หลังจากที่พูดกันเมื่อวาน วันนี้คุณใหญ่ก็หยุดอยู่กับเธอที่บ้าน ซึ่งพอเราทั้งสองคนทานข้าวเที่ยงเสร็จแล้วก็มานั่งดูโทรศัพท์ด้วยกันที่โซฟาข้างเตียงนอน เธอนอนบนตักของคุณใหญ่ ส่วนเขากำลังนั่งกดแท็บเล็ตเช็กงานของเขาไปเรื่อยเธอเริ่มจะชินแล้วเพราะเขาไม่เคยให้เวลาสูญเสียเปล่า มีเวลาว่างตอนไหนเขาก็จะอ่านทบทวนงานเขาตลอด
“คุณใหญ่ขา”
“มีอะไร”
“เปิดเทอมหน้ายัยดาจะย้ายไปอยู่คอนโดค่ะ รินทร์ก็อยากออกไปอยู่คอนโดเหมือนเพื่อน” พอเธอพูดออกไปแบบนั้น คุณใหญ่ที่กำลังนั่งอ่านงานในแท็บเล็ตก็รีบวางมันลงที่ตัวทันที พร้อมกับหันหน้ามาตั้งคำถามกับเธอ
“อยู่บ้านกับผมมันไม่ดีหรือไง ทำไมถึงอยากออกไปอยู่ที่อื่น”
“ก็ดีค่ะ แต่รินทร์อยากออกไปใช้ชีวิตคนเดียวดูบ้าง เผื่อวันใดวันหนึ่งที่คุณใหญ่มีครอบครัวไปแล้ว รินทร์จะได้กล้าอยู่คนเดียวไงคะ” เธอพูดเสร็จก็ก้มหน้า แต่คุณใหญ่ดันจับหน้าเธอเงยขึ้นเพื่อให้เราสองคนจ้องมองกัน
“ผมแสดงออกหลาย ๆ อย่าง คุณไม่รับรู้เลยเหรอวารินทร์”
“แสดงออกอะไรคะ”
“การกระทำของผมไง ผมแสดงออกต่อคุณเหมือนคุณเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นมาก”
“รินทร์ไม่เข้าใจค่ะ”
“เด็กน้อยเอ๊ย คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผม”
“รินทร์ไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ”
“ผมรักคุณ รักคุณมาก”
พอได้ยินสิ่งที่อัศม์เดชพูดออกมา เธอก็รีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับจ้องมองเขา
“รักที่คุณใหญ่พูด ใช่รักแบบคนรักกันไหมคะ”
“ใช่”
“คุณใหญ่รักรินทร์จริง ๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ผมเคยหลอกคุณหรือไง”
พอคุณใหญ่พูดแบบนั้นเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะคุณเขาไม่เคยหลอกอะไรเธอเลย “คุณใหญ่ไม่เคยหลอกรินทร์”
“เห็นไหมล่ะ แล้วคุณล่ะรักผมบ้างไหม”
“รินทร์รักคุณใหญ่ค่ะ รักแบบคนรักมาตลอดหลายปีแต่ก็ไม่กล้าบอก เพราะกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วคุณใหญ่ไม่ได้รักรินทร์เราจะมองหน้ากันไม่ติด รินทร์ไม่อยากตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น”
“ขอโทษที่บอกคุณช้า”
คุณใหญ่อ้ามือออกกว้างเธอจึงขยับไปนั่งลงบนตักเขา พร้อมกับกอดคอและซบบนอกเขาแล้วร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้ทำไม”
“รินทร์ดีใจที่ไม่ต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว รินทร์ดีใจที่คุณใหญ่ได้รับรู้สิ่งที่อยู่ในใจมาตลอด”
เธอทั้งพูดทั้งร้องไห้และสูดดมกลิ่นกายของคุณใหญ่เข้าจมูก พอทำแบบนี้เธอรู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่งมาก
“ดมอะไรขนาดนั้น”
“ก็ตัวของคุณใหญ่หอมนี่นา รินทร์ชอบ”
“ผมก็ชอบกลิ่นตัวของคุณเหมือนกัน”
“เราเปิดเผยความรู้สึกของกันและกันแล้ว งั้นแสดงว่าตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้ว”
“ดีใจจัง”
“คุณเรียนจบแล้วเราแต่งงานกันนะ”
“ทำไมต้องรีบแต่งด้วยคะ”
“จะแต่งตอนไหนก็แต่งเหมือนกัน เพราะยังไงผมก็เป็นเจ้าบ่าวของคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น”
“รินทร์แล้วแต่คุณใหญ่เลยค่ะ”
“…..”
“คุณใหญ่คะ”
“มีอะไร”
“เราเป็นแฟนกันแล้ว งั้นแสดงว่าเราต้องมีอะไรกันด้วยใช่ไหม” เธอเอ่ยถามคนที่ตัวเองกำลังนั่งทับ พอพูดเสร็จก็รีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายหลังจากที่เห็นคุณใหญ่จ้องหน้าเธอ
“ทำไมถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา”
“มันเป็นเรื่องปกติของคนที่เป็นแฟนกันเขาทำกันไม่ชะ...”
จุ๊บ~ จ๊วบ~ จ๊วบ~
คุณใหญ่เอื้อมมือมาสัมผัสหน้าของเธอ แล้วเลื่อนมาบริเวณหลังคอจับกดลง พร้อมกับใช้มือลากไล้ตามกรอบหน้าอย่างนุ่มนวล ก่อนหยุดที่ปลายคาง แล้วเชยขึ้นรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปาก เขาสอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากแล้วดูดริมฝีปากของเธออย่างแรงจนเกิดเสียงมูมมามขึ้น ซึ่งเธอรู้สึกอายเอามาก ๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาทำแบบนี้ เพราะทุกทีเขาจะไม่เคยสอดลิ้นเข้ามาเลย คุณใหญ่บดคลึงจูบเน้นหนักและร้อนแรงขึ้น จนเธอเคลิ้มหลุดเสียงครางหวานออกมา ขยับตัวถอยห่างแต่เขาก็ยังกอดเอวเธอไว้แน่น
“ทำไมไม่ผลักผมล่ะ”
“แล้วทำไมต้องผลักด้วย”
“พร้อมหรือยัง”
“…..”
“ถ้าไม่พร้อมผมก็ไม่บังคับหรอก ผมต้องการให้เราทั้งสองคนมีความสุขด้วยกัน ไม่ใช่แค่ผมที่มีความสุขคนเดียว”
“พร้อมค่ะ รินทร์พร้อมที่จะเป็นของคุณใหญ่” พอเธอพูดออกไปแบบนั้น ก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ เขาพร้อมกับจูบไปบริเวณริมฝีปากเบา ๆ กำลังจะขยับปากตัวเองถอยออก แต่คุณใหญ่กลับกดหัวของเธอเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับจัดการจูบปากแลกลิ้นกันอีก
“…..”
“ไปที่เตียงดีกว่ามันจะได้กว้าง ๆ” คุณใหญ่ขยับตัวลุกขึ้นจากที่นั่งโซฟาอุ้มเธอมาวางลงบนเตียงนอนเบา ๆ
“ผมจะถามเป็นครั้งสุดท้าย...พร้อมไหม”
“พะ...พร้อมค่ะ” เธอตอบออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดี งั้นเรามาเริ่มมีความสุขไปด้วยกันดีกว่า”
“ตื่นเต้นหรือเปล่า?”
“นะ...นิดหน่อยค่ะ”
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก สัญญาว่าจะทำให้เจ็บน้อยที่สุด”
เธอที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ คุณใหญ่เอื้อมมาสัมผัสแก้มนุ่มลากไล้อย่างนุ่มนวลก่อนหยุดที่ปลายคาง แล้วเชยขึ้นรับสัมผัสอุ่นจากริมฝีปากเขาที่กดลงมาอย่างแนบแน่น คุณใหญ่บดคลึงจูบเน้นหนักและร้อนแรงขึ้น จนเธอเคลิ้มหลุดเสียงครางหวานออกมา
“อือ...” เธอพยายามแล้วที่จะเก็บอาการเอาไว้ แต่ยิ่งปกปิดกลับกลายเป็นความเก็บกดที่อัดอั้นเอาไว้ไม่ไหว เธอเผยริมฝีปากจิ้มลิ้มพร้อมกับครางเสียงหวาน กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้คุณใหญ่ได้แทรกลิ้นร้อนรุกรานเข้ามา เขาจูบเก่งจนเธอหลงใหล ลิ้นเขาสอดใส่เข้ามาเพื่อควานหาความหอมหวานภายในกลีบปากสีกุหลาบแรกแย้มนั้นได้อย่างแสนง่ายดาย
“อ่า...” เธอหายใจไม่ทัน พอรู้ว่าเขาเริ่มจูบหนักขึ้นและร้อนแรงขึ้น เธอก็ยิ่งตื่นเต้นหายใจหายคอไม่ทัน
“ไม่ชอบเหรอ” เสียงคุณใหญ่ฟังดูช่างเอาใจใส่ เขาหยุดจูบมากระซิบข้างแก้มหากมือหนาอุ่นยังลูบไล้แก้มเธอ ขณะที่มืออีกข้างของเขาก็ลูบไล้ไปตามเนื้อตัวนุ่มนิ่มราวปลุกเร้าเธอให้ตื่น
เธอส่ายหน้าไปมาจนคนที่จูบเธออยู่ต้องหยุดชะงักไป
“ส่ายหน้านี่คือไม่ชอบหรือยังไง ถ้าคุณไม่ชอบผมหยุดทำตอนนี้ก็ได้นะ”
“ไม่ใช่ค่ะ”
“……”
“ที่ส่ายหน้าคือ”
“…..”
“มะ...ไม่หยุดได้ไหมคะ”
เขายิ้มออกมา บอกเลยว่าเขาแอบภูมิใจอยู่เล็ก ๆ เขารักเธอและลุ่มหลงผู้หญิงคนนี้เป็นที่สุด อยากเก็บกักเอาไว้ในอ้อมกอดแบบนี้นาน ๆ แล้วก็พรมจูบอย่างไม่มีเบื่อทั้งวันทั้งคืน
“งั้นต่อนะ”
“ค่ะ” คนตัวเล็กตอบรับเสียงหวาน ทั้งที่เขินอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
“เปียกหมดแล้วนะ” เขาเอ่ยเสียงและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข เขาปลุกเร้าคนตัวเล็กจนร่างน้อยแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังต้องการเขา คนตัวเล็กไม่ทันรู้ตัวเลยว่าเขาถกชุดกระโปรงเธอล่นมากองที่ท้องตอนไหนกัน ท่อนล่างเหลือเพียงชั้นในตัวบางที่ตอนนี้ก็ฉ่ำไปหมดแล้ว เพราะต้องการเขาให้เข้ามาเติมเต็ม
ไม่ว่าเปล่าเขาสัมผัสส่วนหวงแหนนั้นอย่างอ่อนโยน
“อ๊ะ...” เขาแทรกนิ้วแกร่งบาดร่องรักสีหวานอันคับแคบของเธอเพื่อทดสอบอีกครั้งให้แน่ใจว่าเธอพร้อมสำหรับเขาจริง ๆ ธรรมชาติของร่างกายยังไงเสียก็คงปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงเอาไว้ไม่ไหว และในตอนนั้นเองคนตัวเล็กก็สะดุ้งตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
“เจ็บเหรอ”
“ระ...รินทร์ตกใจเฉย ๆ ค่ะ”
“ผมชอบนะ...ฉ่ำแบบนี้ผมชักอยากแล้วล่ะ”
“ยะ...อยากเหรอคะ”
“ครับ”
“.....” เธออายจนหน้าร้อนวาบ ใจเธอเต้นแรงจนควบคุมไม่ไหว แล้วเขาก็ก้มลงจูบซอกคอหอมอย่างรุนแรงสลับดูดผิวเนื้อเธอราวหยอกเย้า
“คุณหอมแล้วก็หวานยั่วยวนผมมากเลย…วารินทร์”
“รินทร์ยั่วคุณงั้นเหรอคะ ตอนไหนเอ่ยทำไมรินทร์ไม่รู้ตัวเลย”
“นั่นสิ อยากรู้ไหม” เขากระซิบพร้อมคว้ามือน้อย ๆ อันแสนนุ่มนิ่มไปกอบกุมส่วนหนึ่งบนลำกายเขา