“คนอย่างเธอ...ไม่ควรได้รับความปรานี และเธอจะต้องเสียใจและเจ็บปวดไปจนวันตาย” นั่นคือคำพิพากษาจากเขา คนที่เธอไม่ควรรักและไว้ใจที่สุดในโลก
“เธอโง่เองนะบัว” เธอหลงกลร้ายของเขาจนถอนตัวไม่ขึ้น เธอตกลงไปในกับดักที่เขาวางไว้ด้วยความโง่และเต็มใจ เพราะอย่างนั้น เธอจึงโทษใครไม่ได้เลยที่ชะตาร้ายลากเธอมายืนอยู่กลางกองไฟร้อนแบบนี้
“คิดอะไรอยู่” วราลีในชุดราตรีสั้นแสนสวย เดินเข้ามาหาเขาด้วยใจปรารถนา แล้วสวมกอดกายแกร่งจากด้านหลัง แนบใบหน้างดงามและหัวใจภักดีลงบนแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เธอรักมานาน เธอต้องการเปิดเปลือยความรู้สึกที่มีต่อเขาในวันที่เขาเป็นอิสระจากผู้หญิงชั้นต่ำ
“อย่าน่า” เขาเตือนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ แน่นอน เขาเองก็รู้มาตลอดว่าเพื่อนรักคิดอย่างไรกับเขา แต่เขาไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อเธอได้ เขาคิดกับเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น
“ทำไมล่ะ”
“เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า อย่าลืมนะ ว่าเกมยังไม่โอเวอร์”
เขาปลดมือเธอออก แล้วดันตัวเธอออกห่างอย่างนุ่มนวลสุภาพแต่เด็ดขาด จ้องมองเธอด้วยสายตาปรานี
“และที่สำคัญ เราเป็นเพื่อนกัน”
ใบหน้าสวยแดงก่ำด้วยความเสียใจ เธอนึกรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องปฎิเสธ อย่างที่ทิวากรเตือนเธอไว้
“แล้วถ้าเกมโอเว่อร์ เราสองคน...”
“ไม่ว่ายังไง เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี”
เขาย้ำคำเดิม แต่เธอไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาแล้ว เธออยากเป็นคนพิเศษของอิศรา ไวย์ราวัลย์ เหมือนที่บัวบูชาเคยเป็นอยู่ช่วงหนึ่ง แม้มันจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และเต็มไปด้วยการหลอกลวง แต่บัวบูชาควรจะรู้ไว้ว่า เธอเป็นแฟนคนแรกของเขา คนที่ไร้หัวใจและหยิ่งยโสจนมองไม่เห็นหัวใคร
“ขอถามหน่อยได้มั้ยเมฆ”
อิศรามองลงไปเบื้องล่าง เห็นแขกเหรื่อแต่งชุดสวยงามและหรูหราเริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้ว ใบหน้าของทุกคนบ่งบอกถึงความยินดีจอมปลอมและเต็มไปด้วยความอิจฉา โดยเฉพาะหญิงสาวที่ต่างก็แต่งตัวจัดเต็มเพื่อมาประชันกัน ทุกคนต่างคิดว่าเธอก็มีดีไม่แพ้บัวบูชา แล้วทำไมสุดหล่ออย่างอิศราถึงเลือกยัยนั่น
“อะไร” เขาไม่ได้ตั้งใจจะถามกลับสักเท่าไหร่และไม่มีใจจะฟังคำถามของเธอเท่ากับสำรวจเบื้องล่างอย่างสนุก เขาอารมณ์ดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของว่าที่เจ้าสาวก้าวเข้ามาในงานแล้ว สองคนนั้นคือพยานคนสำคัญเช่นกัน
“หึ!” เขาคว้าแก้วไวน์ทรงสูงมาจิบเล็กน้อย เพื่อดื่มด่ำกับความสุขที่กำลังแผ่ซ่านไปทั้งตัว
“นายเคยจูบกับยัยบัวเน่ารึเปล่า”
คำถามตรงๆ ของวราลีทำให้ชายหนุ่มชะงัก ก่อนหันมองเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจสักเท่าไหร่
“ถามทำไม”
“เกลียดขนาดนั้น จูบลงจริงเหรอ”
เขากดกรามแผ่วเบา พยายามระงับความโกรธไว้ให้ลึกที่สุด แล้วปั้นหน้าเย้ยหยันตามถนัด เขายอมรับว่าโกรธที่โดนเพื่อนสงสัยในความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะแก้แค้นผู้หญิงคนนั้น ทำเหมือนเขาเหยาะแยะไม่เป็นมืออาชีพ ทั้งที่ทุกอย่างกำลังจะจบด้วยดี เธอควรจะยกย่องและชื่นชมเขามากกว่าจะมาจับผิดกันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
“มันก็แค่การจูบปลอม ๆ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย”
“แต่มันคือจูบแรกของนายนี่ นายมอบจูบแรกให้ศัตรูได้ยังไงกันเมฆ ทำไมฉันรู้สึกอิจฉายัยนั่นจัง” วราลีพูดด้วยความช้ำใจ คว้าแก้วไวน์จากมือของอิศรามาดื่มจนหมดแก้ว แล้วถอนหายใจอย่างหนักหน่วงออกมา “หวังว่าสองเดือนที่ผ่านมา มันไม่ได้เปลี่ยนอะไรในตัวนายไปนะ”
“หยุดพูดไร้สาระได้แล้วน่า!”
