ตอนที่ 9 ฟ้า...นภาภัส

1062 คำ
หญิงสาวเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินออกไป ประตูเปิดแง้มรับแสงไฟโถงด้านนอกเข้ามา ใบหน้าของเธออ่อนลงด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้...คล้ายกับว่าในโลกมืดมนใบนี้ มีเพียงผู้ชายคนนี้ที่เธอสามารถฝากความไว้วางใจไว้ได้จริง ๆ เธอกอดผ้าห่มแน่น ริมฝีปากพึมพำแทบไม่ได้ยิน “ขอบคุณนะคะ…คุณนนท์” แม้เขาจะไม่หันกลับมา แต่ริมฝีปากแข็งกร้าวของบุญญานนท์ก็กระตุกขึ้นเพียงนิด ก่อนเสียงประตูปิดเบา ๆ ทิ้งเธอไว้กับความอุ่นใจที่ค่อย ๆ คลี่คลายความสิ้นหวังในหัวใจให้เบาบางลง เช้าวันใหม่ หลังจากจัดการมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้วเขาก็พาเธอเข้ามาในห้องทำงานภายในคอนโด ซึ่งตอนนี้พันรบมารออยู่แล้วพร้อมกับเอกสารสัญญาและนั่นก็ทำให้เธอเข้าใจว่ามันถึงเวลาที่พวกเขาจะคุยกันอย่างจริงจังเสียที แม้การมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย จะทำให้เธอรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย แต่หากจะคิดในอีกแง่หนึ่งมันหมายความว่าพวกเขามีพยานอีกคนที่จะรับรู้ในเงื่อนไขนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแอบเบี้ยวในภายหลัง “อ่านสิ สัญญาการจ้างงานของเรา ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจหรือต้องการอะไรเพิ่มก็บอกได้ ผมไม่ชอบเอาเปรียบใคร” น้ำเสียงเย็นชาห่างเหิน แต่ไม่ได้ฟังดูน่ากลัวเท่าใดนัก บุญญานนท์วางปากกาลงเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ สายตาเย็นจัดที่เคยใช้เจรจากับคู่ค้าใหญ่นับร้อยกำลังจับจ้องที่เธอเพียงคนเดียว หญิงสาวหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านอย่างละเอียดทีละบรรทัดเพราะกลัวว่าจะพลาดบางข้อความไป จนกระทั่งอ่านมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายเธอจึงได้เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามเสียงสั่น “แล้วฉันต้อง…ทิ้งลูกให้คุณเลยใช่มั้ยคะ หมายถึง...หลังจากที่คลอดเค้าแล้ว” คำถามที่เหมือนคมมีดเฉือนกลางอกทำให้บรรยากาศในห้องหนักขึ้นอีกระดับ พันรบที่ยืนเงียบอยู่ข้างโต๊ะก็เผลอเบือนหน้าหลบ ไม่กล้ามองสายตาเจ็บปวดของผู้หญิงคนนี้ บุญญานนท์สบตาเธอตรง ๆ ไม่มีหลบเลี่ยง ไม่มีคำปลอบโยนใด ๆ “ผมจะให้คุณได้ดูแลลูกอย่างน้อยสามเดือน ไม่ใช่เพื่อคุณ แต่ลูกควรได้กินนมแม่มากกว่านมผง” ร่างเล็กสั่นน้อย ๆ น้ำใส ๆ เอ่อขึ้นในดวงตา หญิงสาวรีบเบือนหน้าหนีไม่ให้เขาเห็นหยดน้ำตาที่กำลังจะไหล “ขอบคุณค่ะ อย่างน้อย...ฉันก็ยังได้ใช้เวลาร่วมกับเค้า” “ไม่ต้องห่วง ลูกของผมจะมีทุกอย่างที่เค้าควรมี เว้นก็แค่...แม่ของเค้าเท่านั้น” ความเย็นชาในน้ำเสียงทำให้หัวใจหญิงสาวปวดร้าวจนแทบขาด เธอหลับตาแน่น กำมือสั่นเทาอยู่ข้างลำตัว ในหัวเต็มไปด้วยคำถาม ทำไมต้องเป็นฉัน ทำไมชีวิตถึงถูกบีบให้เหลือเพียงทางเลือกเดียว แต่เมื่อภาพความจริงปรากฏขึ้น เธอไร้บ้าน ไร้ญาติ ไม่มีแม้กระทั่งชื่อในบัตรประชาชน ไม่มีอนาคตให้ยึดเหนี่ยว ยิ่งเมื่อเคยเผชิญกับความโหดร้ายของโลกมาก่อนหน้า ความดื้อดึงก็ถูกกดทับจนหมดสิ้นเหลือเพียงเสียงสะอื้นที่ก้องในอกเท่านั้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง น้ำตาคลอแต่แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและยอมจำนน “ฉันหวังแค่ว่า...คุณจะรักเค้าให้มากเท่าที่ฉันรัก ต่อให้เค้าจะไม่ได้เกิดขึ้นมาจากความรักของเราก็ตาม” คำตอบนั้นร่วงหล่นลงกลางห้องเหมือนหินหนักนับร้อยก้อน ทุกอย่างเงียบสนิท แม้แต่ลมหายใจก็ดูดังเกินไป บุญญานนท์พยักหน้าช้า ๆ ดวงตาเย็นจัดเหมือนน้ำแข็ง ทว่าในส่วนลึกสุดของหัวใจกลับกระตุกวูบอย่างที่เขาไม่อยากยอมรับ เธอค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับปากกาที่วางอยู่ ริมฝีปากกัดแน่นจนเลือดซึม ก่อนจะเอื้อมมือไปวางบนกระดาษ แต่พอจะเซ็นชื่อเธอกลับชะงักไป “มีอะไร” “ฉัน...ไม่รู้ว่าควรเซ็นชื่อว่าอะไร จนถึงตอนนี้...ฉันยังไม่มีชื่อให้เรียกเลยค่ะ” ดูเหมือนว่าเขาเองก็เพิ่งจะนึกออกเช่นกัน ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ผนังกระจก วันนี้ท้องฟ้าช่างดูสดใสไม่เหมือนหัวใจของใครบางคนที่กำลังหม่นเศร้า “ฟ้า...” ชื่อนั้นถูกเอ่ยขึ้น ก่อนที่เขาจะหันกลับมาสบตากับเธอ “นับจากนี้ไป...คุณชื่อฟ้า...นภาภัส” “ฟ้า...นภาภัส” เธอทวนชื่อนั้นอีกครั้ง “อืม เซ็นชื่อนภาภัสตามนี้” เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วโน้มตัวเขียนชื่อจริงของเธอเป็นตัวอย่างลงบนกระดาษอีกแผ่นให้เธอดูว่าต้องสะกดอย่างไร จากนั้นก็คืนปากกาให้เธอ หญิงสาวจึงได้เขียนชื่อที่เขาบอกลงไปในช่อง ‘ผู้รับจ้าง’ ส่วนเขาก็เซ็นชื่อลงในช่อง ‘ผู้ว่าจ้าง’ และพันรบก็รับกระดาษแผ่นนั้นไปเซ็นชื่อในช่องของ ‘พยาน’ และสัญญาฉบับนี้ก็กลายเป็นเครื่องตอกย้ำว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ถูกเลือกเพราะความรัก แต่เป็นเพียง ‘เมียอุ้มบุญ’ ที่ถูกซื้อด้วยสัญญา บุญญานนท์มองเธอครู่หนึ่ง แววตาคมกริบของนักธุรกิจที่ไม่เคยลังเลกับการตัดสินใจใด ๆ กลับสั่นไหวเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือเก็บสัญญาขึ้นมา ก่อนจะเปิดลิ้นชักฝั่งขวามือแล้วนำซองเอกสารสีน้ำตาลขึ้นมาแล้วยื่นให้เธอ “นี่คือค่าจ้างส่วนแรกตามที่ตกลงไว้ ผมให้คุณก่อนหนึ่งล้านบาท และอีกหนึ่งล้านจะตามมาหลังการตรวจสุขภาพเรียบร้อย อีกสิบแปดล้านที่เหลือคือตอนที่คุณคลอดเค้าออกมา ซึ่งทั้งหมดนี้จะไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นอย่างพวกเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าหรืออาหารการกินของคุณ ของพวกนั้นผมจะจ่ายให้คุณต่างหาก” ‘นภาภัส’ มองซองเอกสารด้วยความรู้สึกที่ไม่ใกล้เคียงกับความดีใจเลยสักนิด แต่เมื่อเลือกไปแล้วเธอก็ต้องรับเอาไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม