บทที่หก

2642 คำ
@De Angle club ผับหรูกึ่งเลาจน์เป็นสถานที่นัดหมายเพื่อจะคุยงานกับลูกค้าในวันนี้ ณฟ้าสนิทสนมกับเจ้าของอย่าง ‘เทวา’ มานานพอสมควร ตั้งแต่เกิดเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับพิมพ์พลอย เขามักมาดื่มที่นี่เพื่อเยียวยาหัวใจอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเทวาก็เป็นเพื่อนสนิทของ ‘นาวิน’ เจ้าของหัวใจหญิงสาวซึ่งลูกรัฐมนตรีแอบรักมาเนิ่นนาน “ขอบใจมึงมาก” ณฟ้าหันไปยกยิ้มเย็นราวกับไม่ได้ใส่ใจ ขยับกายนั่งลงยังโซฟาหนังสีดำซึ่งแบ่งแยกออกจากโซนทั่วไปพอสมควร วันนี้เทวาจัดห้องแบบวีไอพีที่เรียกได้ว่าค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว ซึ่งสะดวกต่อการเจรจาธุรกิจเป็นที่สุด “ไม่คิดว่ามึงจะหนีบสาวสวยมาในที่แบบนี้ด้วย” เจ้าของนัยน์ตาแพรวพราวฉบับคนเจ้าชู้พูดเย้าแบบทีเล่นทีจริง เจ้าพ่อหนุ่มระบายยิ้มกว้างเป็นมิตรให้กับพสิกา “ผมเทวานะครับ” “พสิกาค่ะ เลขาของคุณฟ้า” หญิงสาวพูดจาฉะฉานไม่ได้แสดงพิรุธอะไร ทว่าเพียงแค่อึดใจเดียวคิ้วเรียวสวยซึ่งพาดขนานดวงตาสีชากลับต้องขมวดเป็นปมเพราะข้องใจในท่าทีของเพื่อนสนิท ร้อนรุ่มแปลกๆ เมื่อเห็นไอ้เพื่อนรักผูกมิตรกับเธอเพื่อเย้าแหย่เขา พสิกาหรี่ตาลอบมองณฟ้าซึ่งยืนอยู่เคียงข้าง ก็ไม่ได้ปรากฏร่องรอยไม่พอใจอะไรบนใบหน้าเขา ชายหนุ่มแค่กระแอมในลำคอคล้ายตักเตือนเสียมากกว่า “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” คนช่างแกล้งยังคงไม่หยุด “ค่ะ เช่นกันค่ะ” พสิกากลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ หญิงสาวเริ่มรับรู้ถึงสงครามประสาทระหว่างสองหนุ่ม “ถ้าไอ้ฟ้าเลี้ยงคุณไม่ดีมาทำงานกับผมได้นะครับ” เทวาเอ่ยขึ้นคล้ายกับไม่มีอะไร ทั้งที่จริงแล้วใส่ใจแหละ “…” “ที่นี่ยินดีต้อนรับมาก” …การได้เห็นเสือหนุ่มหลุดมาดขรึมได้ นั่นแหละคือความต้องการของเขา “พอดีผึ้ง…” “ผู้หญิงสวยแบบคุณเหมาะกับแองเจิ้ลคลับมาก” “ไอ้วา” ณฟ้าเริ่มอยู่เฉยไม่ได้ ในเมื่อพสิกาไม่ได้ปฏิเสธอะไร ซ้ำหญิงสาวยังยิ้มกว้างพึงพอใจ แต่ณฟ้าเกลียดรอยยิ้มสดใสนั่นที่สุด …เกลียดเพราะมันชอบตกผู้ชายคนอื่นไง และดูเหมือนยายซื่อนี่จะไม่รู้ตัว “ว่า?” เทวาอยากหัวเราะลั่น เพื่อนเขามันเก็บอาการไว้ไม่ไหวแล้ว ก็พ่อคุณเล่นหวงเลขาเสียขนาดนี้ “มึงเห็นตีนกูมั้ย” เสียงขรึมโพล่งขึ้นมาราวกับคนใจร้อน ทั้งที่ปกติแล้วเขาเก็บอารมณ์เก่งจะตาย อะไรที่ไม่สำคัญณฟ้ามักจะมองผ่านเสมอ “หรือให้กูโทรหาพี่น้ำดี” เพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือคนสำคัญของเทวา ทันทีที่เอ่ยชื่อ ‘ผืนน้ำ’ ขึ้นมา เจ้าพ่อหนุ่มก็หุบปากฉับราวกับมีสก๊อตช์เทปมาปิดเอาไว้ “ใครวะไม่เห็นรู้จัก” “เก่งให้มันตลอด” ณฟ้าหัวเราะในลำคอ ใจละอยากให้ไอ้เพื่อนตัวดีเห็นใบหน้าหล่อเหลาของตัวเองตอนนี้จริงเชียว จากเริงร่าเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมราวกับเป็นคนละคนในพริบตา “พอ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณผึ้ง ส่วนมึง…” แกล้งเว้นระยะคำพูดยียวนกวนประสาท “ดูแลเลขาสุดที่รักดีๆ ล่ะ” แล้วเจ้าของสถานที่ก็ไม่รอให้ณฟ้าด่าสวนขึ้นมาอีกรอบ เทวาก็เคลื่อนกายออกห่างทั้งสองคนทันที พสิกาแอบหลุดขำกับท่าทีของคนทั้งคู่ ทว่าการกระทำของเธอคล้ายกับจะนำพาความไม่พอใจให้กับคนข้างกาย “ยิ้มอะไร ชอบคนตลกเหรอ” ณฟ้าคว้าแขนเรียวยาวดึงให้นั่งเคียงกันบนโซฟาราวกับคนพาล “ใครก็ชอบมั้ยคะคนอารมณ์ดี” พสิกาตอบเสียงใสราวกับไม่คิดอะไรในคำพูดนั้น คนไม่รู้ตัวว่าถูกหมายหัวยังคงมองบรรยากาศรอบๆ ต่อไปโดยไม่เอะใจเลยสักนิดว่า… …เธอกระตุกต่อมอะไรบางอย่างของเจ้านายหนุ่มเสียแล้ว “หมายถึงชอบไอ้วา” “เปล่าค่ะ แค่จะบอกว่าคนอารมณ์ดีแบบคุณวาใครก็อยากคุยด้วย” “สนิทกับมันแล้วเหรอถึงกล้าเรียกคุณวา” ตำหนิอย่างไม่จริงจัง ทว่าในใจนั้นไม่พอใจสรรพนามที่หญิงสาวใช้ ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงรู้สึกขัดใจไปเสียหมด ตั้งแต่ตอนก่อนออกมาที่นี่ นัยน์ตาคมกริบไล่มองพสิกาตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับเครื่องสแกน มองแล้วก็คันยุบยิบในหัวใจพอสมควร ก็วันนี้คนตัวเล็กเลือกใส่ชุดเดรสซึ่งมีสายคล้องคอสีชมพูเส้นเล็กนิดเดียว พสิกาเลือกอวดแผ่นหลังนวลผ่องอันประจักษ์แก่สายตาทุกคน… ‘หาเสื้อคลุมใส่ทับซะ’ สั่งเสียงทุ้ม ก่อนเดินฉับๆ ไปเปิดตู้สีครีมซึ่งทั้งคู่ใช้ร่วมกันตั้งแต่พสิกาย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดแห่งนี้ ‘แต่ผึ้งว่าชุดนี้ก็ได้แล้วนะ ไม่ได้โป๊อะไรสักหน่อย’ หญิงสาวส่องกระจกพร้อมหมุนตัวมองดูตัวเองรอบๆ ราวกับไล่สำรวจอย่างไม่มั่นใจ หรือมันไม่ถูกกาลเทศะนะ เขาถึงไม่พอใจขนาดต้องเลือกให้เธอด้วยตัวเอง ‘เธอดื้อกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่’ ‘ก็ผึ้ง…’ ‘ไม่อยากเป็นเด็กดีของฉันแล้วเหรอ’ เลขาสาวต้องหุบปากฉับพลันเมื่อร่างสูงเริ่มไล่ต้อน ทาบแขนกักขังคนตัวเล็กกับตู้ไม้ชั้นดี ใบหน้าหล่อเหลาเริ่มเคลื่อนเข้าใกล้พร้อมสัมผัสวาบหวิวอีกครั้ง… ‘ก็ได้ค่ะ’ สุดท้ายแล้วเลขาคนสวยก็ทำตามอย่างว่าง่าย ไม่มีแม้แต่เสี้ยวเสียงจะเอ่ยปากปฏิเสธ “เรียกว่าคุณวาก็ถูกแล้วนี่ค่ะ จะให้เรียกชื่อจริงเต็มยศ ผึ้งว่ามันแอบแปลกไปนิดนึง” อธิบายความคิดตนเองด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วจนณฟ้าเผลอมอง ค้นหาคำตอบไม่ได้เหมือนกับว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมีเสน่ห์ เธอทำให้เขาสนใจราวกับไม่รู้จักเบื่อหน่าย ชายหนุ่มไม่ได้ซักไซ้อะไรพสิกาต่อ เลือกเก็บซ่อนความไม่พอใจเล็กน้อยของตนเองเอาไว้ เพราะไม่อยากดูเป็นคนไร้สาระในสายตาของผู้หญิงคนนี้ “คุณฟ้าหิวหรือยังคะ ผึ้งสั่งอะไรมาให้กินดีมั้ยคะ” หญิงสาวยิ้มหวาน