“เฮ๊ยเมฆ!” เสียงของราเมศตะโกนมาแต่ไกล เขาและวราลีจึงหันไปมองชายหนุ่มในชุดสูทหรู ที่ยืนคู่อยู่กับผู้หญิงคนนั้น
“อะ...บัว!”
“ว่าที่เจ้าสาวนายมาแล้ว!!!”
อิศราทั้งงงทั้งตกใจที่บัวบูชามาในชุดแม่ค้าตลาดสด มาในชุดธรรมดาไร้ราคา ไม่ใช่ชุดหรูหราที่เขาเตรียมไว้ให้
“บัว!”
วราลีถึงกับยิ้มเยาะและส่ายหน้าระอาใจ อดพูดดูถูกออกมาไม่ได้จริง ๆ “แม่ค้าก็คือแม่ค้า !”
บัวบูชายิ้มอบอุ่นให้แก่เขาอย่างที่เคยยิ้ม จ้องมองเขาด้วยสายตารักหลงอย่างที่เป็นมาตลอด ขณะเดินเข้ามาหาเขาด้วยความเต็มใจ...เต็มใจที่จะเดินเข้ามาในบ่วงที่เขาวางเอาไว้ ซึ่งเขาคงเตรียมจะกระตุกบ่วงนั้นในไม่ช้า
“เมฆ!”
“คุณ...ทำไม...” คำถามของอิศรากลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อโดนบัวบูชาประกบปากแล้วจูบอย่างดูดดื่ม
วราลีตกใจตาเหลือก ขณะราเมศ ธนินทร์ และทิวากรที่ตามขึ้นมายังชั้นสองของบ้าน ต่างพากันยิ้ม และปรบมือให้กับความรักแสนหวานของหัวหน้าแก๊ง...ที่กำลังจูบตอบว่าที่เจ้าสาวอย่างร้อนแรง และโหยหาคลั่งไคล้...แสดงความรักออกมาได้สมจริงจนน่ากลัว !
“อืม...อือ...”
เธอกับเขาจูบกันอย่างดูดดื่มเร่าร้อน อ้อยอิ่งเคล้าคลอ สัมผัสเลือดเนื้อและลมหายใจอุ่นซ่านของกันและกัน ดื่มด่ำถลำลึกอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานราวกับคู่รักที่มีใจเสน่หาต่อกันอย่างแท้จริง
“อ่า...” การตกลงไปในห้วงแห่งปรารถนาอันร้อนแรงนั้นมันก็ไม่ต่างกับการเต้นรำอยู่บนกองไฟ มันเป็นความหวานที่แสนทรมาน เป็นความเจ็บปวดรวดร้าวที่มีพลังดึงดูดมากพอให้คนไม่กลัวตาย
“อือ...เมฆ...” เธอกระซิบเรียกเขาด้วยน้ำเสียงกระเส่า จ้องมองเขาด้วยสายตาร้อนแรง สะกดเขาให้หลงใหลพลั้งเผลออยู่ในโลกของเธอและเขา
“ฉันเป็นของคุณ...” ในเมื่อเขาเกลียดเธอจับใจและอยากเห็นเธอทุกข์ทนอย่างแสนสาหัส เธอก็จะขอมอบช่วงเวลาแห่งวาระสุดท้ายให้แก่เขา ด้วยการทำให้เขากระอักกระอ่วนใจยิ่งกว่า และขยะแขยงจนแทบสำลอกยามต้องฝืนตัวเองแสดงละครเป็นคู่รักกับเธอโดยไม่เต็มใจ
“เมฆ...จูบฉันสิ” เธอกระซิบบอกเขาที่ริมหูอย่างเร่าร้อนและยั่วเย้า พร้อมกับลูบไล้ต้นคอและท้ายทอยซึ่งเป็นจุดอ่อนของเขาไปด้วย เพื่อจะทำให้เขากระอักเลือดตายเพราะความรังเกียจชิงชัง
“บัว...” เขาครวญชื่อเธอ พลางสวมกอดเธอไว้แน่น ราวกับรักเหลือล้น ราวกับว่าอยู่กันเพียงลำพัง ในโลกที่มีแต่เธอกับเขาเท่านั้น
วราลียิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจให้แก่ความรักจอมปลอมของหนุ่มสาวตรงหน้า เธอหันหลังให้แล้วเดินกลับไปหากลุ่มเพื่อนชายที่ยังยืนมองด้วยความสนใจ
“ไปเถอะ ก็แค่ละครลวงโลก”
ธนินทร์และราเมศเห็นด้วยกับวราลี ทั้งคู่เดินตามเจ้าหล่อนไปราวกับเป็นแมวเชื่อง มีเพียงทิวากรเท่านั้นที่ยังทอดสายตามองเพื่อนรักตัวร้ายและผู้หญิงคนนั้นแสดงความรักต่อกันอย่างดูดดื่มลืมโลกใบนี้
“วาระสุดท้ายที่...แสนหวานสินะ” ทิวากรจิบไวน์ในมือแล้วชูแก้วขึ้นเหนือศรีษะเพื่อฉลองให้กับคู่รัก ก่อนจะหันหลังให้แล้วจากไปอีกคน