หลายวันต่อมา
@มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง
“ถึงแล้วครับคุณหนู”
เธอที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเพื่อทบทวนการเรียนของเมื่อวานอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับมองบริเวณรอบรถพบว่าตอนนี้รถจอดอยู่ที่หน้าคณะของตัวเองแล้ว “ขอบคุณนะคะคุณพ่อบ้าน รินทร์ขอไปก่อน” เธอเอ่ยขอบคุณและโบกมือลาคุณพ่อบ้านที่เดินลงมาเปิดประตูรถให้กับเธอ แล้วรีบเดินเข้ามาหาเพื่อนของตัวเองที่กำลังนั่งเขียนงานอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ “ยัยดา ทำไมวันนี้มาเร็วจัง”
“พอดีวันนี้เราตื่นเช้าเลยรีบมาที่มหา’ลัยเลย เพราะถ้ามาสายหน่อยรถก็คงจะติด”
“วันนี้มาเองใช่ไหม”
“ไม่ ลูกน้องของคุณพ่อเรามาส่ง” ดาหรือญาดาคือชื่อของเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่เธอยอมสนิทด้วย ญาดาเป็นคนที่เรียนเก่งมากแถมสอบได้อันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาลัยปีของเธอ แถมยังเป็นลูกสาวคนเล็กของนายตำรวจใหญ่อีกด้วย “แล้วเธอล่ะ คุณพ่อบ้านมาส่งอีกแล้วใช่ไหม”
“ใช่” เธอตอบเพื่อนออกไปแล้วเดินลงไปนั่งด้านข้างที่เป็นที่ว่าง
“แล้วทำไมช่วงนี้เราไม่เห็นแด๊ดดี้ของรินทร์เลย” แด๊ดดี้ที่ญาดาพูดถึงไม่ใช่พ่อของเธอ แต่เป็น ‘คุณใหญ่’ เพื่อนของเธอชอบบอกว่าคุณเขาดูแลทะนุถนอมเธอเหมือนเธอเป็นลูกของเขา
“ช่วงนี้คุณใหญ่ยุ่ง ๆ เรื่องงาน เลยไม่ได้มารับมาส่งรินทร์แล้ว” เพราะช่วงที่เธอเข้าเรียนมาใหม่ ๆ คุณใหญ่จะมารับมาส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทุกวัน แต่พอดีช่วงนี้งานที่บริษัทของเขาค่อนข้างเยอะ หน้าที่นี้ก็เลยเป็นของคุณพ่อบ้านแทน
“เสียดายจัง ไม่ได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของคนสนิทแด๊ดดี้เธอเลย”
“ชอบมากใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวรินทร์ติดต่อให้ดีไหม” เพราะเพื่อนสนิทเธอแอบปลื้มคุณลุคลูกน้องคนสนิทของคุณใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าบอกเขาตรง ๆ เอาแต่แอบปลื้มห่าง ๆ เธอเลยจะอาสาเป็นแม่สื่อให้พวกเขาทั้งสองคน
“ไม่เอาหรอก อีกอย่างเราแค่แอบปลื้มเฉย ๆ ไม่ได้ชอบแบบคนรัก”
“รักก็บอกว่ารักสิ จะโกหกว่าแค่ปลื้มทำไมกัน”
“ก็บอกว่าปลื้มก็ปลื้มสิ ทำไมวันนี้รินทร์พูดมากจัง”
“รินทร์ไม่ได้พูดมากสักหน่อย ก็พูดแบบนี้เป็นปกติแทบทุกวัน” เธอเริ่มโวยวายออกมาเพราะตัวเองไม่ได้พูดมากแบบที่เพื่อนพูดสักหน่อย
“ยังไม่อยากผูกมัดกับใคร รินทร์ก็รู้กว่าเรากว่าจะข้ามผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาได้ก็เกือบตาย ไม่อยากจมปลักแบบนั้นอีก”
“แต่คุณลุคเป็นคนดีนะ เขาไม่มีทางทำแบบนั้นกับดาแน่นอน”
“ไม่ต้องมาหว่านล้อมเราเลย วันนี้เราไม่ให้รินทร์ลอกงานที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนหรอกนะ โทษฐานที่พูดมาก”
“ไม่เอาแบบนั้นสิดา ถ้าตัวเองไม่ให้ลอกแล้วรินทร์จะไปลอกใคร”
“ไม่รู้ไม่สน” เพื่อนสนิทเธอพูดเสร็จก็รีบหยิบหนังสือกับกระเป๋าวิ่งเข้าห้องเรียนไป ทิ้งให้เธอที่นั่งหน้าเหวออยู่คนเดียว
“อย่าหนีนะเอามาให้ลอกซะดี ๆ” ส่วนเธอพอเห็นเพื่อนวิ่งไปแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไปทันที
@โกดังเก็บสินค้า
“แล้วมาที่แบบนี้มึงไม่กลัวว่าเด็กของมึงจะจับได้เหรอไอ้คุณใหญ่”
“อะไรของมึง ช่วยพูดให้มันเข้าใจง่าย ๆ หน่อย” เขาพูดออกมาด้วยความไม่พอใจหลังจากที่โดนเพื่อนสนิทพูดหยอกล้อ ซึ่งตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในโกดังเก็บสินค้าที่ท่าเรือกับเพื่อนสองคนคือเจคอบกับวิลเลียม ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยที่อิตาลีด้วยกัน พอเรียนจบก็ยังคบกันมาตลอดจนมาร่วมทำธุรกิจถูกและผิดกฎหมายด้วยกันจนถึงทุกวันนี้
“ก็เด็กมึงไง นกน้อยในกรงทอง”
“วารินทร์จะไม่มีวันรับรู้เรื่องที่กูทำงานแบบนี้เด็ดขาด”
“กูว่ามึงน่าจะบอกน้องเขานะ ปิดบังไว้แบบนี้มันไม่ค่อยดีหรอก อีกไม่นานมึงก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งแทนพ่อมึงแล้ว” เรื่องที่เจคอบพูดออกมาก็คือการสืบทอดตำแหน่งปกครองตระกูล ซึ่งการสืบทอดแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยทวดของเขาแล้ว เพราะถ้าทายาทอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ จะต้องขึ้นรับตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อทันที ซึ่งเหมือนว่าถ้าเขามีลูก ลูกของเขาก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งตอนอายุตอนสามสิบปีเช่นกัน
“กูกลัวเธอเกลียดกู ถ้ามันเป็นแบบนั้นกูคงรับไม่ได้”
“แต่ถ้าเธอรู้เอง เรื่องมันอาจจะใหญ่กว่าที่มึงบอกเองนะ”
“ตอนนี้กูยังไม่พร้อมให้เธอรับรู้ เอาไว้เธอโตกว่านี้ค่อยบอกแล้วกัน”
“อีกไม่กี่เดือนมึงก็จะขึ้นรับตำแหน่งแล้วนะ เธอจะไม่สงสัยเลยหรือไง”
“กูอธิบายให้เธอฟังได้ โดยที่ไม่ต้องบอกความจริง”
“เฮ้อออ...งั้นแล้วแต่มึงเลยแล้วกัน แล้วนี่ไอ้ลุคไปไหน ทำไมไม่เห็นเลย”
“ให้มันไปเคลียร์งานที่บริษัทให้”
“มึงใช้งานมันหนักเกินไปแล้วนะ แล้วแบบนี้มันจะหาเวลาไหนไปหาเมีย อายุมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว มึงจะให้มันเป็นโสดอยู่กับมึงตลอดไปเหรอ”
“กูก็ไม่ได้บังคับมันสักหน่อยว่าไม่ให้มีเมีย แถมงานมันยังอาสาไปเอง”
“ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง”
“มึงหุบปากไปเลย ว่าแต่กูตอนไหนมึงจะมี”
“กูไม่คิดอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก”
“เห็นไหมล่ะว่าแต่กู แล้วมึงล่ะไอ้วิล ทำไมไม่พูดไม่จาเลยเอาแต่เงียบ”
“ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดเรื่องอะไร”
“จริงเหรอที่ไม่มีเรื่องจะพูด”
“มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้เจค หรือมึงไปรู้อะไรมา” เขาที่กำลังนั่งฟังเพื่อนทั้งสองพูดคุยกันก็รู้สึกเหมือนว่าเจคอบจะไปรู้ความลับของวิลเลียมมา แต่พอเขาถามไปแบบนั้นมันก็ไม่ยอมพูด เอาแต่นั่งยิ้ม “กูถามมึงไม่ได้ยินหรือไง”
“ก็กะ...(เจคอบ)/หุบปากเน่า ๆ ของมึงไปซะ ไอ้เจค(วิลเลียม)”
“แสดงว่ามึงไปรู้อะไรสำคัญมา”
“ก็สำคัญอยู่ แต่ไอ้วิลมันไม่ให้พูดกูก็พูดไม่ได้”
“พวกมึงมีความลับต่อกูเหรอ”
“เรื่องของกูมันไม่มีอะไรสำคัญหรอก มึงอย่าไปสนใจมันมาก”
“โอเค” เขาก็หยิบแก้วเครื่องดื่มที่เพื่อนของเขาลืมไว้ให้เครื่องดื่ม
ตริ่ง...ตริ่ง...(ข้อความแชต)
แต่ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่ก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา เขาจึงหยิบขึ้นมาดูพบว่าคนที่ส่งข้อความนั้นมาก็คือวารินทร์
วารินทร์ : สวยไหม
วารินทร์ : รินทร์วาดเองเลยนะ
วารินทร์ : รูปภาพวิวทะเล
พอเขาเห็นรูปวาดที่หญิงสาวส่งมาให้ดู ก็ยิ้มออกมาโดยไม่ลืมที่จะกดเซฟรูปเก็บเอาไว้
คุณใหญ่ : สวย
วารินทร์ : แค่นี้เองเหรอ
คุณใหญ่ : แล้วคุณต้องการคำตอบแบบไหน
วารินทร์ : ก็คิดว่าจะชมมากกว่านี้
คุณใหญ่ : มันสวยมาก คุณเก่งมากเลยนะ
วารินทร์ : รินทร์เก่งก็เพราะว่าคุณใหญ่ส่งรินทร์ไปเรียนเพิ่มไงคะ ไม่อย่างนั้นฝีมือของรินทร์คงไม่ดีขนาดนี้
คุณใหญ่ : ถึงเรียนเพิ่มหนักขนาดไหน แต่ถ้าฝีมือคุณไม่ดีมันก็ไม่มีความหมายหรอก
วารินทร์ : แล้วนี่คุณใหญ่อยู่ไหนคะ บริษัทเหรอ?
คุณใหญ่ : ใช่
วารินทร์ : งั้นดีเลย เดี๋ยวรินทร์จะไปหาที่บริษัทนะ
ซึ่งพอคนตัวเล็กพิมพ์ตอบกลับมาแบบนั้นเขาก็รีบก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ซึ่งพบว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของหญิงสาวเลยแล้วทำไมเธอถึงตอบกลับเขามาแบบนั้น
คุณใหญ่ : วันนี้เลิกสี่โมงเย็นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงจะมาหาผมตอนนี้ได้
วารินทร์ : พอดีวันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ เลยกลับก่อนเวลา
คุณใหญ่ : กลับก่อนเวลาแล้วทำไมไม่โทรหาผม แล้วนี่อยู่กับใคร
วารินทร์ : อยู่ที่ห้างกับยัยดาค่ะ
คุณใหญ่ : ห้างไหนเดี๋ยวผมจะไปหา
วารินทร์ : ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรินทร์ไปหาคุณเองดีกว่า
คุณใหญ่ : ตอบมาวารินทร์
วารินทร์ : ห้างxxค่ะ?
คุณใหญ่ : อยู่ที่นั่นก่อนเดี๋ยวผมจะรีบไปหา
วารินทร์ : ค่ะ
พอคนตัวเล็กตอบกลับมาแบบนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะไปหาหญิงสาว
“มึงจะไปไหนไอ้คุณใหญ่”
“ไปหาวารินทร์ที่ห้าง”
“ตอนนี้เนี่ยนะ”
“ใช่”
“แต่อีกไม่กี่นาทีเราต้องพบลูกค้าแล้วนะเว้ย”
“พวกมึงสองคนก็คุยไปเลย มีอะไรสำคัญก็ค่อยโทรบอกกู กูไปก่อน” พูดเสร็จเขาก็รีบลุกเดินออกมาทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของเพื่อนทั้งสอง พอเดินออกมาที่หน้าโกดังเสร็จก็รีบเข้ามานั่งในรถ
“ไปที่ห้างxxด่วน”
“ได้ครับนาย” ลูกน้องของเขาพอพูดกับเขาเสร็จก็รีบหันกลับไปสตาร์ตรถพร้อมกับขับออกมาด้วยความเร็วค่อนข้างมาก โดยใช้เวลาขับจากอู่ต่อเรือแถวชานเมืองมายังห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่คนตัวเล็กอยู่ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเลย