Chapter 3 | นกน้อยในกรงทอง

1727 คำ
หลายวันต่อมา @มหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง “ถึงแล้วครับคุณหนู” เธอที่กำลังนั่งอ่านหนังสือเพื่อทบทวนการเรียนของเมื่อวานอยู่ก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที พร้อมกับมองบริเวณรอบรถพบว่าตอนนี้รถจอดอยู่ที่หน้าคณะของตัวเองแล้ว “ขอบคุณนะคะคุณพ่อบ้าน รินทร์ขอไปก่อน” เธอเอ่ยขอบคุณและโบกมือลาคุณพ่อบ้านที่เดินลงมาเปิดประตูรถให้กับเธอ แล้วรีบเดินเข้ามาหาเพื่อนของตัวเองที่กำลังนั่งเขียนงานอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนหน้าคณะ “ยัยดา ทำไมวันนี้มาเร็วจัง” “พอดีวันนี้เราตื่นเช้าเลยรีบมาที่มหา’ลัยเลย เพราะถ้ามาสายหน่อยรถก็คงจะติด” “วันนี้มาเองใช่ไหม” “ไม่ ลูกน้องของคุณพ่อเรามาส่ง” ดาหรือญาดาคือชื่อของเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่เธอยอมสนิทด้วย ญาดาเป็นคนที่เรียนเก่งมากแถมสอบได้อันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาลัยปีของเธอ แถมยังเป็นลูกสาวคนเล็กของนายตำรวจใหญ่อีกด้วย “แล้วเธอล่ะ คุณพ่อบ้านมาส่งอีกแล้วใช่ไหม” “ใช่” เธอตอบเพื่อนออกไปแล้วเดินลงไปนั่งด้านข้างที่เป็นที่ว่าง “แล้วทำไมช่วงนี้เราไม่เห็นแด๊ดดี้ของรินทร์เลย” แด๊ดดี้ที่ญาดาพูดถึงไม่ใช่พ่อของเธอ แต่เป็น ‘คุณใหญ่’ เพื่อนของเธอชอบบอกว่าคุณเขาดูแลทะนุถนอมเธอเหมือนเธอเป็นลูกของเขา “ช่วงนี้คุณใหญ่ยุ่ง ๆ เรื่องงาน เลยไม่ได้มารับมาส่งรินทร์แล้ว” เพราะช่วงที่เธอเข้าเรียนมาใหม่ ๆ คุณใหญ่จะมารับมาส่งเธอที่มหาวิทยาลัยทุกวัน แต่พอดีช่วงนี้งานที่บริษัทของเขาค่อนข้างเยอะ หน้าที่นี้ก็เลยเป็นของคุณพ่อบ้านแทน “เสียดายจัง ไม่ได้เห็นหน้าหล่อ ๆ ของคนสนิทแด๊ดดี้เธอเลย” “ชอบมากใช่ไหมล่ะ เดี๋ยวรินทร์ติดต่อให้ดีไหม” เพราะเพื่อนสนิทเธอแอบปลื้มคุณลุคลูกน้องคนสนิทของคุณใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าบอกเขาตรง ๆ เอาแต่แอบปลื้มห่าง ๆ เธอเลยจะอาสาเป็นแม่สื่อให้พวกเขาทั้งสองคน “ไม่เอาหรอก อีกอย่างเราแค่แอบปลื้มเฉย ๆ ไม่ได้ชอบแบบคนรัก” “รักก็บอกว่ารักสิ จะโกหกว่าแค่ปลื้มทำไมกัน” “ก็บอกว่าปลื้มก็ปลื้มสิ ทำไมวันนี้รินทร์พูดมากจัง” “รินทร์ไม่ได้พูดมากสักหน่อย ก็พูดแบบนี้เป็นปกติแทบทุกวัน” เธอเริ่มโวยวายออกมาเพราะตัวเองไม่ได้พูดมากแบบที่เพื่อนพูดสักหน่อย “ยังไม่อยากผูกมัดกับใคร รินทร์ก็รู้กว่าเรากว่าจะข้ามผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมาได้ก็เกือบตาย ไม่อยากจมปลักแบบนั้นอีก” “แต่คุณลุคเป็นคนดีนะ เขาไม่มีทางทำแบบนั้นกับดาแน่นอน” “ไม่ต้องมาหว่านล้อมเราเลย วันนี้เราไม่ให้รินทร์ลอกงานที่อาจารย์สั่งเมื่ออาทิตย์ก่อนหรอกนะ โทษฐานที่พูดมาก” “ไม่เอาแบบนั้นสิดา ถ้าตัวเองไม่ให้ลอกแล้วรินทร์จะไปลอกใคร” “ไม่รู้ไม่สน” เพื่อนสนิทเธอพูดเสร็จก็รีบหยิบหนังสือกับกระเป๋าวิ่งเข้าห้องเรียนไป