2

1728 คำ
สามวันต่อมา 3.40 pm. "โอเค อย่างน้อยเราก็มาถึงก่อนเวลาตั้งยี่สิบนาที" ฉันหัวเราะออกมาเบาๆหลังพี่ป๋องว่าแกมตลกหลังจากที่เราเดินทางมาถึงที่พักของคุณติณณ์ และสถานที่ที่เราต้องมาทำกายภาพบำบัดเขาคือที่คอนโดที่เขาอยู่นั้นเอง ฉันเดินถือกล่องและอุปกรณ์ต่างๆตามพี่ป๋องเข้าไปภายในขณะที่ตอนนี้คุณชินกำลังยืนรออยู่แล้ว "สวัสดีครับคุณชิน" "สวัสดีค่ะ" "สวัสดีครับผมกำลังรออยู่เลย" คุณชินยิ้มให้บางๆก่อนผายมือเดินนำเราไปขึ้นลิฟต์ "วันนี้เป็นวันแรกผมเลยต้องมารอรับพวกคุณเพื่อที่จะพาไปแนะนำกับคุณติณณ์ และที่นี่คือคอนโดที่ทางบริษัทจัดหาไว้ให้คุณติณณ์พักระหว่างทำกายภาพบำบัดกับพวกคุณ" "เอ่อ เขาไม่ได้พักที่นี่เป็นหลักเหรอครับ?" "ครับ ที่นี่เป็นที่พักที่ใกล้สนามแข่งที่สุดเลยเหมาะที่จะมีไว้พักสำหรับทำกายภาพบำบัดไปด้วย" "อ่อ ครับตอนนี้ผมได้รับข้อมูลเรื่องอาการของคุณติณณ์มาแล้วที่น่าเป็นห่วงจะมีตรงข้อมือถูกต้องนะครับ" "ใช่ครับ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดถึงตอนนี้จะดูเหมือนปกติแล้วแต่อาการมักออกตอนลงสนามแข่ง ยังไงช่วยแนะนำเขาด้วยนะครับ" "ได้เลยครับ" "ตอนนี้เขาน่าจะอาบน้ำอยู่" คุณชินยกแขนขึ้นดูนาฬิกาก่อนจะเดินนำเราออกจากลิฟต์ขณะที่ฉันกับพี่ป๋องต่างมองตากัน เพราะคอนโดที่คุณติณณ์พักชั้นบนสุดทั้งชั้นมันเป็นของเขาหมดเลย "เกิดมาเพิ่งเคยมาที่แบบนี้ครั้งแรก" "พิณเองก็เหมือนกัน" ฉันตอบพี่ป๋องกลับเสียงเบาก่อนจะเดินตามพี่เขาไปที่ห้องรับแขก ด้านบนนี้เหมือนจะมีห้องหลายห้องมากไม่ว่าจะเป็นห้องซาวน่า ห้องฟิตเนส เหมือนจะรวมทุกความสะดวกมาไว้ที่นี่แล้วอ่ะ "ห้องสำหรับการทำกายภาพบำบัดจะอยู่ห้องนี้นะครับ ถ้ามาครั้งต่อไปสามารถเข้าไปรอได้เลย" คุณชินว่าพร้อมกับเปิดห้องสำหรับใช้ทำกายภาพบำบัดให้ ซึ่งด้านในแทบจะมีเครื่องมือครบครันสำหรับการบำบัดเลย เหมือนยกห้องบำบัดมาไว้ที่นี่เลยก็ว่าได้ ทุกอย่างที่นี่พร้อมซะจนฉันเผลอสูดลมหายใจเข้าปอดด้วยความตื่นเต้น "ครั้งหน้าคุณชินจะไม่อยู่ด้วยเหรอครับ?" "บางครั้งผมอาจอยู่ แต่ก็ไม่แน่เพราะผมเองก็มีเรื่องอื่นที่ต้องเคลียร์น่ะ" "อ่อครับ ส่วนเรื่องการหมุนเวียนคนคุณชินแจ้งคุณติณณ์แล้วใช่ไหมครับ?" "แจ้งเรียบร้อยแล้วครับ แต่คนที่มาด้วยทุกครั้งคือคุณพิณนราใช่ไหม?" "ครับ พิณนราเป็นผู้ช่วยเพราะงั้นเธอจะมาด้วยทุกครั้งครับ" "โอเคครับ ยังไงฝากด้วยนะครับคุณพิณนรา" "ค่ะคุณชิน" ฉันก้มหัวตอบคุณชินก่อนมองหน้าเขาอย่างกล้าๆกลัวๆจนเขาหลุดยิ้ม "ไม่ต้องกลัวนะครับ เรายังต้องทำงานกันอีกนานเพราะงั้นยิ้มให้กันเยอะๆจะดีกว่า" "ค่ะ" ฉันค่อยๆยิ้มออกมาด้วยท่าทีเกร็งๆเหมือนเดิมจนคุณชินหัวเราะขำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เดินออกไปด้านนอกก่อนเพื่อให้เราเตรียมของรอคุณติณณ์ "เขาหล่อนะคุณชินน่ะ" "ค่ะ หล่อมาก" "จีบเลยดีไหม อย่างน้อยได้คนรวยๆพิณก็ไม่ต้องทำงานหนัก" "พี่ป๋อง" "ฮ่าๆ เฮ้ยหยอกเย้าอย่าซีเรียสน่า มาๆเตรียมตัวทำงานกันเถอะเรา" ฉันหรี่ตาใส่พี่ป๋องอย่างเอือมๆ แม้เขาจะเป็นหัวหน้าทีมแต่เขาก็เป็นคนขี้เล่นแบบนี้ด้วยเลยโดนพี่คนอื่นๆในทีมตีบ่อยๆ แต่จริงๆคุณชินก็หล่อแบบสุขุมและดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ แต่คนที่ฉันอยากเจอตัวจริงที่สุดคือคนที่ฉันกับพี่ป๋องจะได้ทำกายภาพบำบัดมากกว่า แกร็ง เสียงเปิดประตูเข้ามาทำเอาฉันแทบหยุดหายใจ เพราะคนที่ฉันเพิ่งคิดถึงเมื่อกี้กำลังเดินเข้ามาแล้ว ฉันกับพี่ป๋องต่างหยุดทุกอย่างที่ทำพร้อมกับหันมองร่างสูงที่กำลังเดินเข้ามาทั้งที่ยังสวมชุดคลุมอาบน้ำอยู่ ดวงตาฉันเบิกกว้างทันทีเมื่อเห็นใบหน้าและร่างกายกำยำของเขา คุณติณณ์ที่ฉันได้เห็นจากการเสิร์ชอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันแล้ว แถมเขายังดูดีกว่าในเน็ตอีกต่างหาก ดวงตาเรียวที่ดูเฉี่ยวและเต็มไปด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความรุนแรงมันทำเอาหัวใจฉันเต้นแรงอย่างไม่รู้สาเหตุ สายตาเขามันดูน่ากลัวแต่กลับดูดีอย่างอธิบายไม่ถูก ทั้งจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวย ทุกอย่างบนใบหน้าและร่างกายของเขามันส่งให้เขาดูดีสุดๆ "มองพอยัง?" "เอ่อ ขอโทษที่เสียมารยาทครับคุณติณณ์ ผมชื่อป๋องเป็นหัวหน้าทีมนักกายภาพบำบัดที่จะมาดูแลคุณหลังจากนี้ และข้างๆผมคือน้องพิณนราผู้ช่วยครับ" ฉันสะดุ้งพร้อมกับก้มโค้งทักทายคุณติณณ์ทันทีที่เขาว่าขึ้นแบบนั้น แต่เมื่อกี้ที่เขาพูดสายตาเขามองตรงมาที่ฉันไม่ได้มองพี่ป๋องเลยนะ... มันเหมือนเขาตำหนิฉันมากกว่า และมันก็ควรเป็นอย่างนั้นเพราะฉันเองก็มองเขามากไปจริงๆ "ครับผมติณณ์ แต่จริงๆผมไม่อยากได้คนจากบริษัทนี้เลยนะทำไมไม่เปลี่ยนที่ไปซะ" "เสียมารยาทซะจริงไอ้นี่ พี่ก็บอกอยู่ว่าอย่ามาพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น" "ก็แค่เปลี่ยนทีม มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนเลยไหม" ฉันเม้มปากแน่นพร้อมกับมองพี่ป๋องที่กำลังยืนหน้าชาอยู่ข้างๆไม่ต่างกันหลังจากที่คุณติณณ์ว่าแบบนั้น เขาเดินไปนั่งบนเตียงและมองสบตากับคุณชินอย่างไม่สบอารมณ์ "ให้เขาได้ลองทำให้เต็มที่ก่อนเถอะ อย่าเพิ่งตัดสินคนอื่นก่อนเขาได้ลองทำ" "เฮ้อ คำคมวันละนิดจิตแจ่มใส" "ไอ้เด็กเวรนี่" คุณชินถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสียก่อนเขาจะหันมามองฉันกับพี่ป๋อง "ผมขอโทษแทนติณณ์ด้วยนะครับ วันนี้เขานอนไม่พอประสาทเลยเสียนิดหน่อยน่ะ เอาเป็นว่าพวกคุณเริ่มการบำบัดได้เลย ถ้ามีอะไรไม่พอแจ้งผมได้ทันทีผมจะนั่งอยู่ห้องรับแขก" "ครับ" พี่ป๋องก้มหัวขอบคุณคุณชินก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณติณณ์ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ฉันเองก็เดินไปเตรียมเครื่องนวด และตัวยาสำหรับการทำกายภาพบำบัดให้พร้อม "ผมทำงานต่อจากทีมหนึ่งก็จริง แต่ผมศึกษาร่างกายคุณติณณ์มาพอสมควร วันนี้ผมเลยอยากนวดคลายกล้ามเนื้อ และดูเรื่องข้อต่อก่อน ยังไงรบกวนคุณติณณ์ถอดเสื้อคลุมและนอนหงายด้วยนะครับ" "ทีมก่อนไม่ได้บอกเหรอว่าเขาก็ทำแบบนี้ ผมเองก็พอเดาได้เลยใส่เสื้อคลุมมารอ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นอย่างที่ตัวเองคิดจริงๆ" พี่ป๋องชะงักไปอีกครั้งเมื่อคุณติณณ์ตอบมาแบบนั้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นไหล่กว้างและกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา มันดูดีราวกับเทพสร้างแต่กว่าจะได้ฉันว่าคงเหนื่อยปั้นน่าดู ฉันยื่นยาสำหรับนวดให้พี่ป๋องก่อนเราจะเริ่มนวดคลายกล้ามเนื้อ และใช้เครื่องกระตุ้นการทำงานของเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า เพื่อคลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นและชั้นลึกก่อน ตลอดการรักษาเขาให้ความร่วมมือดีมาก แต่ถึงอย่างนั้นภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยและสายตาว่างเปล่าของเขาฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ 6.24 pm. "ให้ตาย พี่เข้าใจทีมหนึ่งแล้วว่าทำไมเขารับมือไม่ไหว" ฉันหัวเราะออกมาเบาๆหลังเอากล่อง และอุปกรณ์การบำบัดเก็บเข้าหลังรถพี่ป๋องจนเรียบร้อย พี่ป๋องส่ายหน้าไปมาด้วยความเหนื่อยล้า "โคตรอึดอัดเลยว่ะ เขาไม่พูดอะไรหลังจากเริ่มกายภาพเลย" "แบบนี้เราเองก็บำบัดยากถูกต้องไหมคะ ถึงจะมีข้อมูลแต่ถ้าเขาไม่พูดถึงอาการที่เป็นก็ไม่มีใครรู้" "อืมแบบนี้เราแย่แน่ แต่เราจะแย่กว่านี้ถ้าไม่กินข้าว ไปเถอะไปหาไรกินเดี๋ยวพี่ไปส่งหลังกินข้าวเสร็จ" "โอเคค่ะ" "แต่พี่ก็หนักใจแทนคนที่เหลือนะ พวกนั้นจะรับกับอารมณ์คุณติณณ์ได้ไหมเนี่ย" "อาจจะได้ก็ได้ค่ะพี่ป๋อง จริงๆทุกอย่างอาจดีกว่าที่เราคิดนะ" พี่ป๋องยิ้มออกมาบางๆก่อนเขาจะพยักหน้าตอบฉันด้วยรอยยิ้ม "พี่ดีใจที่อย่างน้อยทีมเราก็มีคนมองโลกในแง่ดีแบบนี้ โลกน่าอยู่ทุกอย่างมีสันติภาพ พี่อยากบวชให้ซะจริง" "อย่าเลยค่ะ เมื่อวานยังส่งมีมพระลงกลุ่มอยู่เลย" "จะว่าพี่บาปเรอะ!" "ฮ่าๆ" ฉันหัวเราะพี่ป๋องอย่างขำๆก่อนเราจะออกจากคอนโดมาหาข้าวกินอย่างที่พี่ป๋องว่าแถมพี่ป๋องยังซื้ออาหารไปฝากภรรยาและลูกๆของเขาอีก พี่ป๋องน่ะเห็นแบบนี้ก็เป็นสามีและพ่อดีเด่นของครอบครัวเลยนะ เพราะเราต่างมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเราเลยต้องทำงาน แม้ว่าจะโดนว่าจนหน้าชาแต่ก็ต้องฝืนยิ้มเพื่อให้ผ่านไปได้...ฉันเองก็ทำมาโดยตลอดและมันก็ต้องผ่านไปได้อย่างเช่นทุกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม