บทที่หนึ่ง

2449 คำ
“ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่” คำถามดังกล่าวสร้างความอึดอัดใจให้แก่คนตัวเล็กจนต้องเม้มปากแน่นสนิท เพราะเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ผู้ชายคนนี้ก็ให้คนของเขาพาเธอออกมาทันที ราวกับไม่อยากอยู่ที่นั่นต่ออีกแม้แต่นาทีเดียว เวลานี้พสิกาจึงนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่บนรถคันหรูของณฟ้า เจ้านายหนุ่มผู้เปรียบดั่งอัศวินช่วยชีวิตเธอเอาไว้ “พอดีผึ้ง…” “ฉันไม่คิดนะว่าคนใสซื่ออย่างเธอจะกล้าทำอะไรแบบนั้นด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ซึ่งรับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังประชดประชันอยู่ คราแรกแม้นัยน์ตาสีชาจะไม่ฉายความรู้สึกใดๆ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจ “พ่อเลี้ยงผึ้งเป็นหนี้เจ้าของที่นั่นค่ะ” “เธอก็เลยทำหน้าที่ลูกที่ดีโดยการเอาตัวใช้หนี้” พสิการู้สึกราวกับมีเข็มแหลมนับพันเล่มทิ่มแทงลงยังหัวใจดวงน้อย ไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเพราะทุกอย่างมันคือความจริง ใช่...พ่อเลี้ยงเป็นหนี้จนลูกอย่างเธอต้องมาชดใช้ให้ โดยการเอาตัวขึ้นประมูลราวกับผู้หญิงไร้ยางอายคนหนึ่ง เสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกก็ดีใจที่ผู้ชายที่ประมูลเธอได้เป็นเขา หากนัยน์ตาคมเข้มเต็มไปด้วยความดุดันทำให้เธอประหม่าจนแทบทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงอย่างเธอมีทางเลือกที่ไหนกัน! “ค่ะ อย่างที่คุณฟ้าเข้าใจ” “ง่ายดี เธอคงไม่คิดว่าฉันจะยอมเสียเงินฟรีๆ ตั้งสามล้านโดยที่ไม่ได้อะไรตอบแทนใช่ไหม” หญิงสาวแทบกลืนน้ำลายไม่ลง ใบหน้าหวานร้อนผ่าวไปหมดเมื่อตีความประโยคดังกล่าวของเขา “ค่ะ คุณฟ้าคงจะไม่ใจดีขนาดนั้น” เธอตอบกลับเสียงแผ่วเบา ในจังหวะที่รถยนต์สีหม่นเลี้ยวเข้าไปจอดยังคอนโดสุดหรูใจกลางเมือง แกล้งยิ้มหวานเข้าใจในทุกคำพูดที่ณฟ้าต้องการจะสื่อ ในเมื่อจ่ายเงินแล้วย่อมต้องตักตวงผลประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุดสิ ส่วนเธอไม่ต่างจากแม่ค้าที่ตีค่าตนเองเป็นตัวเงิน มันก็ถูกแล้วนี่! แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ในใจแอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ณฟ้าในวันนี้ไม่ได้ใจดีเช่นในอดีต… “หน้าที่ของเธอไม่มีอะไรมาก กลางวันก็เหมือนเดิมแหละ เป็นเลขาฉัน ส่วนกลางคืนคงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าต้องทำอะไรอะไรบ้าง” “อะ…เอ่อ คือผึ้ง” ไม่อาจสบตายามชายหนุ่มเคลื่อนใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้ๆ “หรือเธอจะชดใช้เป็นเงิน” เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ว่าพสิกาไม่มีปัญญา แล้วขยับตัวไล่ต้อนราวกับต้องการให้คนตัวเล็กจนมุม หญิงสาวรู้สึกตัวลีบลงถนัดตา ลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดผิวบอบบางทำให้เธอรู้สึกประหม่า มันคืออะไรกันนะ ทำไมใจเต้นตึ้กตั้กแบบนี้อีกแล้ว “…” “หืม…” ลากเสียงยาวย้ำถามอีกครั้ง “ค่ะ ผึ้งยอมเป็นเด็กของคุณฟ้า” ณฟ้ายิ้มเย็น พลางยกมือขึ้นลูบเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มอย่างถูกใจในคำตอบ ใช่ผู้หญิงคนนี้เป็นของเขา เธอเป็นของเขามาตั้งแต่ต้น! “ดีมาก เป็นเด็กดีของฉันมันไม่ยากหรอก” “ผึ้งต้องทำอะไรบ้างคะ” แม้รับรู้ในสิ่งที่เขาต้องการแต่ก็ไม่ทั้งหมด คนหัวไวจึงตัดสินใจถามด้วยไม่ต้องการมีอะไรติดค้างในใจอีก “ข้อแรก...ดูแลเรื่องอาหารการกินของฉัน ก็เหมือนงานเลขาที่เธอทำตอนนี้นั่นแหละ” “…” พยักหน้าว่าเข้าใจ “ข้อสอง...เราจะมีความสัมพันธ์ทางกายกันตามความพึงพอใจของฉัน” พสิกาลำคอตีบตันไปชั่วขณะ ด้วยพะวงไปถึงอะไรบางอย่างจนเผลอคิดเกินเลย “ข้อสุดท้าย...ถึงฉันจะใจดีมากแค่ไหน แต่เธอรู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว ดังนั้นความสัมพันธ์ของเราต้องเป็นความลับ และอย่าคิดข้ามเส้นมารักฉันเด็ดขาด” “เราต้องอยู่แบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่คะ” “แค่หนึ่งปี อยู่กับฉันไม่มีอะไรมาก ฉันเป็นคนขี้เบื่อ คงใช้เวลากับเธอไม่นานหรอก” “ค่ะ ผึ้งจะจำไว้” แม้รู้สึกสั่นไหวแค่ไหน แต่เธอเลือกเก็บซ่อนทุกอย่างเอาไว้อย่างมิดชิด เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เธอไม่มีสิทธิ์เลือกนี่นา ได้ใกล้ชิดเขาขนาดนี้ควรดีใจแล้วถูกไหม แม้จะในฐานะผู้หญิงชั่วคราวของเขาก็ตามที ไม่มีความรักมาเกี่ยวข้อง แค่เซ็กซ์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชายหนุ่มต้องการแค่นี้ “เก่ง ฉันรู้ว่าเธอไม่ใช่คนโง่” เสียงทุ้มดังแทรกขึ้นในจังหวะที่พสิกากำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง ภาพในวันวานแล่นเข้าสู่สมองจนเธอต้องเบี่ยงกายหนี “คะ…คือ…ผึ้ง” “จะไปไหน” เขาคว้าข้อมือเรียวเล็กเมื่อหญิงสาวทำท่าคล้ายจะเปิดประตูลงจากรถ พสิกาปรับสีหน้าให้นิ่งเรียบแล้วหันมองเขา ก่อนย่นคิ้วเหมือนเริ่มตั้งคำถาม ใสซื่อเสียจริงนะแม่คุณ ณฟ้าคิดในใจ “งานเธอเริ่มคืนนี้” เขาเลือกเอ่ยในสิ่งที่คิดว่าเธอน่าจะเข้าใจง่ายที่สุด “ว่าไงนะคะ!” อุทานขึ้นอย่างตกใจ เธอคิดว่าเขาจะให้เวลาเธอได้เตรียมใจสักหน่อย แต่เปล่าเลย ความปรานีจากผู้ชายคนนี้มันไม่มีอยู่จริง “ค้างที่นี่กับฉัน” “…” “หวังว่าเธอคงไม่มีปัญหา” เธอปฏิเสธได้ที่ไหนกันล่ะ ตอนนี้เหมือนน้ำท่วมปาก จึงได้แต่พยักหน้ารับคำ และถือกระเป๋าใบเล็กก้าวลงจากรถเดินตามเขาไป ชายหนุ่มเร่งสาวเท้าเพื่อตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัว เพราะอาศัยอยู่บนห้องชุดชั้นบนสุดซึ่งมีราคาสูงลิ่ว จึงไม่แปลกหากมีบริการที่แตกต่างจากลูกบ้านทั่วไป พสิกาทำตัวไม่ถูกขณะที่ลิฟต์แก้วเคลื่อนสูงขึ้นช้าๆ นัยน์ตากลมโตได้แต่จ้องมองยังตัวเลขของชั้นซึ่งขยับไปเรื่อยๆ ณฟ้าไม่ได้พูดอะไรกับเธอสักประโยคเดียว เขามีเซนส์ว่าคนตัวเล็กรู้สึกกระดากอาย สงสัยเธอคงยังไม่ชิน เทพบุตรสุดหล่อจึงเลือกยืนเบียดตนเองกับผนังแก้วใสเว้นระยะห่างกับเธอพอสมควร ติ้ง! ลิฟต์เคลื่อนมาหยุดยังชั้นหกสิบเก้า ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออก คนตัวโตก็เดินนำร่างบอบบางที่อยู่ข้างหลังออกมาอย่างรวดเร็ว มือหนายกคีย์การ์ดขึ้นสแกนเพื่อเปิดประตูเข้ามายังห้องชุดสุดหรู พสิกากวาดสายตามองเพื่อซึมซับบรรยากาศของที่นี่ หรูหรา ราบเรียบ ทว่ากลับดูลึกลับสมแล้วที่เป็นเขา ทุกการตกแต่งภายในห้องชุดนี้สะท้อนความเป็นตัวตนรวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยได้อย่างชัดเจนจนไม่ต้องคาดเดา ลึกลับ น่าค้นหา ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งควรถอยห่าง ณฟ้าไม่ผิดแน่! “อยากดื่มอะไรมั้ย” ถามพร้อมกับยิ้มละมุนราวกับใจดี ทว่านัยน์ตาคมกริบนั่นก็ขยันลอบมองจนเธอประหม่า ถึงรู้จักและเคยใกล้ชิดกันมาก่อน แต่เมื่อเขามาอยู่ตรงหน้าทีไร พสิกาก็รู้สึกไม่เป็นตัวเองทุกที “ผึ้งดื่มอะไรก็ได้ค่ะ ตามใจคุณฟ้า” ยิ้มหวานตอบกลับสะกดกลั้นทุกสิ่งอย่าง “ว่าง่ายจังนะ” เขาเอ่ยชมพร้อมยกยิ้มนุ่มนวล ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตรงไปที่บาร์เพื่อหยิบแก้วคริสทัลทรงสูงขึ้นมา ขณะที่เทไวน์แดงสายตาคมไม่ผละห่างจากเธอแม้แต่วินาทีเดียว “ขอบคุณค่ะ” พสิการับมา ก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า “ไม่ดื่มเหรอ” “ผึ้งดื่มไม่เก่ง เดี๋ยวเมาแล้วคุณฟ้าจะซวยเอา” “ฉันสบายมาก ฝึกไว้เถอะจะได้ชิน” บอกพร้อมกับปรายตามองหญิงสาวเบื้องหน้า ไม่ได้อยากกดดันจนทำให้เธอประหม่า แต่อยากบอกให้เธอรู้ว่าผู้ชายคนนี้พร้อมดูแลเธอ “คือผึ้ง…” “อยู่กับฉันไม่มีอะไรต้องกลัว ลองสิเผื่อเธอจะชอบ” “ก็ได้ค่ะ” ยกยิ้มหวานสดใสก่อนยกแก้วขึ้นมาจิบช้าๆ พอเป็นพิธี แต่แล้วรสชาติไม่คุ้นชินก็ทำเอาเธอถึงกับสำลัก “แค็กๆ” พสิกาวางแก้วแทบไม่ทัน ยกมือเล็กขึ้นปิดปากพลางกวาดตามองหาทิชชูตามประสาคนซุ่มซ่าม ณฟ้าแทบกลั้นขำในความไม่ประสีประสาของคนตัวเล็กไม่อยู่ ก่อนจะเอื้อมไปหยิบสิ่งที่เธอต้องการแล้วยื่นไปให้ราวกับสามารถอ่านใจกระต่ายน้อยออก หญิงสาวรับกระดาษสีขาวเนื้อนุ่มมาอย่างไว อับอายเหลือเกินที่ทำตัวเปิ่นเลอะเทอะได้ขนาดนี้ ดีนะที่เธอไม่บ้วนใส่พรมราคาแพงของเขา “ดีขึ้นหรือยัง” ร่างสูงขยับกายเข้ามาใกล้ก่อนเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบแผ่นหลังบอบบางอย่างเห็นอกเห็นใจ “ค่ะ โอเคขึ้นแล้ว” เธอพยักหน้าตอบทั้งที่ใบหน้าหวานเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะฤทธิ์ไวน์เพียงนิดเดียวที่ดื่มเข้าไป หรือเป็นเพราะสัมผัสนุ่มนวลของเขากันแน่ จังหวะที่หันไปประสานสายตากับดวงตาสีชาเธอก็รู้สึกคล้ายกับถูกมนตร์สะกด ก่อนที่จะถูกณฟ้าดึงดูดเข้าไปในโลกของเขาอย่างง่ายดาย พสิการู้สึกตัวอีกทีเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้ามาใกล้เพียงแค่คืบ ก่อนชายหนุ่มจะโน้มประทับจุมพิตบนริมฝีปากซึ่งเปรอะเปื้อนคราบไวน์แดง สัมผัสอ่อนโยนจากลิ้นสากที่แทรกเข้ามาในโพรงปากแสนหวาน หยอกเย้าซอกซอนด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ลูกรัฐมนตรีชื่อดังตวัดลิ้นสากเกี่ยวพันลิ้นเล็กจนคนในอ้อมกอดสะดุ้ง หอบหายใจเป็นห้วงๆ มือใหญ่เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้ไปยังเรียวขาขาวซึ่งโผล่พ้นชุดเดรสสีหวานที่เธอเปลี่ยนก่อนออกมาจากเดอคิง พสิกาครางประท้วงในลำคอจังหวะที่ณฟ้าบดเบียดร่างกายแนบชิดผ่านเนื้อผ้า ความนุ่มนวลและอบอุ่นของเขาทำให้หญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกเคลิบเคลิ้มตามไปได้ไม่ยาก รู้สึกตัวอีกทีตอนที่ถูกอุ้มวางลงบนเตียงนุ่ม ชายหนุ่มโน้มตัวลงไปกักขังคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด ก่อนจูบแผ่วเบาบนเรียวปากหวานตามใจปรารถนา พสิกาประหม่าทำอะไรไม่ถูก มือเล็กไม่รู้ว่าต้องวางไว้ตรงไหนถึงจะเหมาะสม จึงใช้มันจิกกำผ้าปูที่นอนแน่นราวกับต้องการระบายความอึดอัด ณฟ้ารู้สึกได้ว่าคนตัวเล็กในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อคล้ายเกรงกลัวอะไรบางอย่าง เธอกระเถิบตัวถอยหลังจนชิดหัวเตียงเมื่อเขาไล่ต้อนให้จนมุม มือใหญ่เอื้อมประสานมือเล็กคล้ายกับต้องการปลอบประโลม หยาดเหงื่อบนฝ่านุ่มของหญิงสาวไหลรินจนเปียกชื้นทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจผละออกห่าง …ยังไงซะคืนนี้เขาก็ไม่อยากฝืนใจเธอ นัยน์ตากลมโตของเหยื่อตัวน้อยตวัดมองมาคล้ายกับเริ่มตั้งคำถามว่าทำไมเขาไม่ทำต่อ เขาหยุดทำไม ไม่พอใจอะไรในตัวเธอหรือเปล่า “หรืออยากให้ต่อ” ยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมทรุดตัวนั่งลงข้างเตียง “ก็คุณฟ้า…” “คืนนี้ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกไม่ต้องห่วง หลับให้สบายเถอะ” เขาใช้น้ำเสียงหวานซึ้ง ก่อนเอื้อมมือมาลูบเรือนผมยาวสลวยของเธอ คงติดนิสัยสินะ เห็นชอบทำแบบนี้กับพี่พิมพ์เป็นประจำ นัยน์ตาสีชาแม้จะดูอบอุ่น แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีกำแพงบางอย่างซึ่งยากเกินกว่าที่คนธรรมดาจะเข้าถึงได้ บางครั้งใจดี แต่บางทีก็เย็นชาจนรู้สึกเจ็บปวด “ฉันจะไปอาบน้ำก่อน ข้างในมันร้อนไปหมด เสร็จแล้วจะมานอนด้วย” ชายหนุ่มบอกอย่างตรงไปตรงมา ยอมรับแต่โดยดีว่ารู้สึกค้างคากับความต้องการที่ไม่ได้ปลดปล่อย “คือผึ้งขะ…” “ไม่ต้องขอโทษ ไว้โอกาสหน้าฉันค่อยคิดบัญชีจากเธอแบบทบต้นทบดอกแน่” “…” “เดี๋ยวมานะกระต่ายน้อย” ฟอด! พสิกาพยักหน้ารับคำสั่งอย่างว่าง่าย ในขณะที่เขาสูดดมความหอมจากแก้มใสแบบแรงๆ เธอยกมือสัมผัสใบหน้าที่ร้อนผ่าว ก่อนจะเลื่อนไล้ลงไปยังตำแหน่งของหัวใจ ซึ่งตอนนี้มันเริ่มเต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตมองไปยังร่างเจ้านายหนุ่มซึ่งเดินลับสายตาไปหลังประตูห้องน้ำ พสิกากัดริมฝีปากแน่น สะบัดศีรษะขับไล่ความคิดไร้สาระเพื่อดึงสติกลับคืนมา ตื่นพสิกา อย่าเพ้อฝัน แค่หนึ่งปีเท่านั้น! เธอกล่าวเตือนตนเองในใจอีกครั้งทั้งที่รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย ขยับตัวลงคว้าผ้าห่มผืนหนามาคลุมกาย คิดนู่นคิดนี่อยู่ชั่วครู่ และไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ กระต่ายน้อยเข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว ในขณะที่ราชสีห์หนุ่มซึ่งหลังจากดับความร้อนรุ่มในกายได้ก้าวตรงออกมาจากห้องน้ำ ณฟ้าปรายตาไปมองพสิกาครู่หนึ่ง หยิบรีโมตปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้สูงขึ้น เพราะรู้สึกว่าคนตัวเล็กซุกตัวเข้าหาผ้าห่มมากยิ่งขึ้น สงสัยคงจะหนาว หรือเธอไม่คุ้นชินกับที่นี่ ชายหนุ่มเดินไปปิดไฟทุกดวงจนหมด เหลือเพียงไฟหรี่ที่หัวเตียง ณฟ้าเอนตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียง ทว่ากลับไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้เลย เสียงลมหายใจเข้าออกของพสิกายังคงรบกวนเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่เขาจะทำอะไรได้ ก็เลือกเป็นสุภาพบุรุษเองทั้งที่ตัวตนที่แท้จริงไม่ต่างอะไรกับซาตาน แม้ทำดีกับเธอแต่ก็ใช่ว่าเขาจะเริ่มรู้สึกอะไรด้วย แค่เซ็กซ์ไม่มีอะไรผูกมัด แต่เพราะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน อย่างน้อยควรเรียนรู้ว่าแต่ละคนชอบหรือไม่ชอบอะไร คนอย่างเขาไม่เคยเอาเปรียบคู่นอน ถ้ามีความสุขก็ต้องสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย เอาเถอะ…ยังมีเวลาอีกเยอะที่จะทำความรู้จักผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงคนแรกที่เผลอให้ความบริสุทธิ์กับเขามาโดยไม่ได้ตั้งใจ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม