วันต่อมา
5.23 pm.
"มีเท่านี้เหรอการบำบัด ถ้าจะมาแล้วทำแค่นี้ผมทำเองตามยูทูปก็ได้มั้ง"
"เอ่อ การทำกายภาพบำบัดของเรามันมีขั้นตอนการทำของมันนะคะ คืออยากให้คุณติณณ์เข้าใจ"
"อ่า ผมเป็นคนเข้าใจอะไรยากด้วยสิ แต่แบบนี้มันซ้ำซากน่ารำคาญน่ะ"
พรึบ
"คุณติณณ์!"
ฉันกับพี่พายต่างพากันลุกตามคุณติณณ์ที่เพิ่งลุกออกจากเตียงก่อนเขาจะสวมเสื้อคลุมพร้อมกับหันมามองฉันกับพี่พายด้วยแววตาไม่สบอารมณ์
"ถ้าจะทำแค่นี้วันนี้พอแค่นี้เถอะผมเบื่อน่ะ"
คุณติณณ์มองพี่พายด้วยสีหน้าราบเรียบก่อนเขาจะเดินออกจากห้องไปจนเหลือแค่ฉันกับพี่พายที่กำลังยืนช็อกอยู่ในห้อง จริงๆวันนี้ฉันคิดว่าการบำบัดมันไหลลื่นมากเลยนะจนกระทั่งคุณติณณ์พูดเรื่องการทำกายภาพบำบัดขึ้น เขาเบื่อและเดินออกไปอย่างที่เห็น
"ให้ตาย ฉิบหายแน่แบบนี้"
พี่พายยกมือกุมขมับตัวเองด้วยความหนักใจก่อนเธอจะส่ายหน้าไปมา และเดินไปเก็บของทำเอาฉันเองก็ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
"พี่พาย...เราจะกลับกันเลยเหรอคะ?"
"อืม คนไข้ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้ใครจะช่วยได้ พี่เองก็ไม่ไหวว่ะสายตาเขาแม่งดูถูกเราตั้งแต่เดินเข้ามาเลย"
ฉันกลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับมองพี่พายด้วยความหนักใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรีบช่วยเธอเก็บของและเดินออกจากห้องบำบัดออกมาตามทาง ฉันพยายามมองหาคุณติณณ์แต่ก็ไม่เจอเลยจำเป็นต้องเดินตามพี่พายออกมา หลังจากนั้นพี่พายก็โทรรายงานกับพี่ป๋องระหว่างทางที่เรากลับ
และใช่ทีมเราเพิ่งได้เริ่มการทำกายภาพบำบัดวันที่สองพี่พายก็ใจออกไม่เอาอะไรแล้ว
วันต่อมา
3.40 pm.
"แล้วพี่ป๋องว่าไง"
"พี่ป๋องว่ารอดูวันนี้ค่ะ ถ้าพี่มิ้นเจอแบบที่พี่พายเจอเขาจะแจ้งทางผู้ใหญ่เอง"
"ให้ตาย เป็นคนสันดานไม่ดีเหรอผู้ชายคนนั้น"
พี่มิ้นส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอาหลังจากจอดรถ ฉันรีบลงจากรถและขนของช่วยพี่มิ้นไปขึ้นลิฟต์ที่ตอนนี้ฉันมีการ์ดเข้าออกที่คอนโดของคุณติณณ์คนเดียว เพราะต้องตามพี่ๆมาทุกวันที่บำบัด
"เสียดายความหล่อตอนแรกพี่พายดีใจอยู่นะที่จะได้ช่วยคนดัง แต่พอโดนวีนเมื่อวานคงช็อก"
"ค่ะ พี่พายเองก็ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนด้วยพี่พายดูใจเสียไปเลยพิณเองก็รู้สึกแย่ที่ช่วยอะไรพี่เขาไม่ได้เลย"
"มันเป็นเรื่องของคนไม่เป็นไรหรอก วันนี้พี่เองก็อาจจะแย่กว่าเมื่อวานอีกนะฮ่าๆ"
"โหพี่มิ้น อย่าให้แย่เลย"
"เอาเถอะวันนี้เราจะดูเรื่องข้อ อย่างน้อยพี่ก็ต้องทำให้เต็มที่จริงไหม"
"ใช่แล้ว สู้ๆกันเถอะนะพี่มิ้น"
"ได้เลย"
พี่มิ้นยิ้มออกมาอย่างตั้งใจก่อนเราจะเดินออกจากลิฟต์ตรงไปที่ห้องบำบัด พี่มิ้นเปิดประตูเข้าไปก่อนเราจะต้องชะงักหน้าห้องเมื่อเจอคุณติณณ์ที่กำลังนั่งรออยู่ เขาหรี่ตามองฉันกับพี่มิ้นด้วยความสงสัย
"สวัสดีค่ะคุณติณณ์ ฉันชื่อมิ้นเป็นคนดูแลคุณวันนี้ค่ะ"
"คุณคือคนที่จะดูเรื่องข้อสินะ"
"ใช่ค่ะ เดี๋ยวรอสักครู่นะคะขอมิ้นจัดของก่อน"
ฉันก้มหัวทักทายคุณติณณ์ขณะที่เขาก็มองฉันด้วยแววตานิ่งเรียบแต่กลับดูดุดันตลอดเวลาราวกับว่าเขากำลังคิดว่าตัวเองทำเรื่องเสียเวลาอยู่ทั้งๆที่มันคือการบำบัดตัวเขาเอง...สายตาเขาไม่เปลี่ยนจากเมื่อวานสักนิด แต่ดูแล้วเขาคงสนใจเรื่องข้อสินะถึงได้มานั่งรอที่ห้องแบบนี้
"เห็นว่าคุณติณณ์ยังมีปัญหาที่ข้อมืออยู่ อันดับแรกของมิ้นดูข้อมือหน่อยค่ะ"
พี่มิ้นเริ่มทำงานแล้วส่วนฉันก็ยืนเตรียมตัวยาสำหรับนวดไว้ ฉันมองคุณติณณ์ที่วันนี้ใส่เสื้อกล้ามสีดำกางเกงวอร์มต่างจากสองวันก่อนอีกครั้งก่อนจะมองสบตาเขาโดยไม่ทันตั้งใจ
พรึบ
ฉันหลบสายตาเขาพร้อมกับหันมาจัดของแทนทั้งๆที่ตัวเองจัดเสร็จไปแล้วเรียบร้อย
"เวลาปกติมีอาการเจ็บไหมคะ?"
"ไม่"
"จะมีอาการช่วงไหนคะ?"
"ตอนไม่รู้ตัว ตอนไม่คิดว่ามันจะมีอาการแต่ดันเจ็บจนสั่นแล้วก็ควบคุมไม่ได้"
"งั้นขอนวดก่อนนะคะ พิณพี่ขอยา"
"ค่ะ"
ฉันยื่นยานวดให้พี่มิ้นขณะที่เธอก็นวดให้คุณติณณ์ เขามองพี่มิ้นที่เริ่มนวดก่อนจะขมวดคิ้วหลังพี่มิ้นนวดไปไม่นาน
"ก็เหมือนเดิม"
"คะ?"
"ทุกคนทำเหมือนกันหมด ผมอยากรู้ว่าอาการนี้มันจะหายขาดไปตอนไหนไม่ใช่การนวดโง่ๆแบบนี้"
"มันไม่ใช่การนวดโง่ๆนะคะ"
"ทีมก่อนก็พูดแบบนี้แล้วมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แม้แต่การใช้ไฟฟ้าช่วยก็ไม่ดีขึ้น"
"แต่ยังไงคุณก็ต้องบำบัดอย่างต่อเนื่อง"
"เฮอะ!" คุณติณณ์หัวเราะออกมาด้วยท่าทีเย้ยหยันพร้อมกับมองสบตาพี่มิ้นอย่างไม่พอใจ "คิดว่าผมถูกนวดถูกกระตุ้นแบบนี้มากี่ร้อยครั้งแล้วกันล่ะ ไม่ว่าใครก็ไม่ได้เรื่อง"
พรึบ!
คุณติณณ์ชักมือกลับพร้อมกับลุกเดินหนีออกไปทิ้งให้พี่มิ้นนั่งช็อกอยู่บนเก้าอี้ก่อนเธอจะมองตามไปที่ประตูที่ปิดลงแล้วอย่างมีน้ำโห
"เชี้ยไรของแม่งมันวะ!?"
"ใจเย็นๆนะพี่มิ้น"
"จะให้พี่ใจเย็นไงไหวดูมันพูดสิ!"
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจพร้อมกับมองพี่มิ้นที่กำลังเก็บของเตรียมกลับ
"พี่มิ้นเราจะกลับกันเลยเหรอ มันยังไม่ถึงเวลา.."
"แล้วจะให้พี่อยู่ให้มันดูถูกเหรอพิณ พี่ไม่เอานะยิ่งอยู่ต่อยิ่งมีแต่จะพังอ่ะ"
พี่มิ้นส่ายหน้าไปมาอย่างทนไม่ไหวก่อนจะเดินนำฉันออกจากห้องฉันจึงต้องรีบเก็บยานวด และครีมต่างๆเข้ากระเป๋าก่อนจะเดินตามพี่มิ้นที่เดินออกไปก่อน
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกทำให้ฉันหยุดชะงักและหันมองไปทางห้องครัวด้วยความตกใจ และไวกว่าความคิดเพราะตอนนี้ฉันเดินไปที่จุดเกิดเสียงนั้นในทันที
"เกิดอะไรขึ้นคะ!?"
ดวงตาฉันเบิกกว้างมองคุณติณณ์ที่กำลังยืนมองมือขวาของตัวเองที่กำลังสั่น มันสั่นจนเขาต้องใช้มือซ้ายของตัวเองจับแขนตัวเองไว้ขณะที่พื้นก็มีแก้วกระจัดกระจายอยู่เกลือน
"ออกมาตรงนี้ก่อนค่ะ"
ฉันที่ได้สติก่อนเดินเข้าไปดึงแขนคุณติณณ์ออกมาให้ห่างก่อนจะมองมือของเขาที่กำลังสั่น และมันคงเกิดจากสิ่งที่เขาเล่าให้ฟังเมื่อกี้
"แป๊บนะคะ"
"เธออย่ามายุ่ง"
"พิณบอกว่าแป๊บไงคะ"
ฉันมองสบตาคุณติณณ์ด้วยแววตาดุดันก่อนจะหันมาเปิดกระเป๋าหยิบครีมยาตัวเดิมที่พี่มิ้นใช้เมื่อกี้ออกมาบีบใส่มือตัวเองพร้อมกับจับมือเขามาจับจุดนวดตามข้อ และเส้นเอ็นด้วยความใจเย็น
"มันน่าจะเกิดจากเส้นเอ็นที่หดตัวอย่างรวดเร็ว อาการนี้เกิดบ่อยกับคนที่ผ่านอุบัติเหตุใหญ่มา"
ฉันเม้มปากมองข้อมือของคุณติณณ์ก่อนพบว่ามันมีรอยแผลเป็นอยู่ที่หลังข้อมือคงเกิดจากการรักษาที่ผ่านมา
"ถึงการนวดจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการรักษานะคะ"
ฉันเงยหน้ามองคุณติณณ์ที่ตอนนี้กำลังมองฉันด้วยแววตาดุดัน เขาเบิกตามองมือตัวเองที่ตอนนี้ค่อยๆสั่นน้อยลง และอาการค่อยๆดีขึ้นขณะที่ฉันเองก็กำลังบีบนวดกดจุดให้เขาอยู่
"พิณว่าคุณต้องบำบัดต่อ เรื่องข้อและเส้นเอ็นจำเป็นต้องใช้เวลาในการบำบัดค่ะ"
"เธอเป็นแค่ผู้ช่วยไม่ใช่เหรอ?"
"ทำไมคะ...จริงๆพิณกำลังทดลองงานค่ะ"
"แต่เธอทำมันได้ดีกว่าคนเมื่อกี้...และคนก่อนหน้านี้ทุกคนที่ฉันเจอ"
คุณติณณ์มองสบตาฉันด้วยแววตานิ่งเรียบขณะที่ฉันก็กำลังขมวดคิ้วมองเขาด้วยความสงสัย
"คือ...เราอยากให้คุณติณณ์รักษากับทีมเราต่อนะคะพี่ๆในทีมมีแต่คนมากฝีมือถ้าพวกเขารู้สาเหตุจริงๆทีมเราอาจช่วยได้ค่ะ"
"ฉันไม่เอาทีม"
"คะ!?"
ดวงตาฉันเบิกกว้างทันทีที่เขาปฏิเสธ...ไม่นะนี่ฉันทำอะไรพลาดไปแล้วใช่ไหม!?
"ฉันจะเอาแค่เธอ คนที่จะบำบัดฉันหลังจากนี้ต้องเป็นเธอคนเดียวพิณนรา"
ฉันเหรอ...เมื่อกี้เขาบอกว่าฉันคนเดียวงั้นเหรอ?
เวลาต่อมา
"ให้ตายไอ้บ้านั้นมันคิดว่ามันเป็นใครกัน?"
"ลำบากพิณเลยทีนี้"
"แต่ถ้าคิดในทางที่ดีก็คือพิณสามารถทำให้เขาเปลี่ยนใจมาบำบัดกับเราได้นะ อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่เขาจะยกเลิกทีมเราอีกทีม"
ฉันมองพี่ป๋องที่ว่าขึ้นเพื่อให้พี่พายและพี่มิ้นใจเย็นหลังจากที่พี่ๆรวมตัวกันเฉพาะกิจ เพื่อคุยกันเรื่องที่ฉันไปเจอมาเมื่อกี้นี้
"จะว่าดีก็ดีแหละ แต่เราจะให้น้องไปรับมือไอ้คนประสาทแดกนั้นคนเดียวจริงดิพี่"
พี่ป๋องเงียบไปทันทีที่พี่พายถามกลับมาแบบนั้นก่อนพี่ๆทั้งสามจะหันมามองฉันเป็นตาเดียวจนฉันที่กำลังคีบเนื้อเข้าปากอยู่ต้องชะงัก ฉันค่อยๆวางเนื้อลงบนจานก่อนจะยิ้มออกมาเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
"พิณโอเคจริงๆค่ะ อีกอย่างถ้าพิณได้คุยกับเขาอีกหน่อยพิณน่าจะประเมินสาเหตุของเขาได้"
"แต่พี่เป็นห่วง เขาดูเป็นพวกอารมณ์รุนแรงจริงๆแล้วยังต้องไปทำงานสองต่อสองอีก"
"พิณทำได้จริงๆค่ะ เขาอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดฟังจากคุณชินพูดแล้วคุณติณณ์เองก็คงเป็นคนดีอยู่...เขาแค่อยากหายขาดจากอาการที่ตัวเองเป็นอยู่เท่านั้น"
คราวนี้พี่ๆเงียบไปทันทีที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นด้วยแววตาจริงจัง เพราะฉันเองก็อยากจะกอดงานนี้ไว้มากอยู่เช่นกัน มันไม่มีทางที่ฉันจะปฏิเสธข้อเสนอที่คุณติณณ์ยื่นให้ได้เลย
ถ้าฉันช่วยให้เขาหายขาดจากอาการนี้ได้ฉันต้องผ่านโปรและบรรจุเป็นพนักงานได้แน่
"งั้นก็กินเยอะๆ" ฉันเลิกคิ้วมองพี่มิ้นที่คีบเนื้อจากเตามาใส่จานให้ "ถึงจะเป็นห่วงมาก แต่พี่เองก็มั่นใจว่าพิณจะต้องช่วยเขาได้แน่"
ฉันยิ้มกว้างทันทีที่พี่มิ้นพูดจบก่อนจะคีบเนื้อที่เธอคีบมาให้เข้าปาก ขณะที่พี่คนอีกสองคนก็พากันหัวเราะขำด้วยความเอ็นดู
"ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่ก็ขอให้เป็นเคสแรกที่ดีนะพิณ"
"เสียดายไอ้อินไม่ได้มาฉลองให้น้อง"
"ติดผัวก็งี้สมน้ำหน้า"
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆหลังจากพี่พายและพี่ป๋องพูดถึงพี่อินที่ตอนนี้ไม่มา เพราะติดธุระ...ก็นะถึงจะดูเร็วไปหน่อยแต่ฉันก็จะทำให้มันเต็มที่แน่นอน
"พี่ๆไม่ต้องห่วงนะ เขาต้องอยู่ในกำมือของพิณแน่นอน"
"ห๊ะ อยู่ในกำมือเนี่ยนะ?"
"ก็หนูต้องนวดให้เขาไง ถ้าเขาด่ามากหนูจะจับเส้นเขาแรงๆเลย "
"ฮ่าๆ ยัยเด็กนี่"
พี่พายหัวเราะเสียงดังพร้อมกับเอื้อมมือมายีผมฉันด้วยความเอ็นดูก่อนจะยกมือสั่งเบียร์กับพนักงานอีกสามขวด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็พากันดื่มไปสามขวดแล้ว
พี่ๆฉันนอกจากจะทำงานเก่งยังดื่มเก่งอีกด้วยนะ คืนนี้คงได้นั่งเฝ้าอีกยาวเลย