ตอนที่ 8 ชีวิตใหม่

1133 คำ
คำตอบสั้น ๆ แต่กลับทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง เพราะไม่คิดว่าเขาจะพาเธอเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวได้รวดเร็วแบบนี้ เดิมทีคิดว่าเขาอาจจะพาเธอไปเปิดห้องเช่าถูก ๆ ที่ไหนสักแห่งเท่านั้นเพราะสภาพของเธอในตอนนี้มันย่ำแย่จนไม่อยากจะยืนข้างเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เขากลับพาเธอออกมาด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของพนักงานที่มองมาเลยสักคน หญิงสาวนิ่งไปนาน ก่อนจะตัดสินใจพูดประโยคที่ยากที่สุด “คุณ...จะให้ฉัน...เอ่อ...ระ...เริ่มงาน...เลยเหรอคะ” เขาไม่ตอบในทันที...มือที่กำพวงมาลัยแน่นขึ้นก่อนจะถอนหายใจออกมา “แน่ใจนะว่าจะเลือกทางนี้ ผมรู้ว่าคุณไม่มีที่ไปก็เลยต้องรับข้อเสนอ แต่ก็ไม่อยากให้คุณรู้สึกเกลียดตัวเองเมื่อถึงเวลาที่...คุณต้องส่งเค้าให้ผม” เสียงเขานุ่มลงอย่างคาดไม่ถึง แต่คำว่า ‘เค้า’ ที่เขาพูดถึง มันก็ทำให้ลมหายใจของเธอสะดุดในทันทีเพราะเธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร หญิงสาวเงยหน้ามองสันกรามของเขา...ผู้ชายที่ทั้งน่าเกรงขามและน่าไว้ใจในเวลาเดียวกัน “ฉันต้องเกลียดตัวเองอยู่แล้วค่ะ แต่...ฉันเชื่อว่าถ้าเค้ามีคุณเป็นพ่อ เค้า...จะต้องมีความสุข ต่อให้เค้าจะไม่มีแม่ก็ตาม” น้ำเสียงนั้นแหบพร่าและเต็มไปด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด “ถ้าอย่างนั้น...” เขาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเด็ดขาดเหมือนเดิม “นับจากวินาทีนี้ไป ผมจะดูแลคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นที่พัก หรือค่าใช้จ่ายของคุณทั้งหมด และ...ผมจะไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องคุณได้อีก” คำสุดท้ายนั้นหนักแน่นจนความหม่นเศร้าก่อนหน้าดูจะคลายลงไปจนแทบหมดสิ้น “ขอบคุณค่ะ ฉันสัญญาว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด จนกว่า...สัญญาของเราจะสิ้นสุดลง” เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แค่ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมห้องโดยสารอีกครั้ง ราวกับจะให้เวลาเธอได้เตรียมตัวเตรียมใจในการเข้าไปสู่โลกใบใหม่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เสียงประตูห้องคอนโดหรูถูกเปิดออกด้วยนิ้วเรียวยาวของบุญญานนท์หลังการกดรหัสผ่าน แสงไฟสีอุ่นจากโคมในห้องนั่งเล่นสาดกระจายไปทั่วพื้นที่กว้างที่ตกแต่งเรียบหรูแบบมินิมอล โซฟาหนังแท้สีเข้มสะท้อนเงาเล็กน้อยจากโคมไฟเพดาน บรรยากาศสงบจนได้ยินเพียงเสียงฝนข้างนอกที่ยังพรำลงมาเบา ๆ “คุณไปอาบน้ำที่ห้องผมก่อนละกันนะ” เขาพาเธอเข้าไปยังประตูห้องหนึ่ง น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาเอ่ยสั้น ๆ ไม่ใช่คำสั่งที่ดังนัก แต่เด็ดขาดพอที่จะทำให้หญิงสาวพยักหน้าอย่างว่าง่าย หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้องนอนนั้นด้วยแววตาที่ทั้งเกรงใจและไม่คุ้นชิน ขณะที่มือเธอยังกำชายเสื้อสูทของเขาไว้แน่นเหมือนยังไม่อยากปล่อย เขามองสายตานั้นแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตัวหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ “ใส่ไปก่อน” เขาเอ่ยเรียบ ๆ “ผมไม่มีเสื้อผ้าของผู้หญิง” “ขอบคุณค่ะ” เธอรับมาอย่างเก้อ ๆ ปลายนิ้วที่พันผ้าไว้สัมผัสหลังมือเขาแวบหนึ่งก็รีบชักกลับ ความต่างระหว่างความบอบบางกับความแข็งแรงทำให้หัวใจเธอสั่นวูบ เธอก้าวเข้าไปในห้องน้ำ กระจกบานใหญ่สะท้อนร่างที่ทั้งเปียกปอนทั้งอิดโรย น้ำฝนเกาะตามเส้นผมและเสื้อผ้าเก่าที่แนบตัวจนรู้สึกหนาวสั่นไปหมด การได้สัมผัสน้ำอุ่นจากฝักบัวเหมือนชำระล้างความกลัวและความสิ้นหวังที่ตามหลอกหลอนมาตลอดทั้งวันออกไปทีละน้อย เมื่อเธออาบน้ำเสร็จแล้วก้าวออกมาในเสื้อเชิ้ตที่ใหญ่เกินตัวกลิ่นน้ำยาซักผ้าของเขาอวลอยู่รอบตัว เสื้อเชิ้ตยาวเกือบคลุมถึงเข่า แขนเสื้อพับขึ้นลวก ๆ จนดูน่าเอ็นดูเหมือนเด็กหลงอยู่ในเสื้อผู้ใหญ่ ทันทีที่ออกจากห้องน้ำ กลิ่นหอมบาง ๆ ลอยมากระทบจมูก...กลิ่นข้าวต้มร้อน ๆ ที่เพิ่งยกขึ้นจากเตา เธอชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเห็นบุญญานนท์ยืนอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวแบบเปิด ร่างสูงในชุดเดิมกำลังจัดชามข้าวต้มลงบนโต๊ะอาหารอย่างใจเย็น “กินสิ” เขาบอกสั้น ๆ แล้วดึงเก้าอี้ออกให้เธอนั่ง หญิงสาวนั่งลงอย่างเกรงใจ ตักข้าวต้มเข้าปาก รสชาติกลมกล่อมจนดวงตาสั่นไหว...มันไม่ได้อร่อยเพราะเครื่องปรุงเพียงอย่างเดียว แต่เพราะนี่เป็นอาหารมื้อแรกที่เธอรู้สึกว่ามันเป็นของเธอจริง ๆ อาหารที่เธอไม่ต้องทำงานแลกหรือร้องขอความเมตตาจากใครเพื่อให้ได้มันมา บุญญานนท์นั่งลงฝั่งตรงข้าม เขาไม่ได้กินด้วยเพียงแต่นั่งพิงเก้าอี้มองเธอเงียบ ๆ ดวงตาคมเข้มไร้อารมณ์ แต่แฝงความนิ่งสงบจนเหมือนเป็นกำแพงที่มั่นคง ทว่าเบื้องหน้าของเขามีกล่องปฐมพยาบาลเตรียมพร้อมสำหรับเธอแล้ว “อิ่มรึเปล่า” เขาถามเสียงเรียบเมื่อเห็นเธอวางช้อนเพราะข้าวต้มเกลี้ยงชามแล้ว “ค่ะ อิ่มมากเลย ขอบคุณนะคะ” เธอพยักหน้าเบา ๆ เขาจึงเอ่ยต่อ “งั้นยื่นมือมา” หญิงสาวลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยื่นมือที่พันผ้าออกไป เขาใช้กรรไกรตัดผ้าที่เปียกชื้นออกอย่างระมัดระวัง ลมหายใจเธอติดขัดเมื่อเขาก้มลงใกล้ แสงไฟสะท้อนเส้นผมสั้นเรียบของเขาที่เนี้ยบจนไร้ที่ติ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของน้ำหอมผู้ชายแตะจมูก เขาทำแผลให้ใหม่ด้วยมือใหญ่ที่มั่นคงแต่สัมผัสอ่อนโยนเกินคาด ทุกการพันผ้าแน่นพอดีไม่ทำให้เจ็บมากขึ้น ความใส่ใจที่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำใด ๆ ทำให้น้ำตาเธอคลอโดยไม่รู้ตัว “คืนนี้ไปนอนห้องเล็กก่อน” เขาพูดขณะเก็บกล่องปฐมพยาบาลโดยไม่เงยหน้ามองเธอ “วันนี้คุณเจอเรื่องหนักมามากพอแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันใหม่” คำพูดนั้นเหมือนทั้งคำสั่งและคำปลอบในเวลาเดียวกัน ความเย็นชาในน้ำเสียงแต่เต็มไปด้วยความห่วงใยที่แฝงลึกอยู่ข้างในนั้นก่อนที่เขาจะเขาพาเธอไปยังห้องนอนเล็ก เปิดไฟอุ่นและวางผ้าห่มสะอาดบนเตียง “นอนซะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวลใจ” เขาบอกแล้วหมุนตัวกลับไปที่ประตู
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม