“อยู่นี่เองเหรอ”
เสียงของเขาดังอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เธอสะดุ้งโหยงก่อนจะหันไปมอง
“เอ่อ...คุณมานานแล้วเหรอคะ ฟ้านึกว่าคุณจะกลับดึกซะอีก”
เธอรีบลุกขึ้นยืนแล้วส่งยิ้มบาง เพราะตั้งแต่เช้าจนเย็น เธอมานั่งคิดทบทวนแล้วว่าแม้คำพูดของเขาจะดูโหดร้ายและเย็นชา แต่เธอเป็นฝ่ายเลือกที่จะรับข้อเสนอนี้เองจริง ๆ ถึงตอนนี้จะมาโวยวายว่าเขาไร้หัวใจก็อาจไม่ถูกนัก เพราะสุดท้ายแล้วคนที่ใจร้ายที่สุดในข้อตกลงนี้ก็คือแม่ที่กล้าขายลูกเพื่อให้มีชีวิตรอดอย่างเธอต่างหาก
สิ่งที่เธอควรปฏิบัติต่อเขาจึงไม่ใช่ความแข็งขืน แต่เป็นการโอนอ่อนผ่อนตามและพยายามทำให้เขาเมตตา ไม่ใช่เพื่อตัวเธอเอง แต่เพื่อให้เขารู้สึกเอ็นดูลูกของเธอในอนาคต เพราะหากเขาเกลียดแม่ของลูกแล้ว ก็คงยากที่จะรักลูกได้จริง ๆ
“วันนี้งานเสร็จเร็วน่ะ แล้วนี่คุณ...กินข้าวหรือยังล่ะ”
“ยังค่ะ ฟ้าไม่รู้จะกินอะไรดี แล้วก็ยังไม่ค่อยหิวด้วย เอ่อ...แล้วคุณกินอะไรมาหรือยังคะ”
“ยัง” เขาตอบสั้น ๆ ก่อนจะหันหลังกลับมาเหมือนเพิ่งนึกอะไรได้
“ตั้งแต่วันนี้...คุณมีหน้าที่ดูแลเรื่องอาหารและเสื้อผ้าของผม”
น้ำเสียงเย็นชาของเขาบอกว่านี่ไม่ใช่การขอร้องแต่เป็นคำสั่งเด็ดขาดที่เธอต้องทำตาม
นภาภัสชะงัก กะพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร
“ให้…ให้ฉันทำอาหารให้คุณหรือคะ?”
“ใช่”
“งั้น...คุณจะกินเลยมั้ยคะ ฉันจะได้ไปทำให้”
“อืม ทำเสร็จแล้วไปเรียกผมที่ห้องด้วยก็แล้วกัน”
“ค่ะ”
หญิงสาวกลืนน้ำลาย เธอไม่เคยคิดเลยว่าหน้าที่แรกที่ได้รับจะเป็นสิ่งที่เธอไม่ถนัดที่สุด แต่เพราะไม่อยากให้เขามองว่าเธอไร้ประโยชน์ เธอจึงต้องลองดูสักตั้ง
เสียงเปิดตู้เย็นดังขึ้น เธอก้มมองหาวัตถุดิบมากมาย ทั้งผักสด เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงที่เรียงเป็นระเบียบ แต่สมองของเธอกลับว่างเปล่าไปหมดเพราะไม่รู้จะเริ่มจากอะไรดี
“ทำเมนูง่าย ๆ ก่อนแล้วกัน” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบไข่ไก่ขึ้นมาสามฟองเพราะตั้งใจจะลองทำไข่เจียวดูสักครั้ง
เธอตีไข่ใส่ชามแต่กลับใส่น้ำมันในกระทะมากเกินไป พอกระทะร้อนจัด น้ำมันก็เดือดพล่าน เสียงดังฉ่า! ทำเอาเธอตกใจจนเผลอสะบัดมือตัวเองทำให้น้ำมันกระเด็นไปรอบกระทะและโดนมือตัวเอง
“โอ๊ย!” เธอร้องเบา ๆ ก่อนจะรีบถอยออกมาให้ห่าง
บุญญานนท์ที่ยืนกอดอกพิงขอบโต๊ะอยู่ด้านหลังมองอยู่ห่าง ๆ แล้วส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างขบขัน
“ดูท่า...คุณจะทำอาหารไม่เป็นเลยสินะ”
นภาภัสหน้าแดงซ่าน ความอายแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“ก็…ก็พอทำได้บ้างค่ะ แต่น่าจะไม่ถนัดเท่าไหร่”
เขาไม่ได้ว่าอะไรต่อ แค่ยื่นผ้าเช็ดมือมาให้ ก่อนจะเดินไปปิดเตาเสียเอง
“ออกไป”
เพียงสองคำสั้น ๆ ทำให้เธอรีบก้มหน้าเดินออกจากครัวอย่างเสียหน้า ใจเธอรู้สึกห่อเหี่ยวเหมือนเด็กที่ทำผิดพลาด แม้เขาไม่ได้ดุเธอเสียงดัง ไม่ได้แสดงอารมณ์เกรี้ยวกราด เพียงแต่พูดเรียบ ๆ ก็ทำให้เธอหมดความมั่นใจในตัวเองได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นเธอก็นั่งมองเขาทำอาหารอย่างคล่องแคล่ว ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่กลับหยิบจับข้าวของในครัวด้วยชำนาญมากกว่าเธอเสียอีก แล้วเย็นนั้นเธอก็ได้ลองชิมข้าวผัดทะเลฝีมือของเขาเป็นครั้งแรก พอกินอิ่มเธอจึงรีบอาสาล้างจานชามทำความสะอาดครัวด้วยตัวเอง
หลังมื้ออาหารแสนอร่อยเธอก็อยากแก้มือจากหน้าที่แรก หญิงสาวมองนายจ้างของตนนั่งดูไอแพดในมืออยู่ที่โซฟาก่อนจะเอ่ยปากขออนุญาต
“เอ่อ...ฟ้าขอเข้าไปเตรียมชุดให้คุณใส่สำหรับพรุ่งนี้ก่อนนะคะ”
“อืม” เขาตอบสั้น ๆ ไม่ได้หันไปมองหน้าเธอเลยด้วยซ้ำ เธอจึงได้ก้าวเข้าไปในห้องของเขาแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าแต่ละใบให้รู้ว่าเสื้อผ้าแต่ละแบบอยู่ตู้ไหนบ้าง ก่อนจะหยิบจับเสื้อสูทและเชิ้ตออกมาเลือกดู ดวงตากวาดมองสีและลายผ้าอย่างถี่ถ้วนแล้วนำออกไปให้เขาดู
“พรุ่งนี้คุณสวมชุดนี้ดีมั้ยคะ” เธอถามเสียงเบา
เขาหันไปมองชุดในมือเธอก่อนพยักหน้า
“งั้นเดี๋ยวฟ้าไปเลือกเนกไทให้นะคะ”
“อืม”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับเธอจึงเดินไปหยิบเนกไทหลายเส้นออกมาวางคู่ สูทสีน้ำเงินเข้มกับเนกไทลายทางสีเงินดูทางการเกินไป เธอเลยหยิบเนกไทผ้าไหมสีเบอร์กันดีมาลองทาบ สีกลับเข้ากันพอดีจนเธอยิ้มบาง ๆ ก่อนนำออกไปให้เขาดูอีกครั้ง
“เส้นนี้ค่ะ มันจะทำให้คุณดูสุขุม แต่ก็โดดเด่นกว่าที่เคย”
บุญญานนท์หันมามอง ดวงตาคมเข้มสบเข้ากับแววตาใสที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเล็ก ๆ ในคำตอบ ริมฝีปากเขาเม้มเข้าหากันสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบเนกไทจากมือเธอมาดู
“อืม…เลือกได้ดี”
คำชมเพียงครึ่งประโยคจากชายที่เย็นชา ทำให้หัวใจของนภาภัสอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด เธอสูดลมหายใจเข้าลึกและพูดต่อ
“ถ้างั้น…เรื่องเสื้อผ้า...คงจะผ่านใช่มั้ยคะ”
“ถือว่าผ่าน”
“งั้นจากนี้ไปฟ้าจะดูแลเรื่องเสื้อผ้าของคุณเองค่ะ ส่วนเรื่องอาหาร...คงต้องขออนุญาตสั่งมาแทนนะคะ ไม่อย่างนั้นกว่าคุณจะได้กินข้าวฟ้าคง...”
บุญญานนท์ไม่ได้ตอบทันที เขาเพียงเหลือบตามองเธออีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปนั่งที่เดิมและเอ่ยเสียงเรียบ
“ตามใจ”