(พิณนรา)
หลายวันต่อมา
12.22 pm.
"วันนี้เตรียมตัวพร้อมแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ เตรียมพร้อมสุดๆ"
ฉันตอบพี่ป๋องระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวเที่ยงกันอยู่ วันนี้มีกันแค่สองคนเพราะพี่สาวอีกสามคนไปกินข้าวกับแฟนกันหมด
"เห็นว่าวันนี้บริษัทมีรถค่อยรับส่งด้วย เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการเดินทางนะ"
"ดีจัง"
พี่ป๋องหัวเราะออกมาอย่างขำๆก่อนจะทำท่าป้องปากกระซิบฉัน
"เห็นว่าโดนทางคุณชินติมาเรื่องนี้น่ะ ผู้ใหญ่ทางเรารีบหารถให้เร็วเลยแหละ"
ฉันพยักหน้าตอบพี่ป๋องพร้อมกับนึกไปเรื่องวันนั้นที่คุณติณณ์โทรบอกคุณชินให้หาคนขับรถไปส่งฉัน เพราะงี้คุณชินเลยติมาสินะ ต้องขอบคุณจริงๆแต่วันนั้นก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ฉันนึกถึงแฮะ
คุณติณณ์นี่มีแฟนสวยมากๆเลย ฉันคุ้นหน้าเธอมากจนมาเสิร์ชดูถึงได้รู้ว่าเป็นนางแบบที่กำลังดัง
"พิณ"
"คะ?"
"มีคนโทรเข้าน่ะ"
ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองหน้าจอที่ตอนนี้กำลังขึ้นชื่อของน้องชายตัวเองเลยทำให้ฉันต้องรีบยิ้มให้พี่ป๋องพร้อมกับขอตัวออกมารับโทรศัพท์ก่อน หลังออกมายืนหน้าร้านฉันก็มองชื่อบนหน้าจอตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนกดรับ
"ฮัลโหล"
(ฮัลโหลพี่ พี่ว่างไหม?)
"กินข้าวอยู่ มีอะไรถึงโทรมาได้ล่ะ?"
(โหยพี่ คนคิดถึงจะโทรหาหน่อยไม่ได้เลย)
"มีเรื่องอะไรพูดมาเลยเถอะนาวี"
เสียงหัวเราะขำที่ดังมาจากปลายสายทำให้ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
"งั้นวางนะ"
(เฮ้ยพี่ใจเย็นดิ! คือผมขอยืมเงินหน่อยพอดีมีเรื่องต้องใช้น่ะ)
"ใช้อะไรกัน พี่เพิ่งโอนเงินไปเมื่อวันเสาร์ไม่ใช่เหรอ?"
(อยู่ก็มีรายจ่ายน่ะพี่ นะนะขอผมยืมหน่อยแค่พันเดียวเอง)
ฉันกุมขมับทันทีที่นาวีตอบกลับมาแบบนั้น นี่มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขายืมเงินฉันเนี่ย ฉันถอนหายใจออกมาอีกครั้งพร้อมกับส่ายหัวไปมาอย่างไม่สบอารมณ์
"คิดว่าพี่เป็นธนาคารของแกรึไง จริงๆเงินรายอาทิตย์ที่ให้มันก็เยอะอยู่นะนาวี แกก็ช่วยพี่ประหยัดบ้างสิวะ"
(พี่ก็รู้ว่าผมเรียนอยู่ มันต้องกินต้องใช้นะพี่รึจะให้ผมโทรไปขอแม่ล่ะ...เอางั้นก็ได้นะถ้าพี่ไม่ให้ก็ไม่เป็นไรแล้วกัน)
"อย่าไปขอแม่!"
นาวีเงียบไปทันทีที่ฉันตวาดกลับแบบนั้น
"เดี๋ยวพี่จะโอนให้ แต่แกต้องโทรไปหาแม่ก่อนแม่บอกว่าแกไม่โทรไปหาแม่นานแล้ว แต่พี่ขอนะวีแกอย่าพูดหรือขอเงินกับพ่อแม่เด็ดขาด"
(เออน่า ผมโทรเสร็จแล้วจะทักบอกนะ อย่าลืมโอนให้ด้วยล่ะ)
ฉันวางสายจากนาวีพร้อมกับมองจ้องหน้าจอโทรศัพท์ด้วยความหนักใจ น้องของฉันจริงๆมันเป็นเด็กที่เก่งมากคนนึงนะ แต่หลังจากที่ได้เข้ามหาลัยมาปีที่สองนิสัยก็เปลี่ยนไปเลย จากเด็กที่ตั้งใจและเรียนเก่งกลับเป็นเด็กที่ใช้เงินเก่งแทน
แบบนี้แย่แน่พ่อแม่เองก็มีปัญหาที่พวกเขาต้องรับผิดชอบเหมือนกันนะ
4.02 pm.
"สวัสดีค่ะคุณติณณ์"
ฉันยิ้มทักทายคุณติณณ์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ฉันจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำกายภาพบำบัดในวันนี้แล้ว เหมือนวันนี้คุณติณณ์จะเรียนเพิ่งเสร็จด้วยแหละ เพราะตอนฉันมาเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนยังไม่เจอเขาเลย
"ไง วันนี้มีนวดไหม?"
"วันนี้ไม่มีนะคะ จะเป็นการออกกำลังกายแทนวันนี้พิณอยากดูการเคลื่อนไหวของร่างกายคุณติณณ์น่ะค่ะ"
คุณติณณ์ขมวดคิ้วมองฉันเหมือนจะผิดหวังกับคำตอบอยู่หน่อยๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังพยักหน้าตอบและเดินเข้ามาหา...เขาเดินมาใกล้ซะจนฉันต้องเงยหน้ามองเลยแหละ
"เอ่อ..ว่าแต่หลังจากวันนั้นมีอาการแขนเกร็งอีกไหมคะ?"
"มีเมื่อวานช่วงเช้า ฉันตื่นมาออกกำลังกายน่ะ"
ฉันพยักหน้าตอบพร้อมกับจดเวลากำเริบของอาการไว้
"แสดงว่าวันนี้ยังไม่มีอาการสินะ"
"อืม"
ฉันเงยหน้ามองคุณติณณ์อีกครั้งก่อนจะชะงักหลังสบตากับเขาที่กำลังโน้มตัวลงมาดูสิ่งที่ฉันกำลังจดอยู่ เขาเบนสายตามามองฉันก่อนจะยกยิ้มอย่างขำๆ
"ตกใจทีไรตาโตทุกที"
"ก็คุณทำให้พิณตกใจหนิคะ"
"ฉันแค่อยากรู้ว่าเธอจดอะไรไปเท่านั้น ว่าแต่ได้นอนบ้างไหมเนี่ยทำไมใต้ตาคล้ำขนาดนี้?"
"นอนค่ะ แค่ต้องวางแผนการรักษาคุณติณณ์เยอะไปหน่อย"
"เหรอ แล้วนอกจากฉันเธอรักษาใครอีก?"
"ไม่มีที่รักษาเป็นเคสหรอกค่ะ มีแค่เป็นผู้ช่วย"
"ดีเลยสิ ฉันคิดว่าถ้าอาการฉันดีขึ้นฉันอยากลงสนาม เพราะงั้นเลยอยากให้เธออยู่ด้วยตลอด"
"คะ?"
"ได้ยินแล้วนี่"
"แต่เรื่องนี้เองต้องให้แพทย์ตรวจอีกทีด้วยนะคะ อยู่ๆคุณติณณ์จะ..."
"รู้น่า"
ฉันเม้มปากมองคุณติณณ์หลังเขาตอบมาแบบนั้น ก่อนจะวางสมุดจดตัวเองลงที่โต๊ะด้านหลังแทน
"แต่ถึงอย่างนั้นพิณก็รับปากไม่ได้หรอกนะว่าจะไปอยู่ดูแลคุณติณณ์ตลอดการฝึกได้ เพราะงานของบริษัทมันไม่ได้เอื้อ"
"ยุ่งยาก ถ้าฉันจะเอายังไงก็ต้องได้น่า...ทำไมรึอยากได้เงินเพิ่ม?"
คุณติณณ์เลิกคิ้วมองฉันด้วยความสงสัยในตอนที่ฉันเงียบไป ฉันส่ายหน้าไปมาช้าๆก่อนจะมองสบตาเขาด้วยแววตาจริงจัง
"ประสบการณ์การบำบัดของพิณไม่ได้มีเยอะขนาดที่จะตามคุณติณณ์ไปได้ทุกที่น่ะค่ะ เท่านี้ผู้ใหญ่ทางบริษัทก็กดดันมากพอแล้ว"
"เฮ้อ น่ารำคาญจริงๆสินะ"
"เอาเป็นว่าวันนี้เราเริ่มทำกายภาพกันเถอะนะคะ พิณอยากดูความยืดหยุ่นของร่างกายคุณติณณ์น่ะค่ะ"
คุณติณณ์พยักหน้าตอบช้าๆ ก่อนเขาจะเริ่มรับการบำบัดไปพร้อมๆกับฉันที่ทำตามแผนที่ตัวเองเตรียมมา จริงๆร่างกายคุณติณณ์ยืดหยุ่นได้ดีมาก แถมยังแข็งแรงสุดๆแต่เรื่องที่ทำให้เขาไม่สบายใจก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะเรื่องข้อมือ
จุดนี้มันสำคัญสำหรับนักแข่งมากจริงๆฉันเข้าใจ
6.03 pm.
"วันนี้ทำได้ดีมากเลยนะคะ แขนก็ไม่เกร็งขนาดอยู่ในภาวะตึงเครียด"
"ก็ขอให้มันดีแบบนี้ทุกวันเถอะ"
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ฉันกับคุณติณณ์หันมองคุณชินที่กำลังเปิดประตูเข้ามา ฉันยิ้มให้คุณชินพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายเขาทันที
"สวัสดีค่ะคุณชิน"
"สวัสดีตอนเย็นครับคุณพิณ วันนี้เรียบร้อยดีใช่ไหม?"
"ค่ะ ร่างกายคุณติณณ์ตอบสนองดีมากเลย"
"ดีแล้วครับ" คุณชินเหลือบมองคุณติณณ์ที่กำลังโยนลูกบอลเล่นอยู่ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ "งั้นวันนี้ก็ขอบคุณที่ทำงานหนักครับ"
"ค่ะ อ่อพิณเองก็ต้องขอบคุณคุณชินด้วยนะคะเรื่องรถบริษัทน่ะค่ะ"
"ครับ?"
คุณชินเลิกคิ้วมองฉันที่กำลังสะพายกระเป๋าอุปกรณ์ด้วยความสงสัย
"ก็เพราะคุณชินติเรื่องรถรับส่ง บริษัทเลยส่งรถมารอรับส่งพิณแล้วน่ะค่ะ จริงๆพิณเองก็ต้องขอโทษก่อนด้วยที่รบกวนไปวันนั้น"
"อ่า...ไม่เป็นไรเลยครับ"
คุณชินยิ้มให้ฉันทันทีก่อนเขาจะเหลือบมองคุณติณณ์อย่างขำๆ แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาขำเรื่องอะไร เพราะหลังจากขอบคุณเสร็จฉันก็ขอตัวออกมาทันที
เฮ้อ แต่วันนี้เหนื่อยจังนะถ้าได้กินของอร่อยๆคงหายเหนื่อยแน่ๆ
9.12 pm.
ตืด...ตืด..
แรงสั่นจากโทรศัพท์เรียกให้ฉันที่กำลังนั่งกินมาม่าพร้อมกับอ่านหนังสืออยู่ต้องละสายตาไปมองก่อนจะขมวดคิ้วมองชื่อที่โทรเข้ามา เพราะมันเป็นชื่อของนาวีน้องชายฉันเอง
"โทรมาทำไมดึกๆดื่นๆ"
ฉันเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับอย่างเสียไม่ได้
"ฮัลโหล"
(ฮัลโหล โหลๆ)
เสียงไม่คุ้นหูทำให้ฉันชะงักไปทันที เพราะเสียงจากปลายสายมันเป็นเสียงของใครก็ไม่รู้แถมยังมีเสียงเพลงที่ดังสุดๆดังมาตามสายอีก
(ได้ยินไหมวะนั่น!?)
"ฮัลโหล ใครคะ?"
(แล้วคนที่คุยอยู่นี่ใช่พิณนราพี่สาวของไอ้นาวีไหมครับ?)
คำตอบของเขามันทำให้หัวใจฉันเต้นแรงทันที เพราะเขาดูจะน่ากลัวมาก แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องทำใจดีสู้เสือตอบกลับไป
"ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ?"
(อ่อครับ พอดีน้องชายของคุณเป็นหนี้พวกผมแล้วไม่ยอมจ่ายน่ะสิ ตอนนี้ยังมาพนันรถแพ้แล้วไม่มีเงินจ่ายอีกผมเลยต้องเอาตัวเขาไว้ก่อน เพราะถ้าปล่อยไปคงจะหนีหน้าไปอีก)
"พูดเรื่องอะไรของคุณน่ะ น้องชายฉันไปทำอะไรนะ?"
(เขาเป็นหนี้ครับคุณพี่สาว ตอนนี้อยู่สนามแข่งรถแต่น้องคุณไม่มีเงินคืนผมเลยต้องโทรหาคนที่น่าจะมีจ่ายให้ สายสุดท้ายที่คุยกันก็น่าจะเป็นคุณพี่สาวนี่แหละเนาะเพราะชื่อโอนเงินก็คุณพี่สาว)
"ตอนนี้พวกคุณอยู่ไหน แล้วน้องชายฉันล่ะเขาอยู่ไหน!?"
(มันอยู่นี่แหละครับ แต่ผมอยากให้พี่สาวเข้ามาคุยกับเราหน่อย...หรือจะไม่มาก็ได้แต่น้องคุณอาจไม่ได้กลับบ้านเร็วๆนี้หรอกนะ)
"ฉันจะไป บอกสนามแข่งที่พวกคุณอยู่มาเถอะ"
ฉันตอบด้วยความร้อนรนพร้อมกับตั้งใจฟังชื่อสนามแข่งที่พวกเขาบอก ก่อนจะลุกขึ้นแต่งตัวเพื่อออกไปหานาวี จริงๆมันก็ไม่น่าเชื่อจนกระทั่งคนที่คุยโทรศัพท์กับฉันส่งรูปของนาวีที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาในห้องมืดๆมา ฉันไม่รู้ว่าน้องโดนอะไรไปบ้างและไม่รู้ว่าควรจะโทรแจ้งตำรวจไหมแต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ฉันต้องรีบไปหานาวี ฉันทิ้งน้องไว้แบบนั้นไม่ได้จริงๆ