ตอนที่ 1 ไร้ความทรงจำ...(1)

1165 คำ
เสียงโทรศัพท์มือถือของบุญญานนท์ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของบิดาเขาก็รีบกดรับสายทันทีเพราะกลัวเสียงโทรศัพท์จะปลุกคนไข้ให้ตื่น (“ครับพ่อ”) เขาเหลือบตามองหญิงสาวบนเตียงที่ยังตัวสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะกดรับสายอย่างรวดเร็ว (“นนท์ สรุปว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น”) (“ไม่มีอะไรครับ แค่อุบัติเหตุนิดหน่อย ผมเคลียร์แล้ว”) (“แล้วลูกไม่บาดเจ็บใช่มั้ย”) (“ไม่ครับ ผมสบายดี”) (“เฮ้อ งั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย แล้วสรุปว่าเรื่องแฟนของลูกนี่ยังไงนะ ช่วยบอกพ่อหน่อยสิว่าพ่อไม่ได้ฟังผิดไป ลูกมีแฟนแล้วจริง ๆ อย่างนั้นใช่รึเปล่า”) (“คือผม...”) (“นนท์...อย่าบอกนะว่าลูกพูดเพื่อให้พ่อสบายใจเท่านั้น เอาอย่างนี้มั้ยถ้าลูกยังไม่มีใครก็ไม่เป็นไร พ่อจะนัดให้เจอหลานสาวเพื่อนพ่อสักหน่อยนะ วันเสาร์นี้ดีมั้ย พ่อมีตัวเลือกให้ลูกหลายคนเลยนะอายุก็มีตั้งแต่ยี่สิบปลาย ๆ จนถึงสามสิบต้น ๆ น่าจะเข้ากับลูกได้ อย่างหนูกรีนเค้าเพิ่งกลับจากเยอรมันนะ หน้าที่การงานดี เป็นถึงผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์ เป็นสาวเรียบร้อยอ่อนหวาน หรือจะเป็นหนูแพท คนนี้ทำเครื่องประดับส่งออกนะ แต่อาจจะเปรี้ยวแซ่บสักหน่อย หรือจะเป็น...”) เสียงของบิดายังคงลอยเข้ามาในหูแต่กลับไม่ไหลเข้าไปในสมองของเขาเลยแม้แต่น้อย เมื่อสายตาของเขากำลังจับจ้องไปหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้าและเธอก็ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมองเพราะได้ยินเสียงเขา แววตาสับสนวุ่นวายของหนุ่มใหญ่ค่อย ๆ คลายลงก่อนจะค่อย ๆ มีประกายบางอย่างฉายชัดขึ้นมาแทน สมองอันชาญฉลาดแล่นวาบเพราะไอเดียที่อาจแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ถ้าเขาจะต้องมีคู่ครองเพื่อตอบโจทย์ครอบครัว หรือจำเป็นต้องมีผู้หญิงข้างกายเพียงเพื่อจะได้มีหลานให้พ่อแม่ได้อุ้ม…เขาก็ควรจะได้เลือกแม่ของลูกเองไม่ใช่หรือ? ผู้หญิงที่จะไม่ทำตัวเป็นเครื่องพันธนาการและผูกมัดเขาไว้ด้วยทะเบียนสมรส คนที่ไม่จำเป็นต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต แต่ยังสามารถมีทายาทสืบสกุลให้เขาได้ และเธอจะไม่สร้างปัญหาใด ๆ ตามมาในภายหลัง คนที่ไม่มีอดีตให้ยึดติด และไม่มีอนาคตที่อยากจะไขว่คว้า คนที่เหมาะสมกับการเป็น ‘เมียอุ้มบุญ’ ของเขาที่สุดในเวลานี้ จะเป็นใครไปได้อีกหากไม่ใช่คนที่สวรรค์จับโยนลงมาตรงหน้าของเขาในตอนนี้ (“พ่อครับ ผมมีแฟนแล้ว และพ่อจะได้พบเธอในเร็ว ๆ นี้แน่นอน”) นี่คือคำตอบของเขาก่อนจะกดวางสายไป จากนั้นเขาก็ปิดเสียงโทรศัพท์และส่งยิ้มเยือกเย็นไปให้คนตรงหน้า “คุณ...” เสียงหวานแหบพร่า ลำคอแห้งผากแต่ไม่น่าจะเป็นเพราะรู้สึกกระหายน้ำแต่อย่างใด “สวัสดีอีกครั้ง ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ผมจะลืมแนะนำตัวกับคุณไป ผมชื่อบุญญานนท์ สินธนาสิริ หรือคุณจะเรียกผมว่า...คุณนนท์ก็ได้” “เอ่อ...สวัสดีค่ะคุณนนท์ ฉัน...คือฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไรดี” เธอบอกด้วยน้ำเสียงประหม่า หัวใจมันเต้นตึกตักกับรอยยิ้มแปลก ๆ ของเขาอย่างไรชอบกล “ไม่เป็นไร เรื่องนั้นเอาไว้เราค่อยหาคำตอบกันทีหลัง ผมคุยกับหมอแล้วนะ ตอนนี้คุณมีภาวะความจำเสื่อมแบบย้อนหลัง คือจำเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย” ได้ยินอย่างนั้นเธอก็ดูจะตกใจไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้เธอเข้าใจแค่ว่าตัวเองอาจจะแค่ ‘ลืม’ ข้อมูลที่สำคัญหลายอย่างไปเท่านั้น “ละ...แล้ว...แล้วอาการของฉันจะดีขึ้นเมื่อไหร่คะ ฉันคงไม่ได้ความจำเสื่อมแบบนี้ไปตลอดใช่รึเปล่า” “เรื่องนี้หมอเค้าก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ก็อาจจะต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าคุณจะกลับมาจำได้ หรือ...อาจจะจำไม่ได้ไปตลอดชีวิต” ประโยคสุดท้ายเขาตั้งใจเน้นเสียงเพื่อเพิ่มความกดดันให้เธอ เหมือนอยากให้เธอรู้สึกกดดันมากกว่าจะสบายใจ “แล้ว...แล้วไม่มีใครมาตามหาฉันเลยเหรอคะ” “ไม่มี” น้ำเสียงเย็นชานั้นบอกเธอว่าไม่มีอะไรให้เธอหวังได้เลยในตอนนี้ “แล้ว...ตำรวจล่ะคะ ตำรวจอาจจะตามหาครอบครัวของฉันได้...ใช่รึเปล่า” “เฮ้อ...” เขาถอนหายใจ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “เรื่องนั้นผมกำลังประสานงานกับทางตำรวจอยู่ แต่ถ้าคุณไม่มีประวัติอาชญากรก็อาจจะยากหน่อยเพราะต้องตามไปถึงข้อมูลทะเบียนราษฎร์ แต่...ผมว่าบางที...การรู้ว่าคุณคือใครอาจไม่ใช่เรื่องดีนักหรอกนะ” “ทำไม...คุณพูดแบบนั้นคะ” “ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนที่คุณจะวิ่งมาตัดหน้ารถผม ผมคิดว่าคุณกำลังวิ่งหนีอะไรสักอย่าง เพราะคุณดูหวาดกลัวมาก ไม่แน่ว่าอดีตของคุณ...อาจจะไม่น่าจดจำนัก” เขาบอกไปตามที่เห็นเพราะแม้จะคุยโทรศัพท์กับบิดาแต่เขาเป็นพวกที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ และเมื่อคืนนี้เขาก็จำไม่ผิดแน่นอน หางตาของเขามองเห็นว่าเธอวิ่งมาจากทางขวา เป็นการวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลยด้วยซ้ำแต่เขาก็ไม่คิดว่าเธอจะวิ่งตัดหน้ารถเขาแบบนั้น เพราะเขาเห็นเธอหยุดอยู่ริมฟุตบาทครู่หนึ่งก่อนจะพุ่งเข้ามาที่รถของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นเขามั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่นอน แม้ว่าทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นเร็วมากก็ตาม “วิ่งหนีเหรอคะ” เธอพยายามคิดทบทวน ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังก้องในโสตประสาท ‘เฮ้ย! มันหนีไปแล้ว’ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกกับเสียงที่ดังก้อง ตัวของเธอสั่นแม้จะไม่มีภาพใด ๆ ฉายชัดขึ้นมา แต่เพียงแค่เสียงนั้นก็ทำให้เธอหวาดกลัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ บุญญานนท์เห็นอย่างนั้นก็ขยับเข้าไปแล้ววางมือลงบนต้นแขนของเธอทันที “คุณ...ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย” “ฉัน...ฉันกลัวค่ะ ฉันกลัว...” “ไม่เป็นไร ตอนนี้คุณอยู่กับผม ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวนะ” แม้จะไม่เคยปลอบใครอย่างนี้มาก่อน แต่เขากลับใช้น้ำเสียงนุ่มนวลได้อย่างไม่น่าเชื่อ ขณะที่มือใหญ่ก็ลูบเบา ๆ ที่ต้นแขนอย่างที่ไม่ทำให้เธอรู้สึกว่าถูกคุกคาม แต่มันคือการปลอบประโลมที่ทำให้เธอค่อย ๆ สงบลงได้จริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม