เขาหยุดชั่วขณะเมื่อเห็นเธอ...สายตาคมเข้มไล่จากผมที่เปียกชุ่มผ่านเสื้อผ้าบางแนบกายลงมาที่ปลายนิ้วพันผ้า ก่อนจะกลับขึ้นมาจับที่ดวงตาเธอโดยตรง เงียบ…เงียบอย่างกับโลกทั้งโถงหยุดหมุน
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เขามายืนอยู่ตรงนี้ แต่เพราะได้รับรายงานจากพันรบว่าเธอกลับมาหาเขาแล้ว เขาจึงได้ลงมาจากห้องทำงานและมายืนอยู่หน้าเธอตรงนี้ ทำราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากความตั้งใจ ทว่าเมื่อเห็นสภาพของเธอในตอนนี้ เขาก็รู้สึกร้อนวาบขึ้นมากลางอกจนแทบจะระเบิด
“คุณ…” เสียงเขาทุ้มต่ำ ห้วน สั้น แต่หนักแน่น
“เกิดอะไรขึ้น”
คำถามธรรมดา แต่ทำเอาน้ำตาเธอท่วมขอบตาทันทีเพราะสำหรับคนที่ไม่มีใครอยากสนใจ คำว่า ‘เกิดอะไรขึ้น’ ของเขากลับทำให้เธออุ่นซ่านไปถึงหัวใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เธอส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนตอบเสียงสั่น
“ฉันแค่...คือ...ทางเลือกที่คุณเคยให้...ถ้าฉันขอรับไว้ตอนนี้...จะยังทันมั้ยคะ ฉันไม่มีที่ไปแล้วจริง ๆ แล้วก็...ไม่อยากกลายเป็นแค่เศษขยะ...ในสายตาของใครอีกแล้ว ฉันเหนื่อยจนแทบไม่มีแรงเดินแล้วค่ะ”
ขากรรไกรเขากระตุกน้อย ๆ เหมือนคนพยายามข่มโทสะ ยิ่งเห็นร่องรอยบาดแผลที่มือของเธอเขาก็เดาได้ทันทีว่าเธอคงเจอเรื่องหนักหนามาไม่น้อย ชายหนุ่มถอดสูทที่พาดแขน คลี่มันออกแล้วคลุมลงบนไหล่แคบของเธออย่างไม่ให้เสียเวลาอีก
“ลุกขึ้น” เสียงนั้นเด็ดขาดจนเธอลุกตามโดยอัตโนมัติ ปลายนิ้วที่บาดเจ็บเผลอเกาะชายเสื้อสูทไว้ราวกับกลัวว่าถ้าปล่อยมือเขาอาจเปลี่ยนใจ เขาเหลือบลงมามองมือนั้น...ไม่พูดอะไร...แต่หมุนตัว ผายมือให้เธอเดินเคียงไปทางประตูอัตโนมัติ
พนักงานเปลด้านนอกชะงักเมื่อเห็นเจ้านายกับสาวปริศนาที่ดูซอมซ่อจนเขาแอบคิดว่าเธออาจจะเป็นคนบ้ามาก่อนหน้านี้ ยิ่งเมื่อเห็นผู้เป็นนายโอบประคองเธอเดินออกไป เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาและคิดว่าโชคดีเหลือเกินที่เขาปฏิบัติกับเธออย่างสุภาพ ไม่อย่างนั้นคืนนี้อาจเป็นคืนสุดท้ายที่เขาได้ทำงานที่นี่
ลมกลางคืนพัดแรงกว่าเดิมเมื่อประตูเลื่อนเปิด เสียงฝนที่ยังพรำกระทบหลังคาทางเดินเป็นเม็ด ๆ เขาพาเธอไปยังรถเอสยูวีสีดำเงาที่จอดอยู่ใต้ตึก เขากดรีโมตปลดล็อกแล้วเปิดประตูฝั่งผู้โดยสาร ก่อนบอกสั้น ๆ
“ขึ้นไปสิ”
เธอก้าวเข้าไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ มือที่เจ็บทำให้ดันประตูช้า เขาเลยเอื้อมมาปิดให้ เธอสะดุ้งกับระยะห่างเพียงน้อยนิดนั้น กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ แบบผู้ชายสะอาดชัดเจนขึ้นในพื้นที่แคบของรถ ก่อนสติจะกลับมาเมื่อเขาอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับแล้วเสียงเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นอย่างนุ่มนวล เขาหยิบทิชชูจากคอนโซลมายื่นให้
“ซับน้ำที่หน้ากับผมไปก่อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” น้ำเสียงยังเรียบ แต่เบาลง
“คุณหนาวมั้ย”
เธอพยักหน้าอาย ๆ เขาจึงหมุนสวิตช์ฮีตเตอร์ ส่งลมอุ่นออกจากช่องแอร์ เอื้อมไปที่เบาะหลังดึงผ้าห่มผืนบางมากางวางบนตักเธออีกชั้น
“ขอมือหน่อย”
เธอทำหน้างงก่อนจะยื่นมือข้างที่พันผ้าอย่างลังเล เขายื่นมือไปจับอย่างระมัดระวัง นิ้วใหญ่พลิกให้ฝ่ามือหงายขึ้นก่อนโปะทิชชูซับเลือดที่ยังซึม
“เจ็บมากมั้ย”
“ไม่...ไม่เท่าไหร่แล้วค่ะ” เธอส่ายหัวทั้งที่แสบจนอยากร้องไห้ด้วยซ้ำไป
“เดี๋ยวค่อยทำแผลละกัน ความจริงจะทำแผลที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่มันดึกแล้วดูจากสภาพคุณตอนนี้ผมว่าคุณควรได้พักก่อน”
เขาดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งออกจากลานจอดอย่างมั่นคง ใบปัดน้ำฝนปาดเม็ดฝนออกเป็นจังหวะ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเงียบไปนาน เขาก็เอ่ยถามขึ้นเหมือนอึดอัดใจเต็มที
“เล่ามา ก่อนจะมาเจอผมคุณไปเจออะไรมาถึงมีสภาพแบบนี้”
หญิงสาวเม้มปาก...พยายามเรียบเรียงสิ่งที่ไม่อยากเรียบเรียงและนึกถึงสิ่งที่ไม่อยากจดจำเลยสักนิด
“ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลของคุณวันนั้นฉัน...ไปขออาศัยที่วัดอยู่สามวันค่ะ โชคดีที่วัดมีงาน...เอ่อ...งานศพ เลยพอได้อาศัยขายแรงแลกข้าวกินได้บ้าง แต่วันนี้งานศพเสร็จสิ้นแล้ว ฉันก็ไม่อยากรบกวนทางวัดอีก ก็เลย...ไปหางานล้างจานค่ะ…แต่เหมือนฉันทำไม่ค่อยเป็นเลยทำจานแตกไปหลายใบ แล้ว...” คำถัดไปติดอยู่ตรงคอ เธอซ่อนหน้าลงช้อนตามองเขาเพียงแวบเดียวแล้วก้มลงต่อเหมือนไม่กล้าพูด
“แล้วอะไรอีก”
“คือ...น้องชายเจ้าของร้านเค้า...เข้ามาลวนลามฉันค่ะ ฉันกลัวเลยผลักเค้าล้มทำให้จานแตกอีกหลายสิบใบ เจ้าของร้านโมโหมาก ฉันก็เลยวิ่งหนีออกมาตั้งใจจะกลับวัดแต่ประตูวัดปิดแล้วก็เลยเข้าไปไม่ได้ ฉันเลย...ตัดสินใจ...มาหาคุณ”
เขาเงียบไปนานหลังเธอพูดจบก่อนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ฟังดูน่ากลัว แต่ไม่ใช่น่ากลัวสำหรับเธอ...
“ร้านไหน”
“ช่างเถอะค่ะ ฉันผิดเองที่ไม่ได้เรื่อง แค่ล้างจานก็ทำไม่ได้”
“แน่ใจนะว่าไม่อยากเอาเรื่อง”
“ค่ะ ฉันไม่อยากไปยุ่งกับพวกเค้าอีกแล้ว”
“งั้นก็ตามใจ” แล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเลย ความเงียบจึงได้ปกคลุมภายในห้องโดยสารอยู่นานราวกับไม่มีใครนั่งอยู่ในนี้
ไฟถนนทอดผ่านกระจกหน้ารถเป็นเส้นยาว เธอกอดผ้าห่มแน่นขึ้น ความรู้สึกปลอดภัยแล่นขึ้นมากลางอก เหมือนว่าการได้อยู่ใกล้เขาจะทำให้เธอไม่ต้องกังวลใจอะไรอีกแล้วจริง ๆ
หญิงสาวหลุบตาลงกับชายเสื้อสูทบนไหล่ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างน่าประหลาดก่อนแล้วเงยหน้าขึ้นถามเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เรา...กำลังไปไหนเหรอคะ”
เขาเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนตอบคำถามนั้น
“ห้องผม”