วันต่อมา
3.23 pm.
(ดีแล้วลูก แบบนี้ก็แปลว่าพี่ๆเขามั่นใจในตัวหนูนะ)
"ค่ะแม่ หนูเองก็จะได้ทำให้พวกเขาเห็นด้วยว่าหนูเองก็พัฒนาเหมือนกัน"
(แม่ได้ยินแบบนี้ก็ดีใจ)
ฉันยิ้มออกมาบางๆหลังแม่ตอบกลับมาแบบนั้น
"แล้วพ่อล่ะคะ ไปไหนแล้วรึขึ้นไร่เหรอ?"
(จ้า ขึ้นไปทำงานกับคนงานแล้วล่ะวันนี้เห็นว่าต้องตัดหญ้ากัน หญ้ามันรกซะเหลือเกินช่วงนี้)
"พ่อเอาบูทยาวไปอยู่ใช่ไหมแม่ หนูกลัวพวกสัตว์มีพิษอยู่นะ"
(พ่อเอาไปอยู่พิณไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพ่อกลับมาแม่จะคุยเรื่องงานลูกให้ฟัง เขาคงจะดีใจมากไม่ต่างจากแม่หรอก)
ฉันหัวเราะออกมาอย่างเขินๆหลังโดนแม่อวยอีกครั้ง
(แล้วนี่ได้ข่าวน้องบ้างไหมพิณ ไม่เห็นโทรหาแม่หลายวันแล้ว)
"เงินยังไม่หมดเลยยังไม่โทรหาแม่น่ะสิไม่ว่า"
(โถ่)
เสียงของแม่ทำเอาฉันต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ และพยายามข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้มันเสียหลังแม่พูดถึงน้องชายตัวดีของฉัน
"พิณเองก็ไม่ได้คุยกับน้องนานแล้วแม่ แต่ยังไงเดี๋ยวพิณดูให้...จริงๆก็คงอยู่มหาลัยแหละช่วงนี้ช่วงสอบด้วยหนิ"
(อือ ยังไงแม่ฝากน้องด้วยนะลูก ดูแลกันไปเดี๋ยวน้องก็เรียนจบแล้ว)
"ค่ะแม่ เดี๋ยวใกล้ถึงเวลาแล้วหนูไปเตรียมตัวก่อนนะ"
(จ้า ตั้งใจนะลูก)
"ค่ะแม่ รักแม่กับพ่อนะคะ"
ฉันบอกรักแม่เป็นคำสุดท้ายก่อนวางสาย และสะพายกระเป๋าอุปกรณ์การบำบัดที่ตัวเองเตรียมมา ถามว่าหนักไหมคือหนักเอาเรื่องอยู่นะแถมรอบนี้ยังไม่มีพี่ๆมาช่วยอีก วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันจะได้มาคนเดียวมีแค่รถของบริษัทที่ขับมาส่งแล้วเขาก็ขับกลับไปแล้ว ส่วนตอนกลับบ้านฉันต้องหอบของพวกนี้กลับห้องเอง
คิดแล้วก็เหนื่อย ยังต้องขึ้นรถไฟหลายต่ออีก
"เอาเถอะ วันนี้ก็สู้ๆแล้วกัน"
เอี๊ยด..
เสียงรถที่ขับเข้ามาจอดที่ทางเข้าคอนโดตัดหน้าฉันทำให้ฉันต้องหยุดเดิน และมองรถตู้คันใหญ่ที่กำลังจอดส่งให้คนลงอยู่ ฉันยืนนิ่งรอจนรถขับออกไปก่อนจะเลิกคิ้วมองร่างสูงคุ้นตาที่กำลังเดินขึ้นไปที่คอนโด
"นั้นมัน...คุณติณณ์!"
ไวกว่าความคิดเพราะตอนนี้ฉันเรียกเขาไปแล้วแถมเขายังได้ยินและหันกลับมามองด้วยความสงสัยอีก ฉันเบิกตามองการแต่งตัวที่ไม่คิดว่าเขาจะแต่งด้วยความสงสัย เพราะตอนนี้เขาแต่งชุดนักศึกษาอยู่...
"เรียกทำไม?"
"โอ๊ะ!" ฉันสะดุ้งพร้อมกับรีบวิ่งข้ามถนนไปหาคุณติณณ์ที่กำลังยืนอยู่ "สวัสดีค่ะคุณติณณ์ พอดีพิณไม่คิดว่าจะเจอคุณน่ะเลยตกใจจนเผลอเรียก"
คุณติณณ์ขมวดคิ้วมองฉันก่อนเขาจะหัวเราะในลำคออย่างขำๆ
"บ้าป่าวเนี่ย"
นั้นโดนด่าจนได้ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะยิ้มให้เขาอีกครั้ง...เอาว่ะ ยังไงเขาก็คือคนที่จะช่วยให้ฉันผ่านโปรแบบไม่ต้องประเมินเลยเพราะงั้นใจดีสู้เสือหน่อย
"ว่าแต่คุณติณณ์ไปไหนมาเหรอคะ ทำไมแต่งชุดนักศึกษาล่ะ?"
"ไม่คิดว่ามันเป็นคำถามที่มากเกินไปหน่อยเหรอ เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นอีกอย่างเธอมาเพื่อบำบัดฉันเท่านั้นนะ"
"อ่า..ขอโทษนะคะแต่การพูดคุยเพื่อสร้างความสนิทกับคุณติณณ์มันก็เป็นงานของพิณเหมือนกัน"
คุณติณณ์เลิกคิ้วมองฉันก่อนเขาจะยกยิ้มมุมปากอีกครั้งพร้อมกับเอียงใบหน้ามองด้วยรอยยิ้ม...รอยยิ้มแบบพวกตัวร้ายอ่ะ
"ถ้าอยากรู้ขนาดนั้นวันนี้ก็ทำให้ฉันพอใจสิ"
"คะ?"
"ก็ทำกายภาพบำบัดให้ฉันรู้สึกว่าอาการมันจะดีขึ้นในเร็ววันนี้ไง แล้วฉันจะบอกเรื่องที่เธออยากรู้เอง"
ฉันเบิกตามองคุณติณณ์ขณะที่เขาก็เลิกคิ้วข้างเดียวมองท้าทายฉันอย่างกวนอารมณ์ เขาส่ายหน้าไปมาอย่างขำก่อนจะเดินนำหน้าไปขึ้นลิฟต์ฉันจึงรีบเดินตามแม้จะสะพายกระเป๋าพะรุงพะรังก็ตามที
"รอด้วยสิคะ"
"ชักช้า ฉันต้องอาบน้ำก่อนนะ"
"ทราบแล้วค่ะนี่ก็รีบอยู่"
"อะไรของเธออยู่ๆก็มาทำตัวยังกะว่าเราสนิทกัน"
ฉันยิ้มแห้งตอบคุณติณณ์ไปที จะว่ายังไงล่ะถ้าฉันไม่สนิทกับเขาฉันเองก็หาสาเหตุของอาการเขายาก ไอ้การทำงานของฉันเนี่ยมันต้องใช้หลายทักษะอยู่นะ ทั้งหลักที่เรียนมาและหลักจิตวิทยาเพราะบางทีอาการที่เขาเป็นมันก็อาจเกิดจากสิ่งที่เขาเองก็ไม่รู้
เพราะงั้นยังไงฉันก็ต้องหาทางสนิทกับเขาให้ได้มากที่สุดแหละ เพื่อโปรการทดลองงานที่ต้องผ่าน!
เวลาต่อมา
แกร๊ง
ฉันหันมองคุณติณณ์ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องเขาเลิกคิ้วมองฉันที่กำลังมองเขาที่สวมแค่ชุดคลุมด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนเขาจะเดินมานั่งบนเตียง
"วันนี้จะนวดตรงไหนอีกล่ะ?"
"วันนี้จะไม่มีการนวดค่ะ และตอนนี้พิณก็อยากให้คุณไปใส่เสื้อผ้าเหมือนเมื่อวานก่อน"
"ห๊ะ ไม่นวด?"
"ไม่ค่ะ"
ฉันส่ายหน้าไปมาพร้อมกับมองคุณติณณ์ด้วยรอยยิ้ม
"ไม่นวดงั้นเหรอ"
"วันนี้คุณเดาผิด เพราะงั้นช่วยกลับไปใส่เสื้อผ้าด้วยนะคะ รบกวนด้วยค่ะ"
แม้คุณติณณ์จะยังสงสัยมาก แต่เขาก็ลุกเดินกลับออกไปและกลับมาหลังจากแต่งตัวตามที่ฉันบอกไปเสร็จสรรพ
"เชิญมานั่งตรงนี้นะคะ"
ฉันผายมือให้เขาไปนั่งที่โซฟาก่อนจะมองตามร่างสูงที่เดินผ่านหน้าไปนั่งตามที่บอก แต่กลิ่นตัวเขาหอมจังแฮะ...ตัวหอมแบบผู้ชายเล่นกีฬา...แปลกๆละฉันว่า
"ให้นั่งทำอะไร?"
"นั่งให้สบายที่สุดค่ะ"
"อะไรของเธอ"
ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะก้มลงไปหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าพร้อมกับโยนไปทางคุณติณณ์
"คุณติณณ์รับนะคะ"
พรึบ!
"เชี้ย!"
ถึงคุณติณณ์จะตกใจ แต่ปฏิกิริยาการตอบสนองของเขากลับไวมากเพราะเขาหันมารับลูกบอลที่ฉันโยนไปให้ได้ทันที ฉันจึงโยนไปให้เขารับอีกหลายๆลูกติดต่อกัน ซึ่งเขาก็รับได้ทั้งหมด
"ว้าว สุดยอดมากเลยนะคะเนี่ยตอบโต้ได้ดีมาก"
"เฮอะ นี่เธอคิดว่าฉันจ้างเธอให้มาโยนบอลเล่นรึไงยัยบ้า!"
ฉันมองคุณติณณ์ที่โยนบอลออกจากตัวพร้อมกับหันมามองฉันอย่างไม่พอใจ ขณะที่ฉันเองก็เดินไปหยิบลูกบอลมาไว้กับตัวและมองเขาอีกครั้ง
"คราวนี้ตั้งใจรับนะคะ"
"ทำไมฉันจะต้องตั้งใจ"
"ไม่ทราบค่ะ แต่ว่าอยากให้ตั้งใจรับนะคะ"
ฉันว่าก่อนจะตั้งใจโยนบอลให้คุณติณณ์ขณะที่เขาก็ยืนมองฉันพร้อมกับรับทุกลูก
พรึบ!
"เชี้ย!"
ดวงตาฉันเบิกกว้างมองมือข้างขวาที่กำลังสั่นของคุณติณณ์ก่อนจะรีบเดินไปหยิบยานวดที่เตรียมไว้ติดมือมาหาเขา
"นั่งก่อนค่ะ"
"พาฉันทำบ้าอะไรของเธอวะ!?"
"กำลังทดลองอะไรอยู่น่ะค่ะ แล้วก็พอได้คำตอบแล้วด้วย"
ฉันตอบคุณติณณ์พร้อมกับนวดกดเส้นให้เขา ครั้งนี้ฉันนวดไล่ตั้งแต่ไหล่ลงมาจนถึงข้อมือเลย
"เวลาคุณตั้งใจอาการเหมือนจะแย่ขึ้นนะคะ ตอนไม่ได้ตั้งใจทำไม่เห็นเป็น"
คุณติณณ์ชะงักไปทันทีที่ฉันว่าแบบนั้นก่อนเขาจะมองสบตาฉันที่กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ฉันยิ้มออกมาก่อนจะมองเขาด้วยแววตาจริงจัง
"ต้องหายแน่ค่ะ แต่คุณเองก็ต้องช่วยเปิดใจให้พิณด้วย...ถ้าเปิดใจรับการบำบัดพิณต้องหาสาเหตุที่อาการมันกำเริบได้แน่"
"นี่เหรอวิธีการรักษาของเธอ?"
"ค่ะ..มันไม่ดีเหรอคะ?"
ฉันเอียงใบหน้ามองคุณติณณ์ระหว่างที่นิ้วก็กำลังกดนวดตามเส้นให้เขาอยู่
"รึพิณทำอะไรให้คุณไม่พอใจรึเปล่า?"
"ไม่...เอาเป็นว่ารีบหาทางที่ฉันจะหายขาดจากอาการโง่ๆนี้เร็วๆเถอะ ยิ่งเร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี"
"แล้วช่วงนี้คุณติณณ์ทำอะไรอยู่เหรอคะ?"
คุณติณณ์มองหน้าฉันทันทีที่ฉันถามเขาแบบนั้น
"ก็คุณติณณ์พูดเองนี่ว่าถ้าฉันทำให้พอใจได้คุณจะตอบ"
"เธอไม่ได้ทำให้ฉันพอใจได้สักหน่อยยัยบ้า"
เอ้า...ทำไมฉันโดนด่าตลอดเลยล่ะ ฉันลอบถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเบนสายตามามองที่เส้นเลือดที่กำลังปูดที่แขนของเขาอยู่ เพราะอาการกำเริบเส้นเลือดเลยปูดขนาดนี้ แสดงว่าอาการไม่ได้เป็นเฉพาะที่ข้อมือสินะ
"ช่วงนี้ฉันโดนพักซ้อมอยู่"
ฉันเงยหน้ามองคุณติณณ์อีกครั้งหลังเขายอมพูดด้วย
"หลังจากรักษาแผล และอาการช้ำในหายฉันก็ลงสนามซ้อมเลยแต่อาการมันแย่ลงอีกครั้ง จะฝืนก็ไม่ได้เพราะอาการมันกำเริบบ่อยจนขับรถไม่ได้"
"เพราะแบบนี้เลยได้กลับมาทำกายภาพบำบัดอีกสินะคะ"
"อืม ก่อนหน้าหลังรักษาหายฉันเข้าบำบัดไปแล้ว"
"โอเคค่ะ แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่คะ?"
"เธอยังติดใจเรื่องที่ฉันใส่ชุดนักศึกษาทั้งที่อายุมากกว่าเธออยู่สินะ"
"เปล่านะคะ คือ..แต่มันก็สงสัยอยู่หน่อยๆ"
เขาอายุเยอะกว่าฉันสองปีไงใครจะไม่ติดใจก็บ้าแล้ว จริงๆนอกจากจะอยากรู้เพื่อเป็นข้อมูลการบำบัดแล้วก็อยากรู้เพราะความสอดรู้สอดเห็นของตัวเองด้วยนี่แหละ
"เฮอะ" คุณติณณ์หัวเราะในลำคอพร้อมกับถอนหายใจเสียงดัง "ฉันยังเรียนไม่จบไง เหลือเทอมสุดท้ายแต่ติดแข่งซะก่อนเลยดรอป"
"อ่อ พอมีเวลาถึงกลับไปเรียนสินะ คุณนี่สุดยอดเลยนะคะเนี่ย"
คุณติณณ์ขมวดคิ้วใส่ฉันอีกครั้งก่อนเขาจะเอนหลังไปกับพนักอิงโซฟาระหว่างที่ฉันกำลังนวดแขนให้เขา
"อาการดีขึ้นบ้างไหมคะ?"
ฉันถามขึ้นเบาๆหลังจากที่แขนของเขาเลิกสั่นไปแล้ว
"ก็ดีขึ้น แต่นวดต่อไป"
"หือ...มันยังปวดแปลบๆอยู่เหรอคะ?"
"ให้ตาย" คุณติณณ์ลืมตาขึ้นมามองฉันด้วยความไม่พอใจอีกครั้งหลังฉันถามไปแบบนั้น "มันกำลังสบายนวดต่อไปเงียบๆเถอะยัยบ้า!"
ฉันเม้มปากมองคุณติณณ์ทันทีที่เขาด่ากลับมาแบบนั้นก่อนเขาจะหลับตาลงด้วยความหงุดหงิด แต่ฉันไม่ใช่หมอนวดนะให้ตาย
พรึบ
ฉันลุกขึ้นยืนทันทีที่คิดได้แบบนั้นพร้อมกับดวงตาคมกริบที่ลืมตามองตามอย่างไม่พอใจ
"เป็นบ้าอะไรของเธออีกล่ะ รึไม่อยากนวด?"
"จริงๆพิณไม่ใช่หมอนวดนะคะ การทำงานของหมอนวดกับนักบำบัดคล้ายกันก็จริงแต่มันไม่เหมือนกันแน่นอน"
"จะไม่นวดให้ฉันว่างั้น?"
"พิณว่าถ้าจะเอาให้สบายเชิญคุณติณณ์ขึ้นนอนบนเตียงเถอะค่ะ พิณจะนวดให้ตั้งแต่หลังเลยเป็นไง"
คุณติณณ์หัวเราะออกมาเบาๆก่อนเขาจะขยับลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อเป็นมัดๆของเขาสู่สายตาฉัน
"สุดท้ายฉันก็ต้องถอดเสื้ออยู่ดีถูกไหม?"
"ก็..ค่ะ ดีนะคะที่พิณพกเครื่องกระตุ้นไฟฟ้ามาด้วย"
"เออ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน แต่ฉันอยากให้เธอนวดด้วยมือมากกว่านะ"
"อ่อ ไม่มีปัญหาเลยค่ะเดี๋ยวพิณจัดการให้"
ฉันรับคำเสียงใสพร้อมฉีกยิ้มให้คุณติณณ์ที่กำลังเดินขึ้นไปนอนคว่ำบนเตียงก่อนฉันจะยกมือขึ้นทำท่าจะชกเขาลับหลังด้วยความหมั่นไส้
สั่งๆอยู่นั้น เดี๋ยวแม่ช็อตซะให้เข็ด!