ก่อนเริ่มหยิบเมนูขึ้นมาอ่าน “สั่งอะไรดีนะ” พึมพำกับตนเอง ผมยาวสลวยปิดบังใบหน้าหวานจนคนใจดีต้องเอื้อมมือจับไปทัดหูให้ …ใช่ ณฟ้าอยากมองผู้หญิงคนนี้ชัดๆ มันทั้งเพลินตาและเพลินใจ “จริงๆ ฉันก็หิวนะ” “คะ? งั้นคุณฟ้าอยากกินอะไร” คนเสียงเล็กถามพาซื่อ ซ้ำมือบางยังมีน้ำใจยื่นเมนูอาหารให้กับคนตรงหน้า “ไม่อยากกินอาหารพวกนั้น แต่อยาก…” ยกยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมนัยน์ตาระยิบระยับ “กินคนนี้” ขยับกายเข้าไปใกล้พร้อมกระซิบข้างใบหูเล็กด้วยลมหายใจอันร้อนผ่าว พสิกาประหม่าหน้าแดงซ่านขึ้นฉับพลัน มือบางกำเมนูอาหารแน่น ใจเริ่มสั่นไหวคล้ายทำอะไรไม่ถูก “คืนนี้ฉันกินเธอได้มั้ย” “เคยปฏิเสธได้ด้วยเหรอคะ” “นั่นสิเนอะ” ยกยิ้มร้ายกาจ ก่อนตวัดแขนโอบเอวคอดกิ่วแล้วดึงหญิงสาวเข้าหาตัว “ลูกค้ามาแล้วค่ะ” พสิกาแทบเด้งหนีณฟ้าทันใด เมื่อมองเห็นมิสเตอร์ลีซึ่งแจกจ่ายรอยยิ้มหวานจนเห็นฟันขาวมาตั้งแต่หน้าประตู เขาเป็นหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบกว่า เป็นนักลงทุนเกี่ยวกับเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังทั้งในไทยและต่างประเทศ หลายเดือนที่ผ่านมาเลขาของมิสเตอร์ลีได้ติดต่องานผ่านเธออยู่ตลอด พสิกายกมือไหว้ทั้งคู่ราวกับคุ้นเคยกันมาเนิ่นนานทั้งที่เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก “สวัสดีค่ะมิสเตอร์ลี สวัสดีค่ะคุณนที” น่าแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เลขานุการของนักธุรกิจซึ่งดูแพรวพราวและเจ้าชู้นั้นกลับเป็นผู้ชายร่างกำยำ ทว่าข้อมูลซึ่งได้รับมาจากนงนุชกลับช่วยให้เธอเข้าใจอะไรง่ายดายยิ่งขึ้น พี่สาวคนสนิทบอกว่านักธุรกิจหนุ่มคนนี้มีภรรยาขี้หึง หล่อนไม่ยอมให้สามีจ้างผู้หญิงมาทำงานใกล้ชิดเด็ดขาด เมื่อได้มาพบกันวันนี้ ก็เห็นจะเป็นอย่างที่เขาลือกันจริงๆ เพราะมิสเตอร์ลีขยันส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยให้เธออย่างไม่ปิดบังความปรารถนาในจิตใจแม้แต่น้อย “ยินดีที่ได้พบคุณทั้งคู่นะครับ” นทีโพล่งขึ้นมาขัดจังหวะ คล้ายกับอ่านความคิดผู้ชายที่นั่งตรงข้ามออก ใบหน้าหล่อเหลาแม้ปรากฏรอยยิ้มเป็นมิตร หากแอบกัดกรามแน่นราวกับไม่พอใจอะไรบางอย่าง ซึ่งนทีรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร! “นี่มิสเตอร์ลีเจ้านายของผมครับ คุณคงรู้จักแล้ว ส่วนนี่คือคุณณฟ้า ประธานบริษัทเลทอีเวนต์ และคุณผึ้งเลขาของคุณณฟ้าครับ” นทีผ่ายมือแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ มิสเตอร์ลียิ้มให้กับเจ้าของบริษัทออร์กาไนเซอร์ชื่อดัง หากเพียงไม่นานก็เคลื่อนสายตาไปมองอีกคนหนึ่ง “ยินดีที่ได้ร่วมงานนะครับ” ณฟ้ายื่นมือไปตรงหน้า ราวกับต้องการขัดขวางยามหนุ่มใหญ่พยายามขยับกายเข้ามาชิดใกล้เลขาคนสวยซึ่งยืนอยู่ข้างเขา แม้จะมีโต๊ะกลมๆ ขวางกั้นไว้ แต่เขาก็รู้สึกไม่พอใจอยู่ดี “นั่งเถอะๆ” มิสเตอร์ลีพูดจาโผงผางตามประสาคนอารมณ์ร้อน แตกต่างจากใครอีกคนซึ่งปั้นหน้านิ่งเรียบทั้งที่แท้จริงแล้วในใจระอุไม่ต่างกัน “ผึ้งสั่งอาหารมาเรียบร้อยแล้วนะคะคุณนที ไม่แน่ใจว่าจะถูกปากมิสเตอร์ลีมั้ย” พสิกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไพเราะ เพราะต้องการให้บรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้คลายตัวลง เธอแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอยามเผลอหันไปสบตาเจ้านายหนุ่ม “จริงๆ ผมกินง่ายนะครับคุณผึ้ง ขอแค่ไม่เผ็ดก็พอ” “ค่ะ มีไก่ผัดเม็ดมะม่วง แซมอนซาซิมิ และยำทะเล ผึ้งย้ำทางครัวให้แล้วว่าคุณไม่กินเผ็ด” “คุณผึ้งนี่น่ารักนะครับรู้จักเอาใจลูกค้า” กล่าวชื่นชมอย่างเปิดเผย ซ้ำคนมือปลาหมึกยังเลื่อนมาคว้ามือเรียวเล็กซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะ “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” “ผมว่าเรามาเริ่มคุยเรื่องงานกันดีมั้ยครับ” “คุณณฟ้ารีบเหรอครับ” ณฟ้าแทบข่มความไม่พอใจเอาไว้ไม่มิด ถ้าไม่ติดว่าเป็นลูกค้า เขาอยากจะลุกเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้วถามว่า...ดูไม่ออกหรือไง ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของเขา! “ครับผมรีบ” ตอบกลับเสียงเย็นชา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องไว้หน้าคนนิสัยแบบนี้เท่าไร “ถ้ารีบก็กลับไปก่อนได้นะ ยังไงคุณผึ้งก็ต้องเป็นคนอธิบายงานให้ พร้อมจดสิ่งที่พวกเราต้องการไปรายงานคุณอีกรอบอยู่แล้ว” “คุณลีครับ” นทีเอ่ยแทรกขึ้นมาเพราะต้องการจะห้ามทัพ มองดูเพียงแวบเดียวเขาก็รู้แล้วว่าผู้ชายอย่างณฟ้าไม่ธรรมดา “คงจะไม่ได้หรอกครับ พสิกาเป็นคนของผม ถ้าผมกลับเธอก็ต้องกลับ” คนอ่อนวัยกว่าเลือกใช้น้ำเสียงราบเรียบ แม้จะขัดแย้งกับความต้องการในใจมากแค่ไหนก็ตาม “งั้นผึ้งว่าเรามาเริ่มคุยเรื่องงานกันดีมั้ยคะ” “ถ้าคุณผึ้งสะดวกก็ได้ครับ” “มิสเตอร์ลีอยากให้รูปแบบงานออกมาเป็นประมาณไหนคะ” “จริงๆ โพรดักซ์ของผมอยากให้คนเข้าถึงง่าย ทั้งเด็กวัยเรียนและคนวัยทำงาน ไม่ต้องมีการจัดอะไรให้หรูหรามากมาย ขอคนที่เข้าถึงง่ายตามแบบของสินค้า “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา ส่วนพรีเซนเตอร์ลงตัวที่คุณครามแล้วใช่มั้ยคะ” พสิการับคำพลางถามถึงวาริธร เขาเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของวงการ ซึ่งทำงานร่วมกับบริษัทมาเนิ่นนาน เรียกได้ว่าค่อนข้างจะคุยง่ายและรู้ใจกันพอสมควร แม้คนภายนอกจะมองว่าชายหนุ่มหยิ่งและมีนิสัยเอาแต่ใจก็ตาม “จริงๆ ผมอยากได้พรีเซนเตอร์ผู้หญิงมากกว่านะครับ” ว่าพร้อมลูบคางไปมาราวกับกำลังใช้ความคิด ณฟ้าลอบหัวเราะขำขันในใจ อยากได้ผู้หญิงเพราะความต้องการของตนเองมากกว่า ไม่ใช่เข้ากับสินค้าหรอก “ผมว่าผู้ชายน่าจะเข้ากับแบรนด์คุณมากกว่า” “ผมอยากได้ผู้หญิงครับ” เจ้าของสินค้าตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า มองณฟ้าราวกับเป็นเพียงธาตุอากาศเท่านั้น “จริงๆ ผึ้งว่าคุณครามก็ดีอยู่แล้วนะคะ บริษัทเราดีลงานกับคุณครามมานาน ค่อนข้างสนิทใจและต่อรองง่ายพอสมควร” พสิกาเลือกใช้หนทางประนีประนอม หญิงสาวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพื่อดับสงครามขนาดย่อมที่เริ่มคุกรุ่น “อย่างที่คุณผึ้งว่าก็ถูกนะครับคุณลี” นทีกล่าวเสริมเลขาของณฟ้า พยายามทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนตัวเล็กอีกแรง “งั้นเหรอ คุยเรื่องงานมีแต่ปวดหัว ผมขอเวลาคิดสักหน่อยแล้วกัน” “งั้นเรามากินอาหารกันดีมั้ยคะ คุยไปกินไปก็ได้” “ผมยังไม่หิว” ปฏิเสธทันควัน ณฟ้าขมวดคิ้ว เขาเริ่มทนไม่ไหวกับความลวดลายของหนุ่มใหญ่คนนี้ “งั้นมิสเตอร์ลีอยากทำอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ดื่มมั้ย” ทว่าคนตัวเล็กกลับเลือกที่จะเอาใจอีกฝ่ายต่อ รู้แหละว่าทั้งหมดนั่นมาจากความรับผิดชอบและหน้าที่ แต่ต้องยอมขนาดนั้นเลยหรือไงกัน “ผมอยากไปเต้นข้างนอก ถ้าคุณผึ้งสะดวก” “ไม่สะดวกครับ” กลายเป็นเจ้านายหนุ่มเองที่ทนไม่ได้ ณฟ้าโพล่งขัดขึ้นมาแบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เวลานี้เขาไม่สนใจอีกแล้วว่าหนุ่มใหญ่คนนี้จะวิเศษวิโสมาจากไหน ถ้ามันคิดอะไรเกินเลยกับพสิกา อย่าหาว่าเขาหยาบคายก็แล้วกัน! “คุณลีครับ…” “ว่ายังไงครับคุณผึ้ง เผื่อผมอารมณ์ดี อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นนะครับ” “คะ…คือ” “หือ?” ยังคงตื๊อถามต่อ มองทุกคำทัดทานเป็นเพียงเรื่องไร้สาระไม่สลักสำคัญอะไรที่จะต้องสนใจ เป้าหมายในค่ำคืนนี้มีเพียงแค่พสิกาคนเดียวเท่านั้น! “ก็ได้ค่ะ” หน้าที่อยู่เหนือทุกอย่าง ร่างบางหันไปสบตาชายหนุ่มข้างกายเพียงชั่วครู่ก่อนเลือกตกปากรับคำ “พสิกา!” “แค่เพลงเดียวนะคะ” โพล่งขอร้องขึ้นมาราวกับต้องการบอกผ่านไปยังเจ้านายหนุ่มด้วย “ยินดี” มิสเตอร์ลีรับคำ ซ้ำยังส่งสายตาเจ้าชู้ให้อีกหนึ่งครั้ง “ไปฟลอร์ข้างนอกกันเถอะครับ” “เดี๋ยวผึ้งมานะคะคุณฟ้า” พสิกาหันไปบอกคนข้างกายแล้ว ก่อนรับไมตรีของหนุ่มใหญ่คู่ค้า ณฟ้าขบกรามแน่น นับหนึ่งถึงสิบเพื่อซ่อนความเดือดดาลไว้ในใจ โมโหจนแทบทนไม่ไหวอยู่แล้ว เพียงแค่เห็นร่างกายของคนตัวเล็กมีชายอื่นมาแตะต้อง นัยน์ตาเย็นชาเริ่มเข้มขึ้นราวกับมีเปลวไฟอยู่ภายใน สุดท้ายแล้วต่อให้พยายามแค่มากไหนก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อยู่ดี ลูกชายรัฐมนตรีใช้เวลาตัดสินใจเพียงไม่นาน ก่อนก้าวเท้ายาวๆ ตรงไปยังจุดหมายราวกับสั่งได้ ไม่สนใจเสียงตะโกนข้างหลังจากนทีแม้แต่น้อย แล้วคืนนี้เด็กดื้ออย่างเธอจะได้รู้ว่า ผลของการปลุกราชสีห์ร้ายให้ตื่นจากการหลับใหลมันเป็นยังไง!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม