บทที่สอง

2631 คำ
@Let event พสิกาก้าวลงมาจากรถแท็กซี่แล้วมุ่งตรงไปยังหน้าบริษัท ค่ำคืนที่ผ่านมาระหว่างเธอและณฟ้าไม่มีอะไรอย่างที่นึกหวาดกลัวเกิดขึ้น ลืมตารับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกใหม่ระหว่างกัน แม้เขาจะใจดีมากแค่ไหน หากในช่วงพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าก็ยังเหลือกระแสความเย็นชาอยู่ดี ‘เจอกันที่ทำงานนะ’ เธอพยักหน้าหลังได้ยินคำพูดจากริมฝีปากหนา รู้ได้ในทันทีว่าชายหนุ่มหมายความว่าให้ต่างคนต่างแยกย้ายตามเงื่อนไขทุกอย่างที่ต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ ในอนาคตพสิกาอาจต้องย้ายเข้าไปอยู่คอนโดเดียวกันกับณฟ้า ชายหนุ่มเสนอให้เธอพักที่นั่นในจันทร์ถึงศุกร์ ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ลูกหนี้จำเป็นมีสิทธิ์กลับไปเยี่ยมบ้านเพื่อคลายความคิดถึง จึงเท่ากับว่าเงินก้อนโตที่เขาจ่ายไป แลกกับการบริการความสุขทางกายแบบลับๆ สำหรับคนอื่นอาจคิดว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แต่ในแง่ของความรู้สึกมันไม่เป็นเช่นนั้น เอาตัวเข้าไปใกล้เขาไม่ต่างอะไรกับการผลักหัวใจตนเองลงในกองเพลิงที่มีแต่จะถูกเพลิงเผาไหม้ พสิกาเดินผ่านประตูกระจกซึ่งเลื่อนออกโดยอัตโนมัติ หญิงสาวเดินเลี่ยงไปทางบันไดอย่างที่ชอบทำเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย เวลานี้ในบริษัทพนักงานค่อนข้างพลุกพล่าน ต้องเบียดเสียดกันเข้าลิฟต์เพื่อเข้างานให้ตรงเวลา คนรักความสงบอย่างเธอจึงขอเลือกเส้นทางที่สามารถหลบหลีกความวุ่นวายดีกว่า “อ้าว ทำไมวันนี้มาสาย” เป็นเสียงร้องทักจาก ‘อคิน’ หรือ ‘พี่คิน’ หนุ่มหล่อฝ่ายครีเอทีฟ ใบหน้าขาวนวลแย้มยิ้มสดใสเป็นมิตร พสิกาจึงฉีกยิ้มกว้างตอบกลับเขาไปตามประสาคนอัธยาศัยดี “พอดีรถติดน่ะค่ะ” หญิงสาวโกหกคำโตอย่างแนบเนียน ความจริงเป็นเพราะค้างคืนอยู่กับณฟ้าจนเช้าวันถัดมาต้องเร่งรีบทำเวลาเพื่อกลับไปแต่งกายที่บ้านซึ่งอยู่คนละแวกกับคอนโดหรูใจกลางเมือง “เหรอ มิน่าล่ะเหงื่อตกเชียว” “แหะๆ พอดีผึ้งเดินขึ้นบันไดมา ไม่อยากเบียดกับคนอื่นเขา” “แล้วกินอะไรมาหรือยัง” คนใจดีเอ่ยถามพร้อมยื่นถุงพลาสติกให้รุ่นน้องสาว พสิกามองสบตาเขาเพียงชั่วครู่ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธ “อะ…เอ่อ” “ไม่ต้องเกรงใจ พี่ซื้อมาเยอะ ขนมปังสังขยากับน้ำเต้าหู้ เราคงไม่ถือเรื่องน้ำหนักใช่ไหม” รุ่นพี่หนุ่มแกล้งหยอกเย้าเพราะต้องการให้คนตรงหน้าผ่อนคลาย พสิกาเป็นน้องเล็ก การที่เธอจะรู้สึกเกรงใจรุ่นพี่จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร “ไม่ค่ะ ผึ้งกินได้ อาหารเช้าสำคัญที่สุดไม่ใช่เหรอคะ” เธอรับอาหารในมือเขามา ก่อนบอกเพื่อให้เขารู้สึกดี จากประกายบางอย่างในดวงตาคมเข้ม เธอรับรู้ได้ว่าเขากำลังเสียความมั่นใจ “นั่นสิ เราตัวเล็กแค่นี้เองต้องกินเยอะๆ” อคินว่าพลางเอื้อมมือไปขยี้ผมสีน้ำตาลพร้อมยิ้มหวานจับใจ ทว่าการกระทำดังกล่าวทำให้พสิกาอึดอัดจนต้องผละกายออกห่าง เพราะกลัวว่าถ้ามีใครเข้ามาเห็นจะเข้าใจผิดแล้วนำไปพูดต่อ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นจริงๆ มันคงจะดูไม่ดีทั้งกับตัวเขารวมถึงเธอด้วย “แหม สวีตกันแต่เช้าเชียวนะ” ทว่าไม่ทันเสียแล้ว จังหวะนรกเกิดขึ้นฉับพลัน เมื่อ ‘ปาริน’ หรือ ‘พี่ปลา’ จากแผนกพีอาร์เดินมาเห็นเข้าพอดี จึงทักขึ้นเสียงดังจนคนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ พสิกาเริ่มหน้าซีดคล้ายกับทำความผิดอะไรบางอย่าง แม้ความจริงแล้วจะไม่มีอะไรเกินเลยก็ตาม “พี่คินเขาซื้อมาฝากทุกคนค่ะ พี่ปลาเอามั้ยคะ” คนอัธยาศัยดีถือโอกาสชวนรุ่นพี่สาวรับประทานด้วยกัน “ไม่ดีกว่า พี่กลัวคินจะนอยด์แย่ อุตส่าห์ซื้อมาจีบสาวทั้งทีอะเนอะ” คลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับรู้ทัน สายตาหวานฉ่ำเหลือบมองอคินเหมือนกับเก็บซ่อนอะไรไว้บางอย่าง “ไม่จริงหรอกค่ะ ใช่มั้ยคะพี่คิน” พสิกาถามเสียงใสทว่าไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบ “อืม อยากกินก็กินสิ” อคินตอบกลับเพียงเท่านั้น ก่อนเริ่มระบายลมหายใจคล้ายกับเบื่อหน่ายท่าทีจุ้นจ้านของผู้หญิงอีกคน ปารินไม่รู้หรือไงว่าเขากำลังทำคะแนนจีบน้องเล็กอยู่ “พี่ไม่เอาหรอก แค่ล้อเล่น เราเก็บไว้เถอะเดี๋ยวคินเขาจะเสียใจแย่” “แต่ผึ้งว่า…” “คินอุตส่าห์ซื้อมาจีบ เอ๊ย ซื้อมาฝากก็รับไว้เถอะ” “ว่างมากเหรอ” ยังไม่ทันที่ทั้งสามจะสนทนาอะไรมากกว่านั้น เสียงเข้มแสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน พสิกาหันไปมองร่างสูงในเครื่องแต่งกายสีกรมซึ่งเธอเป็นคนเตรียมให้ก่อนออกมา ลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีอะไรบางอย่าง เพราะนัยน์ตา สีชาคู่นี้กำลังประกาศกร้าวความไม่พอใจให้เธอรับรู้ “สวัสดีค่ะคุณฟ้า” ปารินเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ หล่อนยกมือไหว้เจ้านายหนุ่ม ก่อนแย้มยิ้มสวยตามประสาสาวสวยทรงเสน่ห์ “มายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ มีธุระอะไรกับเลขาผม” พสิกาแทบอยากหายตัวไปจากสถานการณ์ตรงหน้า แต่ก็รู้ดีว่าทำไม่ได้ ตั้งแต่พิมพ์พลอยเดินทางไปมาระหว่างเชียงใหม่และกรุงเทพฯ เธอก็ดำรงตำแหน่งเลขานุการของผู้ชายคนนี้ไปโดยปริยาย น่าจะเกือบหกเดือนแล้วกับหน้าที่นี้ แม้ท่าทางภายนอกของณฟ้าจะดูน่าหวั่นเกรง แต่พสิการู้ดีว่าเนื้อแท้แล้วเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร คุณฟ้าแค่ต้องรักษามาดเจ้านายผู้เข้มขรึม! “พอดีผมซื้อของกินมาฝากน้องผึ้งครับ” อคินพึมพำตอบกลับ เพราะเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กับสายตาคมราวกับใบมีดโกนนั่นที่ไล่มองเขาตั้งแต่หัวจดเท้า มันทำให้เขาร้อนวูบวาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “งั้นฝากเสร็จแล้วหรือยัง” “ครับ เรียบร้อยแล้วครับ” ลูกน้องหนุ่มบอกเสียงแผ่วเบา เหงื่อแตกไปหมด “งั้นรออะไรอยู่ทำไมไม่ไปทำงาน” “ครับ ขอตัวก่อนครับ พี่ไปก่อนนะผึ้งไว้คุยกันใหม่” อคินเอ่ยตะกุกตะกักจนณฟ้าจับพิรุธคนคิดไม่ซื่อได้ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ทิ้งลายเสือ เพราะหันไปกล่าวถ้อยคำไพเราะกับเลขาของเขาจนณฟ้ารำคาญ ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกหงุดหงิดในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กำลังทำอยู่ เพราะมันไม่เหมาะสม ชายหญิงมีความสัมพันธ์กันในที่ทำงานไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไร ในใจมันตะโกนบอกแบบนั้น “งั้นปลาขอตัวเหมือนกันนะคะบอส” ปารินได้จังหวะก็ปลีกตัวออกจากวงสนทนาเช่นกัน แต่ก่อนไปไม่วายหันไปมองพสิกาแวบหนึ่ง แล้วก็เดินนวยนาดจากไป “ตามเข้ามาในห้อง” “ค่ะ” พสิการับคำ ก่อนเดินตามหลังเจ้านายหนุ่มเข้าไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ห้องกว้างนี้เธอเคยเข้ามาอยู่บ่อยครั้ง มาเสิร์ฟกาแฟบ้างละ ให้เขาเซ็นเอกสารบ้างละ ทว่าครั้งนี้ความรู้สึกบางอย่างบอกว่ามันไม่เหมือนเคย ก้อนเนื้อในอกเต้นกระหน่ำจนรู้สึกประหม่าแทบทรงตัวไม่อยู่ ทันทีที่พสิกานั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้าม นัยน์ตาสีชาคมกริบก็มองตรงมาด้วยสายตาคล้ายผู้ใหญ่กำลังดุเด็กที่ทำความผิด นั่นทำให้เลขาสาวไม่คุ้นเคย “ฉันว่าเราต้องคุยกันหน่อย” “คะ คุณฟ้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอกะพริบตาถี่ๆ พยายามเบี่ยงหน้าหนีสายตาคมเข้มคู่นั้น แต่เหมือนจะเปล่าประโยชน์ เมื่อณฟ้าลุกขึ้นยืนเท้ามือลงบนโต๊ะและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอ “คุณฟ้า!” “ก็เธอหลบตา” ตอบกลับคล้ายไม่แยแส มือใหญ่ตัดสินใจคว้าคางมนของคนตัวเล็กแล้วเชยขึ้น “อย่าหลบตาฉัน อย่าทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเธอกำลังทำอะไรผิดอยู่” เปล่งวาจาชัดถ้อยชัดคำในทุกสิ่งที่ต้องการจะสื่อสารให้คนตรงหน้าได้รับรู้ “ค่ะ ผึ้งรู้แล้ว” “เธอเป็นเด็กของฉันนะผึ้ง รู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง” เขาย้ำสถานะนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาหญิงสาวคอแห้งผากไปหมด มือเกร็งแน่นจนจิกเล็บเข้าเนื้อ เพราะไม่รู้จะระบายความรู้สึกตื่นตระหนกเหล่านี้ลงที่ใด “แต่ผึ้งไม่ได้…” “อย่าให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธออีก” เสียงทุ้มดังอยู่ใกล้จนลมหายใจรินรดกัน ยิ่งสัมผัสใกล้ชิดณฟ้า มือบางก็ยิ่งกำแน่นจนเปียกชื้นไปหมด “…” “ฉันไม่ใช่คนใจเย็น ถ้าเผลอโมโหเมื่อไหร่ กลัวว่าจะทำตัวไม่น่ารักกับเธอ” จังหวะที่พสิกากำลังจะถอยห่าง ณฟ้ากลับทำในสิ่งที่หญิงสาวคาดไม่ถึง เขาคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนฉวยโอกาสกดริมฝีปากลงไปยังริมฝีปากแสนหวานที่รู้สึกว่าตนเองเป็นเจ้าของ เจ้านายหนุ่มขบเม้มเรียวปากของเลขาสาวอยู่ครู่หนึ่ง เขาละเลียดชิมความหวานตามใจปรารถนา “ลืมไปว่าวันนี้ยังไม่ได้มอร์นิงคิสเธอเลย” เขาเอ่ย ก่อนผละกายออกทันทีเมื่อรู้สึกพอใจ และทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใหญ่ “คุณฟ้า…” พสิกาหน้าร้อนวูบ อยากร้องถามว่าเขาทำแบบนี้กับเธอได้อย่างไร ผู้ชายเจ้าระเบียบคนนั้นหายไป ตอนนี้เหลือเพียงราชสีห์ร้ายผู้แสนเจ้าเล่ห์ “ไปเอากาแฟมาเสิร์ฟฉันได้แล้ว” เขาออกคำสั่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ “เพราะถ้าปากฉันว่างนานๆ เธอคงไม่ยินดีแน่ๆ” “คะ…ค่ะ” พสิกาหน้าแดงซ่านผุดลุกขึ้นทันใด กระต่ายน้อยตื่นตัวเมื่อรับรู้ถึงอันตรายจากราชสีห์หนุ่ม หญิงสาวพยายามก้าวเร็วๆ เพื่อออกไปให้พ้นสายตาเขา ทว่าพสิกาคงจะไม่รู้ว่า เบื้องหลังนั้นณฟ้ากำลังนั่งยิ้มด้วยความพอใจอยู่ …ใช่ เขากำลังยิ้มเพราะใบหน้าแดงระเรื่อราวกับลูกเชอร์รีสุก รวมทั้งท่าทีซึ่งแสดงออกราวกับเขินอายนั่นมันน่าแกล้งเสียจริงเด็กน้อย ติ๊ด! ติ๊ด! แต่ก่อนที่ณฟ้าจะได้คิดอะไรไปไกลกว่านั้น เสียงจากเครื่องมือสื่อสารซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน ร่างสูงหันไปมองและหยิบมันขึ้นมา เมื่อเห็นว่าหน้าจอปรากฏชื่อ ‘คุณนาย’ ก็กดรับสายอย่างไม่รีบร้อน [ทำไมเมื่อคืนไม่กลับมานอนบ้าน ติดคอนโดอีกแล้วนะฟ้า] เสียงแผดดังกระแทกเข้าแก้วหูอย่างจัง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คือคุณ ‘อรนภา’ มารดาผู้เป็นที่รัก หญิงสาวหนึ่งเดียวที่มีสิทธิ์เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตลูกชายรัฐมนตรี [ผมเลิกงานดึกครับแม่] เขารู้แหละว่ามารดาห่วงเรื่องอะไร จึงเลือกยกข้ออ้างแสนโง่เขลา อรนภาไม่ได้ซื่อจนไม่รู้ว่าสาเหตุที่ลูกชายตัวดีไม่กลับบ้านอยู่บ่อยครั้งเป็นเพราะอะไร สำหรับวัยหนุ่มซึ่งกำลังร้อนแรงก็มีอยู่เรื่องเดียวนั่นแหละ [แม่เหนื่อยมาก เมื่อไหร่ฟ้าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้นเสียที วันก่อนที่แม่ให้เราไปดูตัวเราก็ไม่ไป] ท่านถอนหายใจคล้ายระอา บ่งบอกว่าทุกคำที่เปล่งออกมาคือความรู้สึกจากส่วนลึกภายในใจ มารดาไม่ชอบผู้หญิงกลางคืน ท่านมีปมฝังใจเรื่องบิดาของเขา ‘ท่านนพเกล้า’ รัฐมนตรีชื่อดังที่ภาพลักษณ์ภายนอกดูอบอุ่นและรักครอบครัว หากแท้จริงแล้วผู้ชายที่ใครต่อใครหลงคิดว่าเป็นแฟมิลี่แมนนั้นกลับมีหญิงอื่นข้างกายมิได้ขาด ถ้าถามว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ณฟ้าก็จำไม่ได้ เพราะตั้งแต่เด็กภาพที่ติดตานั่นคือมารดานั่งร้องไห้รอบิดาเขากลับบ้านอยู่ทุกวัน แต่ดีหน่อยที่บิดาไม่ได้มีใครเป็นตัวเป็นตนจนทำให้มารดาต้องชอกช้ำใจไปมากกว่านี้ บิดาเขาชอบซื้อกิน แลกเปลี่ยนความพึงพอใจทางกายด้วยตัวเงินมากกว่า ท่านมีรสนิยมชอบหลับนอนกับหญิงสาวรุ่นลูกที่สุดตามคำบอกเล่าของมารดา [ก็ผม…] [ครั้งนี้ฟ้าต้องไป หนูแพนลูกสาวเพื่อนแม่เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก แม่รับรองว่าฟ้าจะต้องถูกใจ] [คุณแม่ก็รู้ผมไม่คิดจะรักใครอีก] เขาพูดออกไปเพื่อตัดความหวังอันริบหรี่ของมารดาอย่างเฉียบขาด เขาอยากให้ท่านยอมรับเสียทีว่าหัวใจดวงนี้มันด้านชาไปนานแล้ว …ตั้งแต่เจ้าของของมันเดินจากไป เธอหันไปรักผู้ชายคนอื่น [ไปเถอะฟ้า หนูแพนน่ารักจริงๆ เธอเหมือนหนูพิมพ์มาก ฟ้าเชื่อแม่นะ] [ผมไม่ใช่คนที่รักใครได้ง่ายๆ นะครับแม่ แค่เหมือนพิมพ์ใช่ว่าผมจะรักได้] [ไม่จริง! ก็ที่ฟ้าไม่ยอมเปิดใจให้ใครไม่ใช่เพราะหนูพิมพ์เหรอ อย่าคิดว่าแม่โง่นะ] อรนภาเอ่ยแทรกขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะในลำคอราวกับว่ารู้ทันทุกความคิดของลูกชายอย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งที่ท่านกล่าวไม่ผิดไปจากความจริงเลยสักนิด เขาไม่คิดรักใคร ต่อให้เหมือนพิมพ์พลอยแค่ไหนก็ไม่คิดจะรัก เพราะ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ไม่ใช่เธอ! […] [ไปเถอะนะแม่ขอ เราอย่าพูดยาก อย่าทำให้แม่ปวดหัวเหมือนยายน้ำกับพ่อเราเลย] อรนภาเลือกใช้ไม้นี้เพราะรู้ดีว่าณฟ้าต้องใจอ่อนเฉกเช่นทุกครั้ง ‘ผืนน้ำ’ หรือยายน้ำที่ท่านพูดถึงคือพี่สาวเพียงคนเดียวของเขา ตอนนี้หล่อนย้ายออกจากคฤหาสน์พันล้านไปเปิดร้านอาหารอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นั่นคือ ‘ร้านเสมอดาว’ ร้านอาหารโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนผสมผสานกับความเป็นไทยตามแบบฉบับนักเรียนนอก การที่ผืนน้ำเลือกทำตามความฝันแทนที่จะก้าวเข้ามาดูแลธุรกิจของครอบครัวอย่าง ‘โรงแรมม่านมาลา’ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจการของมารดานั่นยิ่งทำให้ท่านขัดใจ อรนภาส่งลูกสาวคนเดียวไปเรียนต่อด้านการโรงแรมที่สถาบันชื่อดังในประเทศอเมริกา ทว่าผืนน้ำกลับชื่นชอบการทำอาหารมากกว่า หล่อนเรียนทนเรียนการโรงแรมอยู่ไม่ถึงปีก็แอบทำเรื่องย้ายสาขาโดยไม่ให้มารดารู้ หลังจากผืนน้ำจบการศึกษา อรนภาที่ได้รับรู้ความจริงก็แทบลมจับ บอกตามตรงว่ารับไม่ได้ ความหวังทั้งหมดเหมือนพังทลายสูญหายไปต่อหน้าต่อตา ดังนั้นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างณฟ้าจึงเป็นเพียงที่พึ่งเดียวของผู้เป็นแม่ เขาสัญญาว่าอีกสองปีจะเข้าไปดูแลกิจการทั้งหมดตามที่ท่านต้องการ เพราะบริษัทของตนเองเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว [ก็ได้ครับ] [ดีมากลูกรัก เดี๋ยวแม่ส่งโลเคชันพร้อมเบอร์น้องแพนให้ฟ้าทางไลน์นะ] มารดาตัดสายทันทีหลังจากได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ท่านมักเป็นเช่นนี้ประจำ หากก็ไม่ได้ทำให้ณฟ้าเบื่อหน่ายมารดาแม้แต่นิดเดียว เขาเข้าใจความหวังดีของท่าน แต่จะรับมันหรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง …แค่ทำตามความต้องการของผู้ใหญ่ ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนใจดีอย่างณฟ้าจะต้องปฏิเสธ เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อความสบายใจของมารดา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม