาให้ลุกขึ้นเดินตามเธอมา ซึ่งคนถูกดึงก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี ไม่บ่นอะไรออกมาสักคำ จนเนตรทรายอดแปลกใจไม่ได้
“ทำไมรอบนี้ยอมง่ายจังคะ”
“ก็แล้วถ้าพี่ไม่ยอมเนตรจะฟังพี่มั้ยล่ะ” คนถูกถามส่ายหน้าไปมายิ้มๆ
“ไม่ค่ะ”
“หึ เห็นมั้ยล่ะ”
“ก็เนตรเป็นห่วงพี่คิมนี่คะ อยากให้คิมพักบ้าง โหมงานหนักแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะคะ แล้วเสื้อสูทเนี่ย เวลาพักถอดออกก่อนก็ได้ค่ะ ใส่ตลอดเวลาไม่อึดอัดบ้างหรือไงคะ” ไม่พูดเปล่ามือบางยังทำหน้าที่ปลดกระดุมเสื้อสูทของคิมหันต์ออกอีกด้วย
ซึ่งคนถูกบังคับให้ถอด ก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมาแต่ก็ยอมถอดออกแต่โดยดี
“พอใจหรือยัง” ถามออกมายิ้มๆ นั่นยิ่งทำให้เนตรทรายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ออกมาอย่างมีความสุขที่วันนี้เธอสามารถทำให้คิมหันต์ยิ้มให้เธอได้
“ดีใจจัง เนตรทำให้พี่คิมยิ้มให้เนตรได้แล้ว” คนที่เผลอยิ้มออกมาหุบยิ้มลงแทบไม่ทัน รีบปรับสีหน้าให้เรียบเฉย เอ่ยถามเสียงเรียบออกมา
“ใครยิ้ม ไม่ได้ยิ้มสักหน่อย”
“แนะ! ก็พี่คิมนั่นแหละ เวลาที่พี่คิมยิ้มน่ารักดีออกค่ะ ยิ้มให้เนตรบ่อยๆ ได้มั้ยคะ นะคะ” เจอลูกอ้อนหนักขนาดนี้ มีหรือที่คนอย่างคิมหันต์จะทนไหว นับวันเขายิ่งเจอเนตรทรายรุกหนักขึ้นทุกวัน จนบางครั้งชายหนุ่มก็แทบจะตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน
“อืม แต่ถ้าให้ยิ้มทั้งวันก็เป็นคนบ้านะ”
“ถึงจะบ้าเนตรก็รักเหมือนเดิมนะคะ” ทั้งคนพูดและคนฟังใบหน้าซับสีเรื่อ ด้วยความเขินอาย เป็นคิมหันต์ที่ทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายพูดแก้เขินออกไป
“เพ้อเจ้อใหญ่แล้วเรา”
“ก็เพ้อถึงแค่พี่คิมคนเดียวนั่นแหละค่ะ” ยิ่งเห็นคิมหันต์เขิน เนตรทรายก็ยิ่งอยากแกล้ง เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ย เวลาที่คนหน้านิ่งชอบตีหน้าขรึมเวลาเขินนี่น่ารักเป็นบ้า
“พี่ไปทำงานแล้ว” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง พร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ
นี่เขากำลังถูกยัยเด็กแสบคนนี้แกล้งใช่มั้ยเนี่ย แสบจริงๆ ยัยเด็กบ้า
“พี่คิมใส่เสื้อสูทก่อนสิคะ เดี๋ยวไม่หล่อไม่รู้ด้วยนะ” เนตรทรายพูดยิ้มๆ พร้อมกับเดินถือเสื้อสูทมายืนข้างๆ คิมหันต์
“เอามาสิ” พูดพร้อมกับยื่นมือมารับเสื้อสูทของตัวเอง แต่อีกคนยังถือไว้เหมือนเดิมไม่ยอมส่งให้
“ยืนขึ้นค่ะ เดี๋ยวเนตรใส่ให้”
“ไม่ต้อง เอามาเดี๋ยวพี่ใส่เอง”
“เร็วค่ะ ชักช้าเสียเวลาทำงานไม่รู้ด้วยนะ” คนถูกบังคับถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามที่อีกคนบอก
หญิงสาวจึงจัดการใส่เสื้อสูท โดยมีชายหนุ่มให้ความร่วมมืออย่างดี สายตาคมจ้องมองคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจติดกระดุมเสื้อสูทด้วยหัวใจพองโต ใบหน้าที่นิ่งขรึมตอนนี้ยกยิ้มมุมปากนิดๆ อย่างลืมตัว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พูดขึ้นขณะที่ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ
“ขอบใจ” ว่าแล้วก็นั่งลงเก้าอี้ตามเดิม แต่มีหรือที่คนอย่างเนตรทรายจะอยากได้แค่คำว่าขอบใจ เอาใจใส่ดูแลขนาดนี้ มันต้องได้มากกว่านี้สิ ร่างบางแทรกตัวเข้ามานั่งลงบนตักแกร่งด้วยความเร็ว สองมือยกขึ้นคล้องคอชายหนุ่มไว้
“เฮ้ย! มานั่งทำไม ลงไปเลยพี่จะทำงาน” คิมหันต์สะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ เนตรทรายก็ลงมาที่นั่งที่ตักของเขา
นี่คิดจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ยยัยตัวแสบ
“หอมแก้มเนตรหน่อยสิคะ แทนคำขอบคุณเมื่อกี้” นั่นไง คิดเอาไว้แล้วไม่มีผิด ให้มันได้อย่างนี้สิ
“ไม่เอา จะทำงานลงไปเร็วๆ” คิมหันต์บอกปัด พร้อมกับแกะมือที่คล้องอยู่ที่คอออก แต่มีหรือที่เนตรทรายจะยอมปล่อยออกง่ายๆ
“พี่คิมก็หอมเร็วๆ สิคะ เนตรจะได้ลง... เร็วค่ะ ชักช้าเสียเวลาทำงานไม่รู้ด้วยน้า” พูดเร่งคนที่นั่งทำหน้าชั่งใจยิ้มๆ
คิมหันต์จึงตัดสินใจหอมไปที่แก้มนวลเนียนตรงหน้าเร็วๆ หรือเรียกว่าแค่เอาริมฝีปากไปแตะแก้มเบาๆ ด้วยความเร็วถึงจะถูก
แต่ก็ทำเอาคนถูกหอมถึงกับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีด้วยความเขินขาย
“ลงไปได้ยัง” ถามเสียงเรียบ มองคนบนตักที่ตอนนี้หน้าแดงลามมาถึงใบหูนิ่งๆ ทั้งที่จริงอยากจะหัวเราะออกมาใจจะขาด ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่ เจอแค่หอมแก้มไปแค่นี้หน้าแดงหูแดงไปหมด
“ค่ะ” เนตรทรายรับคำสั้นๆ รีบขยับตัวลงจากตักนั้นทันทีโดยไม่อิดออด เดินมาคว้ากระเป๋าที่โซฟาก่อนจะหันไปบอกลา
“เนตรกลับบ้านก่อนนะคะ เลิกงานแล้วพี่คิมรีบกลับบ้านไปทานข้าวด้วยกันนะคะ”
“คืนนี้พี่จะนอนที่คอนโด”
“อ้าว เหรอคะ” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มหงอยลงไปทันที
“กลับไปได้แล้วพี่จะทำงาน”
“ไล่จัง กลับก็ได้ค่ะ อ๋อ! แล้วก็อย่ามัวแต่คิดถึงเนตร จนลืมทำงานนะคะ บายค่ะ” พูดจบก็เดินยิ้มออกจากห้องไปทันที
โดยไม่ได้หันมามอง คนที่นั่งอมยิ้มส่ายหัวไปมาอยู่ที่เก้าอี้เลยสักนิด ยัยเด็กนี่ท่าจะติงต๊องแฮะ
“แหมๆ ๆ นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะครับเจ้านาย อาหารกลางวันอร่อยถูกปากใช่มั้ยครับเนี่ย” เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นผู้เป็นนายนั่งยิ้มอย่างอารมณ์ ก็อดไม่ได้ที่เอ่ยแซวไป ทำเอาคนถูกแซวหุบยิ้มลงแทบไม่ทันตอบกลับไปแบบกวนๆ
“ไม่เสือกครับ ไปทำงานต่อได้แล้วครับเดี๋ยวถูกหักเงินเดือนไม่รู้ตัวนะครับ”
“ครับๆ ไปเดี๋ยวนี่เลยครับ แซวนิดแซวหน่อยไม่ได้เลยนะ” ไม่วายที่จะพูดแหย่เจ้านายออกไปอีกครั้ง ก่อนจะรีบเจ้าอ้าวเดินออกไปจากห้องเมื่อเห็นสายตาดุๆ ที่มองมาของเจ้านาย