วันต่อมา
เพราะเมื่อคืนนอนดึก วันนี้เธอเลยตื่นสาย และเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องนอน เธอก็เห็นบุญญานนท์นั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทางผ่อนคลาย นภาภัสจึงได้เดินเข้าไปทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ขอโทษที่ตื่นสายนะคะ เมื่อคืนฟ้านอนไม่ค่อยหลับก็เลย...” เสียงเล็กขาดห้วงไปเมื่อเห็นว่าตรงหน้าเขามีเอกสารบางอย่างที่คล้ายกับ...
“ผลตรวจออกมาแล้ว พันแวะเอามาส่งให้เมื่อกี้น่ะ นั่งสิ”
เขาหันมาสบตาเธอด้วยแววตาเรียบนิ่ง
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับพร้อมกับหัวใจที่เต้นกระหน่ำ
บุญญานนท์เลื่อนผลตรวจมาตรงหน้าเธอ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น
“ผลตรวจบอกว่าคุณแข็งแรงดี อาจจะมีการขาดสารอาหารบางอย่างไปบ้าง แต่ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีข้อห้ามใด ๆ สำหรับการมีลูก” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบชัด ก่อนหยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“และยืนยันได้ว่า…คุณไม่เคยตั้งครรภ์หรือเคยมีเพศสัมพันธ์ในช่วงอย่างน้อยก็สามเดือนก่อนหน้านี้”
นภาภัสเม้มปากแน่น ความอับอายแล่นวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงตากลมหลบสายตาคมที่เหมือนกำลังตรวจสอบเธออย่างละเอียดราวกับเป็น ‘สินค้า’ มากกว่ามนุษย์คนหนึ่ง
“แปลว่า...ฟ้า...ยังได้อยู่ที่นี่ต่อใช่มั้ยคะ” เธอเอ่ยถามขึ้นเหมือนอยากให้แน่ใจในสถานะของตัวเอง
“ไม่ใช่แค่อยู่ต่อได้ แต่คุณต้องทำตามสัญญาของเราด้วย”
“ค่ะ ฟ้าเข้าใจแล้ว แล้ว...เอ่อ...เรา...เราต้อง...เอ่อ...ทำ...ทำลูก...” หญิงสาวบีบมือตัวเองแน่นใบหน้าสวยก้มลงด้วยความกระดาก
“คุณอยากทำตอนนี้เลยมั้ยล่ะ” คำถามนั้นเรียกสายตาเธอให้กลับขึ้นไปมองเขาทันทีก่อนจะรีบบอกปัดด้วยความตกใจ
“ไม่ค่ะ ฟ้าไม่อยากทำ คือ...ฟ้าหมายถึง...ขอ...ขอเวลาฟ้าอีกหน่อยได้มั้ยคะ”
“เมื่อไหร่ล่ะ”
“คะ?”
“เมื่อไหร่คุณถึงจะพร้อม หรือคุณคิดจะหลอกอยู่ฟรีกินฟรีไปเรื่อย ๆ โดยไม่ยอมทำงาน” คิ้วเข้มขมวดขึ้นดวงตาคมแข็งกร้าวจนเธอรู้สึกว่าตัวหดเหลือนิดเดียวเท่านั้น
“ฟ้าไม่ได้จะหลอกอยู่ฟรีกินฟรีนะคะ คุณจะให้ฟ้าทำความสะอาดก็ได้ หรือจะให้ซักผ้ารีดผ้าก็ได้ แต่...ฟ้าทำอาหารไม่ค่อยเป็น อาจจะ...”
“นั่นไม่ใช่หน้าที่ของคุณ แต่ก็เอาเถอะ ผมจะให้เวลาคุณทำใจไปอีกระยะ แต่บอกเอาไว้ว่าผมไม่ได้ใจดีอย่างที่คุณคิด และผมไม่ชอบการรอคอย เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมส่งสัญญาณว่ามันถึงเวลา คุณต้องพร้อมทำงาน ต่อให้คุณจะยังไม่พร้อมก็เถอะ”
“ค่ะ ฟ้าเข้าใจแล้ว”
“อีกอย่างหนึ่ง...เสาร์นี้ผมจะพาคุณไปที่บ้านพ่อแม่ของผม”
“บ้านพ่อแม่ของคุณเหรอคะ”
“ใช่ ในสัญญาก็เขียนไว้แล้วนี่ว่านอกจากคุณจะต้องมีลูกกับผมแล้ว คุณยังต้องทำหน้าที่แฟนปลอม ๆ ต่อหน้าพ่อแม่ของผมด้วย หรือว่าคุณลืม?”
“เปล่าค่ะ ฟ้าไม่ได้ลืม เพียงแต่...ฟ้ามีข้อสงสัย”
เธอกัดริมฝีปากแน่น ความอับอายและความคับข้องใจแล่นขึ้นมาเต็มอก
“สงสัยอะไร”
“คือ...คุณไม่เคยทำให้ฟ้ารู้สึกเลยว่าคุณอยากมีลูกเพราะความรัก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นคุณคงจะหาผู้หญิงที่คุณรักมาเป็นแม่ของลูกแล้ว ถ้าคุณไม่รู้สึกรักเค้า ทำไมถึงจะต้องมีลูกให้ได้ด้วยล่ะคะ คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าลูกก็มีหัวใจ…เด็กคนนั้นไม่ได้ขอเกิดมาเพื่อ...เพื่อสนองความต้องการของคุณเท่านั้นนะคะ สรุปว่าคุณอยากมีลูกเพราะอะไรกันแน่คะ”
บุญญานนท์นิ่งไปชั่วครู่ สีหน้าไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ก่อนจะก้าวเข้าใกล้มากขึ้นจนเธอรู้สึกเหมือนถูกข่ม
“เหตุผลที่ผมอยากมีลูกน่ะเหรอ ก็ไม่มีอะไรซับซ้อนหรอก มันก็แค่...เพื่อให้พ่อแม่ของผมสบายใจเท่านั้น” เขาตอบเสียงต่ำ หนักแน่น เด็ดขาดและเย็นชาราวกับคนไม่มีหัวใจ
นภาภัสอึ้งไปราวกับถูกตบหน้ากลางอากาศ เธอสั่นเทิ้มทั้งตัว ก่อนจะหลุดตำหนิออกมาอย่างเหลือทน
“คุณใจร้ายที่สุดเลยนะคะ…คิดจะมีลูกแค่เพื่อเหตุผลแบบนั้น คุณไม่เคยคิดถึงจิตใจของเด็กเลยเหรอคะ?”
บุญญานนท์ก้มลงเล็กน้อย ดวงตาคมเข้มเย็นชาแทบจะไร้ความรู้สึก ริมฝีปากบางเฉียบเอ่ยเพียงสั้น ๆ
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ ในเมื่อเราตกลงกันแล้ว ก็ทำหน้าที่ของคุณให้ดี อย่าลืมว่าผมไม่ได้บีบบังคับ แต่คุณเป็นคนเดินกลับมาหาผมเอง”
คำตอบนั้นเหมือนคมมีดกรีดผ่านหัวใจของเธออย่างแรง น้ำตารื้นขึ้นมาในดวงตาทันที เธอกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้มันไหลออกมาให้เขาเห็น
บุญญานนท์ยืดตัวตรงอีกครั้ง แววตายังคงเรียบเฉยราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากคำต่อว่าใด ๆ เขาหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาแล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน โดยไม่เหลียวกลับมามองเธอแม้แต่น้อย
ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันที่กดดันและเจ็บปวดอย่างที่สุด...
ได้แต่หวังว่าเมื่อลูกเกิดมาแล้ว คนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อจะรู้สึกรักลูกขึ้นมาได้ในสักวัน ไม่เห็นเขาเป็นเพียงเครื่องมือในการเอาใจบิดามารดาเท่านั้น
หลังจากบรรยากาศกดดันผ่านไปหลายชั่วโมง ยามเย็นแบบนี้ห้องพักในคอนโดหรูยังคงเงียบงันเพราะเจ้าของห้องตัวจริงยังไม่กลับจากที่ทำงาน ส่วนเธอก็หาอะไรทำไปเรื่อยเปื่อยเพื่อให้เวลามันผ่านไปแบบไม่ไร้ค่า นั่นก็คือการสืบหาตัวตนของตัวเอง
เธอใช้โทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่พันรบนำมาให้แล้วกดหาข่าวของตัวเอง แต่กลับหาไม่เจอเลยสักนิด ราวกับว่าอุบัติเหตุคืนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่แน่ว่าบุญญานนท์อาจจะปิดข่าวเพราะเขาไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียงก็เป็นได้
สุดท้ายเธอก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน รู้แค่ว่าเธอน่าจะไม่ใช่คนพื้นที่เพราะเธอฟังภาษาเหนือไม่ออกและพูดไม่ได้ด้วย จึงคิดว่าเธออาจจะเป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่โดนปล้นระหว่างท่องเที่ยวและคนที่ไล่ตามเธอนั้นก็อาจจะแค่โจรคนหนึ่ง
หญิงสาวนั่งเหม่ออยู่ที่โซฟาเบดในห้องพัก ดวงตาคู่สวยจับจ้องไปที่เส้นขอบฟ้า แสงสีทองของพระอาทิตย์ที่ใกล้จะหล่นหายไปกับยอดดอยที่อยู่ไกล ๆ ทำให้หัวใจยิ่งหม่นเศร้าจนไม่ได้ยินเสียงของประตูที่ถูกผลักเข้ามา