ทิ้งให้เธอที่นั่งหน้าเหวออยู่คนเดียว “อย่าหนีนะเอามาให้ลอกซะดี ๆ” ส่วนเธอพอเห็นเพื่อนวิ่งไปแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไปทันที @โกดังเก็บสินค้า “แล้วมาที่แบบนี้มึงไม่กลัวว่าเด็กของมึงจะจับได้เหรอไอ้คุณใหญ่” “อะไรของมึง ช่วยพูดให้มันเข้าใจง่าย ๆ หน่อย” เขาพูดออกมาด้วยความไม่พอใจหลังจากที่โดนเพื่อนสนิทพูดหยอกล้อ ซึ่งตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในโกดังเก็บสินค้าที่ท่าเรือกับเพื่อนสองคนคือเจคอบกับวิลเลียม ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยที่อิตาลีด้วยกัน พอเรียนจบก็ยังคบกันมาตลอดจนมาร่วมทำธุรกิจถูกและผิดกฎหมายด้วยกันจนถึงทุกวันนี้ “ก็เด็กมึงไง นกน้อยในกรงทอง” “วารินทร์จะไม่มีวันรับรู้เรื่องที่กูทำงานแบบนี้เด็ดขาด” “กูว่ามึงน่าจะบอกน้องเขานะ ปิดบังไว้แบบนี้มันไม่ค่อยดีหรอก อีกไม่นานมึงก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งแทนพ่อมึงแล้ว” เรื่องที่เจคอบพูดออกมาก็คือการสืบทอดตำแหน่งปกครองตระกูล ซึ่งการสืบทอดแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยทวดของเขาแล้ว เพราะถ้าทายาทอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์เมื่อไหร่ จะต้องขึ้นรับตำแหน่งแทนผู้เป็นพ่อทันที ซึ่งเหมือนว่าถ้าเขามีลูก ลูกของเขาก็ต้องขึ้นรับตำแหน่งตอนอายุตอนสามสิบปีเช่นกัน “กูกลัวเธอเกลียดกู ถ้ามันเป็นแบบนั้นกูคงรับไม่ได้” “แต่ถ้าเธอรู้เอง เรื่องมันอาจจะใหญ่กว่าที่มึงบอกเองนะ” “ตอนนี้กูยังไม่พร้อมให้เธอรับรู้ เอาไว้เธอโตกว่านี้ค่อยบอกแล้วกัน” “อีกไม่กี่เดือนมึงก็จะขึ้นรับตำแหน่งแล้วนะ เธอจะไม่สงสัยเลยหรือไง” “กูอธิบายให้เธอฟังได้ โดยที่ไม่ต้องบอกความจริง” “เฮ้อออ...งั้นแล้วแต่มึงเลยแล้วกัน แล้วนี่ไอ้ลุคไปไหน ทำไมไม่เห็นเลย” “ให้มันไปเคลียร์งานที่บริษัทให้” “มึงใช้งานมันหนักเกินไปแล้วนะ แล้วแบบนี้มันจะหาเวลาไหนไปหาเมีย อายุมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว มึงจะให้มันเป็นโสดอยู่กับมึงตลอดไปเหรอ” “กูก็ไม่ได้บังคับมันสักหน่อยว่าไม่ให้มีเมีย แถมงานมันยังอาสาไปเอง” “ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง” “มึงหุบปากไปเลย ว่าแต่กูตอนไหนมึงจะมี” “กูไม่คิดอะไรไร้สาระแบบนั้นหรอก” “เห็นไหมล่ะว่าแต่กู แล้วมึงล่ะไอ้วิล ทำไมไม่พูดไม่จาเลยเอาแต่เงียบ” “ก็ไม่รู้ว่าต้องพูดเรื่องอะไร” “จริงเหรอที่ไม่มีเรื่องจะพูด” “มึงเป็นเหี้ยอะไรไอ้เจค หรือมึงไปรู้อะไรมา” เขาที่กำลังนั่งฟังเพื่อนทั้งสองพูดคุยกันก็รู้สึกเหมือนว่าเจคอบจะไปรู้ความลับของวิลเลียมมา แต่พอเขาถามไปแบบนั้นมันก็ไม่ยอมพูด เอาแต่นั่งยิ้ม “กูถามมึงไม่ได้ยินหรือไง” “ก็กะ...