ภายในรถพยาบาลกำลังวุ่นวาย เสียงสัญญาณชีพจากเครื่องวัดดังติ๊ด ๆ คงที่ บุญญานนท์ที่ขับรถตามอยู่ด้านหลังกำลังนึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่หมดสติ มือใหญ่เผลอกำหมัดแน่นอยู่บนพวงมาลัย ความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจแล่นวาบขึ้นมาในอก
เขาไม่รู้จักเธอ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่ภาพตอนที่เธอวิ่งตัดหน้ารถเขา กับเสียงกระแทกที่ยังดังก้องอยู่ในหู…มันทำให้หัวใจเขาเหมือนถูกบีบแน่น
คงเพราะเขาไม่เคยขับรถชนใครมาก่อน และเลือดที่โชกของเธอมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกและนั่นก็ทำให้เขาได้แต่บอกตัวเองว่า
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขา...ต้องรับผิดชอบผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้เธอจะเป็นฝ่ายวิ่งตัดหน้ารถของเขาเองก็ตาม แต่ตอนนี้ความถูกต้องไม่สำคัญเท่ากับชีวิตหนึ่งที่อาจจะดับสูญไปได้ตลอดเวลา
โรงพยาบาลสิริเวช
รถพยาบาลจอดสนิทที่ทางเข้าฉุกเฉิน แพทย์เวรและพยาบาลรีบวิ่งออกมาต้อนรับ หญิงสาวถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินทันที บุญญานนท์ก้าวตามไปด้วย ใบหน้าคมขรึมเคร่งเครียดจนพนักงานหลายคนไม่กล้าสบตา
เขายืนรอหน้าห้องฉุกเฉินนานเกือบชั่วโมง ทุกนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ความเงียบยิ่งตอกย้ำความกังวลในใจ ระหว่างนั้นพยาบาลก็มาถามข้อมูลส่วนตัวของเธอกับเขา แต่เขาก็ตอบอะไรไม่ได้เลย ตอนนี้เธอจึงได้กลายเป็นคนไข้ไม่มีชื่อสำหรับพวกเขาชั่วคราว
จนกระทั่ง…ประตูห้องเปิดออกหลังจากนั้นนานเกือบสองชั่วโมงแพทย์หนุ่มจึงได้เดินออกมาพร้อมรายงานเบื้องต้น
“ผู้ป่วยเพศหญิงไม่ทราบชื่อ อายุประมาณยี่สิบกลาง ๆ ศีรษะกระแทกแรง ทำให้มีเลือดออกแต่ไม่พบเลือดคั่งในสมอง ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้วครับ เดี๋ยวเราจะย้ายเธอไปที่ห้องผู้ป่วยรวม...”
“ให้ย้ายไปห้องพิเศษ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดลงบัญชีของผมไว้ และจัดให้มีพยาบาลคอยดูแลทุกสองชั่วโมงจนกว่าเธอจะฟื้น” เขาบอกน้ำเสียงหนักแน่น
“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้ ขอตัวก่อนนะครับ”
“อืม”
“ไม่เป็นไรครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว แต่ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วผมว่าผู้อำนวยการกลับไปพักผ่อนเถอะครับ ยังไงคืนนี้เธอก็คงยังไม่ฟื้น เอาไว้พรุ่งนี้เธอฟื้นเมื่อไหร่ผมจะให้พยาบาลโทรไปแจ้งนะครับ”
“ขอบใจนะหมอ”
“ครับ”
หมอหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉินอีกครั้ง ส่วนเขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอยังมีลมหายใจอยู่ จากนั้นเขาก็เดินทางกลับเพราะตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีสองแล้ว
เช้าวันใหม่
ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษหญิงสาวนอนนิ่งอยู่บนเตียงสีขาว สายน้ำเกลือพาดผ่านแขนเรียว แสงไฟอ่อนสาดลงบนใบหน้าซีดเซียวบุญญานนท์ยืนมองอยู่นาน มือใหญ่กอดอกแน่น หัวใจเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ทั้งที่พยาบาลยังไม่ได้โทรแจ้ง แต่วันนี้เขากลับรีบมาโรงพยาบาลแต่เช้าทั้งที่เพิ่งจะได้นอนไม่กี่ชั่วโมง และห้องแรกที่เขามาก็ไม่ใช่ห้องทำงาน แต่เป็นห้องของคนไข้ไม่มีชื่อคนนี้
ใช่...เธอไม่มีชื่อ ไม่มีประวัติอะไรเลย และไม่มีญาติมาตามหาเธอด้วย
เขานั่งมองหน้าเธออยู่นานร่วมชั่วโมง มองจนแทบจะจำทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเธอได้อยู่แล้ว และสิ่งหนึ่งที่เขาต้องยอมรับเลยก็คือ...เธอมีใบหน้าที่สวยมาก แถมรูปร่างก็ยัง...
ความคิดของเขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเปลือกตาเธอค่อย ๆ ขยับขึ้น
ดวงตากลมโตปรือเปิดทีละน้อย จนเห็นความพร่ามัวของแสงไฟ เธอหอบหายใจสั้น ๆ ก่อนกะพริบตาเพื่อปรับสายตา
“คุณ…ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว แม้น้ำเสียงจะไม่ได้บ่งบอกว่าดีใจแค่ไหน แต่แววตานั้นแสดงออกว่าเขาโล่งอกที่เธอฟื้นขึ้นมาเสียที
หญิงสาวหันตามเสียง ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยก่อนเอ่ยถามเสียงแผ่ว
“ฉัน…ฉันอยู่ที่ไหนคะ”
“โรงพยาบาลน่ะ เมื่อคืนคุณวิ่งตัดหน้ารถผม จำได้รึเปล่า”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้คาดคั้นแต่ก็เต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้
“โรงพยาบาล...วิ่งตัดหน้ารถ...”
เธอทวนคำพลางขมวดคิ้วเหมือนพยายามนึกอะไรบางอย่าง แต่ยิ่งนึก…สีหน้าก็ยิ่งว่างเปล่า
“ฉัน...จำไม่ได้เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร คุณเพิ่งฟื้นอาจจะยังสับสน แล้วคุณชื่ออะไรล่ะ เจ้าหน้าที่จะได้ทำประวัติคุณไว้ แล้วจะได้ช่วยติดต่อญาติพี่น้องให้ด้วย” เขาถามต่อ
เธอส่ายหน้าเบา ๆ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ฉัน…จำไม่ได้เลย…จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง…”
คราวนี้กลายเป็นเขาที่ต้องขมวดคิ้วเสียเอง เขาจึงได้กดปุ่มเรียกพยาบาลให้เข้ามา
“มีอะไรรึเปล่าคะท่านผู้อำนวยการ”
“คนไข้เหมือนจะความจำเสื่อม ไปตามหมอมาประเมินอาการให้ที”
“ได้ค่ะ” แล้วพยาบาลก็รีบก้าวออกไปตามคำสั่ง เมื่อได้ยินพยาบาลเรียกเขาว่าผู้อำนวยการ ก็ทำให้คนป่วยยิ่งรู้สึกกลัว
“คุณ...คุณจะเอาเรื่องฉันรึเปล่าคะ” เธอถามเสียงสั่น
“ไม่หรอก ผมแค่อยากรู้ว่าสมองของคุณได้รับความกระทบกระเทือนมากกว่าที่เราเข้าใจรึเปล่าเท่านั้นเอง”
แม้เสียงเขาจะฟังดูนุ่มนวล แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขากำลังจับผิดและอาจไม่เชื่อว่าเธอจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ
ไม่นานหมอก็เข้ามาตรวจอาการของเธอ ก่อนจะพาเธอเข้าเครื่อง MRI เพื่อตรวจดูสมองอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะให้คำตอบกับผู้อำนวยการหนุ่มในช่วงบ่ายในห้องทำงานของเขาเอง
“ดูเหมือนว่าคนไข้จะเกิดภาวะ Post-Traumatic Amnesia เรียกสั้น ๆ ว่า PTA หรือภาวะการสูญเสียความทรงจำชั่วคราวครับ โดยจะมีอาการตั้งแต่จำเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ได้ เรียกว่าความจำเสื่อมย้อนหลัง หรืออาจจะจำข้อมูลใหม่ไม่ได้ เรียกว่าความจำเสื่อมไปข้างหน้า หรืออาจจะเป็นได้ทั้งสองอย่าง แต่สำหรับเคสนี้ผมว่าเป็นอย่างแรกครับ”
“แปลว่า...เธอไม่ได้โกหกงั้นเหรอ”
“ครับ”
“แล้วอีกนานมั้ยกว่าความจำของเธอจะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม”
“ภาวะนี้จะคงอยู่จนกว่าความจำต่อเนื่องจะกลับคืนมา และระยะเวลาของ PTA เป็นตัวบ่งชี้ความรุนแรงของการบาดเจ็บที่สมองครับ” นี่คือคำตอบที่หมออธิบายกับเขา
“สรุปคือชี้ชัดไม่ได้สินะว่าเธอจะกลับมาเป็นปกติได้เมื่อไหร่”
“ก็...ประมาณนั้นครับ”
“อืม ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณมากครับหมอ คุณไปทำงานต่อเถอะ”
“ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ”
แพทย์เฉพาะทางระบบประสาทและสมองก้าวออกไปแล้ว บุญญานนท์จึงได้กลับลงไปดูคนไข้สาวปริศนาของเขาอีกครั้ง แต่ตอนนี้เธอหลับไปแล้ว
ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งแล้วมองเธอนิ่ง ตอนนี้คำถามของเขามีเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แต่เขาจะทำอย่างไรกับเธอนับจากนี้ต่างหาก