(เจคอบ)/หุบปากเน่า ๆ ของมึงไปซะ ไอ้เจค(วิลเลียม)” “แสดงว่ามึงไปรู้อะไรสำคัญมา” “ก็สำคัญอยู่ แต่ไอ้วิลมันไม่ให้พูดกูก็พูดไม่ได้” “พวกมึงมีความลับต่อกูเหรอ” “เรื่องของกูมันไม่มีอะไรสำคัญหรอก มึงอย่าไปสนใจมันมาก” “โอเค” เขาก็หยิบแก้วเครื่องดื่มที่เพื่อนของเขาลืมไว้ให้เครื่องดื่ม ตริ่ง...ตริ่ง...(ข้อความแชต) แต่ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่ก็มีเสียงข้อความดังขึ้นมา เขาจึงหยิบขึ้นมาดูพบว่าคนที่ส่งข้อความนั้นมาก็คือวารินทร์ วารินทร์ : สวยไหม วารินทร์ : รินทร์วาดเองเลยนะ วารินทร์ : รูปภาพวิวทะเล พอเขาเห็นรูปวาดที่หญิงสาวส่งมาให้ดู ก็ยิ้มออกมาโดยไม่ลืมที่จะกดเซฟรูปเก็บเอาไว้ คุณใหญ่ : สวย วารินทร์ : แค่นี้เองเหรอ คุณใหญ่ : แล้วคุณต้องการคำตอบแบบไหน วารินทร์ : ก็คิดว่าจะชมมากกว่านี้ คุณใหญ่ : มันสวยมาก คุณเก่งมากเลยนะ วารินทร์ : รินทร์เก่งก็เพราะว่าคุณใหญ่ส่งรินทร์ไปเรียนเพิ่มไงคะ ไม่อย่างนั้นฝีมือของรินทร์คงไม่ดีขนาดนี้ คุณใหญ่ : ถึงเรียนเพิ่มหนักขนาดไหน แต่ถ้าฝีมือคุณไม่ดีมันก็ไม่มีความหมายหรอก วารินทร์ : แล้วนี่คุณใหญ่อยู่ไหนคะ บริษัทเหรอ? คุณใหญ่ : ใช่ วารินทร์ : งั้นดีเลย เดี๋ยวรินทร์จะไปหาที่บริษัทนะ ซึ่งพอคนตัวเล็กพิมพ์ตอบกลับมาแบบนั้นเขาก็รีบก้มมองนาฬิกาบนข้อมือของตัวเอง ซึ่งพบว่าตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนของหญิงสาวเลยแล้วทำไมเธอถึงตอบกลับเขามาแบบนั้น คุณใหญ่ : วันนี้เลิกสี่โมงเย็นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงจะมาหาผมตอนนี้ได้ วารินทร์ : พอดีวันนี้อาจารย์ยกคลาสค่ะ เลยกลับก่อนเวลา คุณใหญ่ : กลับก่อนเวลาแล้วทำไมไม่โทรหาผม แล้วนี่อยู่กับใคร วารินทร์ : อยู่ที่ห้างกับยัยดาค่ะ คุณใหญ่ : ห้างไหนเดี๋ยวผมจะไปหา วารินทร์ : ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรินทร์ไปหาคุณเองดีกว่า คุณใหญ่ : ตอบมาวารินทร์ วารินทร์ : ห้างxxค่ะ? คุณใหญ่ : อยู่ที่นั่นก่อนเดี๋ยวผมจะรีบไปหา วารินทร์ : ค่ะ พอคนตัวเล็กตอบกลับมาแบบนั้นเขาก็เก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าพร้อมกับลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะไปหาหญิงสาว “มึงจะไปไหนไอ้คุณใหญ่” “ไปหาวารินทร์ที่ห้าง” “ตอนนี้เนี่ยนะ” “ใช่” “แต่อีกไม่กี่นาทีเราต้องพบลูกค้าแล้วนะเว้ย” “พวกมึงสองคนก็คุยไปเลย มีอะไรสำคัญก็ค่อยโทรบอกกู กูไปก่อน” พูดเสร็จเขาก็รีบลุกเดินออกมาทันทีโดยไม่ฟังเสียงห้ามของเพื่อนทั้งสอง พอเดินออกมาที่หน้าโกดังเสร็จก็รีบเข้ามานั่งในรถ “ไปที่ห้างxxด่วน” “ได้ครับนาย” ลูกน้องของเขาพอพูดกับเขาเสร็จก็รีบหันกลับไปสตาร์ตรถพร้อมกับขับออกมาด้วยความเร็วค่อนข้างมาก โดยใช้เวลาขับจากอู่ต่อเรือแถวชานเมืองมายังห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่คนตัวเล็กอยู่ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม