8

1943 คำ
วันต่อมา 11.12 am. "วันนี้เรียบร้อยค่ะคุณบีม" "ขอบคุณที่ทำงานหนักนะครับ รบกวนมากจริงๆ" "ค่ะคุณบีม" "ผมไปก่อนนะครับคุณพิณ" ฉันที่กำลังยืนเก็บของอยู่เงยหน้ามองคุณบีมที่เป็นนักกีฬาวิ่งทีมชาติที่เดินมาลา ก่อนจะรีบก้มโค้งลาเขาด้วยความเลิ่กลั่กเพราะตัวเองดันเอาแต่เหม่อไม่ทันสังเกตว่าเขาจะกลับแล้ว "สวัสดีค่ะคุณบีม เดินทางปลอดภัยนะคะ" "คุณพิณดูเหนื่อยๆนะ พักผ่อนเยอะๆนะครับ" ฉันยิ้มให้คุณบีมก่อนจะมองเขาจนเขาเดินออกไปจากห้องบำบัด พี่พายที่เห็นฉันเองแต่ยืนนิ่งจึงเดินเข้ามาหาฉันด้วยความเป็นห่วงทันที "เป็นอะไรไปพิณ ทำไมวันนี้เหม่อจังรึเหนื่อยเพราะวิ่งงานเยอะรึเปล่า?" "เปล่าค่ะ พิณไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะพี่พาย ที่เห็นเบลอๆแบบนี้คงเพราะเมื่อคืนมัวแต่หาวิธีการบำบัดคุณติณณ์น่ะ" "เฮ้ย อย่าทางดูแลเขาจนตัวเองเบลอแบบนี้สิ อีกอย่างพี่ป๋องก็ช่วยดูแผนการรักษาอยู่อย่าคิดมากนะ" "เข้าใจค่ะพี่ ขอบคุณมากนะคะ" "อืม ตัวเองก็อย่าคิดมากไป ป่ะกินข้าวกันเถอะ" "วันนี้พิณห่อข้าวมาน่ะค่ะ" พี่พายเลิกคิ้วมองฉันที่กำลังยิ้มให้เธออยู่ก่อนเธอจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ เพราะช่วงแรกๆฉันก็ห่อข้าวมากินอยู่บ้าง "โอเคๆ งั้นพี่จะบอกคนอื่นๆให้แล้วกัน แล้วเจอกันตอนบ่ายนะ" "ค่ะ" ฉันยิ้มให้พี่พายพร้อมกับมองเธอที่เดินออกจากห้องไปอีกคนจนลับสายตา ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆและเดินไปเก็บอุปกรณ์การบำบัดให้เข้าที่เข้าทางจนเสร็จถึงจะเดินออกจากห้องมาที่ห้องพักของทีมตัวเอง ฉันเดินไปที่กระเป๋าเป้ตัวเองและหยิบมาม่าคัพออกมาแกะระหว่างเดินไปที่ห้องบริการส่วนกลางที่มีน้ำร้อนให้อยู่ "กินในห้องไม่ได้แน่" เดี๋ยวกลิ่นมาม่าจะติดแล้วพี่ๆจะรู้ว่าฉันแอบกินมาม่าอีก...และแน่นอนที่บอกว่าตัวเองห่อข้าวมาคือฉันโกหก เงินในตอนนี้มีพอแค่ซื้อมาม่าคัพมาตุนไว้เท่านั้นแหละ "กินบนดาดฟ้าดีกว่า" คิดได้แบบนั้นฉันก็หยิบมาม่าคัพที่ใส่น้ำพร้อมกับน้ำเปล่าขวดใหญ่ของตัวเองติดมือมาขึ้นลิฟต์ทันที ฉันเดินออกจากลิฟต์ไปตามทางที่รายล้อมด้วยสวนหญ้าบนดาดฟ้าที่บริษัทจัดไว้ให้สำหรับขึ้นมาพักผ่อนก่อนจะนั่งลงบนม้านั่งอย่างเหม่อลอย "..." ท้องฟ้าตอนเที่ยงไม่ได้สวย และอากาศดีเหมือนในซีรีย์เกาหลีที่เคยดูเลยแฮะ กลับกันบนนี้มันแดดร้อนมากๆ ดีหน่อยที่ที่นั่งยังมีร่มเงาของตึกข้างๆพอบังแดดให้อยู่ "ให้ตาย" ชีวิตหลังจากเรียนจบและทำงานมันไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองวาดฝันไว้จริงๆ ทั้งน้องที่ต้องรับผิดชอบชีวิต กับตัวเองที่แค่นี้ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว ฉันหยิบมาม่ามาเปิดกินด้วยจิตใจที่กำลังห่อเหี่ยวสุดๆจนน้ำตามันไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ "ฮึก..." ชีวิตบัดซบเงินตั้งสองแสนจะไปหามาจากไหน เงินที่ติดตัวอยู่ตอนนี้ก็มีแค่สามพันแล้วยังค่าที่พักค่ากินค่าอยู่อีก "อึ่ก...ฮึก" ตอนนี้ฉันกลับกินมาม่าทั้งน้ำตาเนี่ยนะ!?...นี่มันแย่กว่าการกินข้าวทั้งน้ำตาซะอีก แต่ถึงมันจะเครียดมากแต่ฉันกลับยิ่งหิวจนไส้กิ่ว ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะมีความฝันสูงส่งอะไรขอแค่ตัวเองหาเงินพอที่จะหาของอร่อยๆกินเท่านั้น ก็พอรู้ว่าทุกคนล้วนต้องเจอจังหวะชีวิตที่มันแย่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะแย่จนต้องมานั่งร้องไห้ตอนกินมาม่าแบบนี้...แย่ชะมัด คิดยังไงก็คิดไม่ตก เงินเยอะขนาดนั้นฉันจะหามาจากไหน? 3.45 pm. พรึ่บ "ขอบคุณที่มาส่งนะคะ" "ให้มารับเวลาเดิมนะครับ?" "ใช่ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ" ฉันก้มหัวให้พี่คนขับก่อนจะเดินแบกกระเป๋าตัวเองขึ้นคอนโดพร้อมๆกับร่างสูงของใครอีกคนที่กำลังเดินขึ้นคอนโดพร้อมกันจึงทำให้ฉันอดจะหันมองไม่ได้ คุณติณณ์ที่วันนี้ใส่ชุดนักศึกษาหันมองฉันด้วยแววตานิ่งเรียบก่อนเขาจะเลิกคิ้วมองฉันด้วยความสงสัย "สภาพอะไรของเธอเนี่ย?" "คะ?" "เธอดูเหมือนคนไม่ได้นอน" ฉันเลิกคิ้วพร้อมกับจับหน้าตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังยิ้มออกมาราวกับไม่ได้มีเรื่องในใจอะไรทั้งนั้นตอบเขา "นอนสิคะ พิณนอนครบแปดชั่วโมงต่อวันเลยนะแล้วคุณติณณ์ละคะเป็นไงบ้างวันนี้ เพิ่งไปเรียนมาเหรอ?" "อืม วันนี้แขนไม่มีอาการเกร็งเลยด้วย" "จริงเหรอคะ?" "ใช่ เมื่อเช้าก็ออกกำลังกายตามที่เธอบอก" "ดีเลยค่ะ แบบนี้น่าจะเพิ่มโปรแกรมออกกำลังเพิ่มได้" "วันนี้ทำอะไรล่ะ?" "วันนี้จะให้ใช้เครื่องทุ่นแรงแขนข้างที่เกร็ง และใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ตอนท้ายค่ะ" "ดีเลยฉันเมื่อยๆอยู่พอดี" "พิณต้องบอกคุณติณณ์กี่ครั้งเนี่ยว่าพิณไม่ใช่หมอนวด" "พูดมากน่า" ฉันแอบเบะปากใส่คุณติณณ์ทันทีหลังโดนเขาเหวี่ยงใส่ ก่อนจะเดินตามเขาออกจากลิฟต์มาที่ห้องบำบัดของตัวเอง "น้ำหนักนี้น่าจะพอดี" หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสรรพฉันก็เดินมานั่งรอบนโซฟา ก่อนจะยกแขนดูนาฬิกาเพราะตอนนี้มันสี่โมงกว่าแล้ว...ปกติคุณติณณ์จะไม่เลทนะ ฉันมองออกไปนอกห้องก่อนจะเดินออกไปดูเขาด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวจะเกิดเหตุเหมือนรอบก่อนอีก "คุณติณณ์คะ คุณติณณ์" ไม่มีเสียงตอบแฮะ ฉันเม้มปากมองไปที่ห้องส่วนตัวของคุณติณณ์ก่อนจะตัดใจเดินหันหลังออกมาแทน "พิณ พิณนรา!" เสียงตะโกนเรียกชื่อตัวเองจากด้านในห้องมันทำให้ฉันเบิกตากว้าง และต้องรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอนของคุณติณณ์อย่างถือวิสาสะ ดวงตาฉันเบิกกว้างมองคุณติณณ์ที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องน้ำทั้งที่ยังใส่เสื้อคลุมไม่เรียบร้อยดี แต่เพราะแขนขวาที่กำลังเกร็งตัวของเขามันทำให้ฉันต้องมองข้ามเรื่องนั้น และวิ่งไปหาเขาก่อน "ทำไมอาการกำเริบคะ?" "ไม่รู้" "อย่าปิดบังสิคุณติณณ์" ฉันมองสบตาคุณติณณ์ในตอนที่เขาหลบสายตาขณะที่มือของฉันก็กำลังบีบนวดแขนของเขาอยู่ ทั้งๆที่อาการกำลังดีขึ้นตามลำดับแท้ๆแต่ไหงเป็นงี้อีก... "คุณไปทำอะไรมาคะก่อนหน้านี้ ไม่สิ..." ตอนมาไม่เห็นรถตู้ที่รับส่งเขาประจำหนิ แถมเขายังมาจากทางโรงจอดรถอีก "คุณขับรถมาใช่ไหม?" "..." "คุณติณณ์" "แม่ง เลิกถามจี้สักที!" "คุณขับรถมาจริงๆสินะ แบบนี้ไม่ได้นะคะมันอันตราย!" คุณติณณ์ถอนหายใจออกมาเสียงดังพร้อมกับมองฉันด้วยแววตาดุดัน และเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ฉันตำหนิให้เขาไปแบบนั้น "แพทย์ยังไม่อนุญาตให้คุณขับจนกว่าอาการของคุณจะดีขึ้น ทำแบบนี้ที่คุณพยายามอดทนมามันก็ไม่มีประโยชน์สิ" "ก็ฉันเหนื่อยจะทนแล้ว อีกอย่างอาการมันก็ดีขึ้นแล้วฉันอยากกลับไปแข่งรถสักที!" "พิณรู้ว่าคุณอยากลงแข่ง แต่การบำบัดมันต้องเป็นไปตามลำดับ.." "เธอแม่งจะไปรู้อะไร!?" พรึ่บ! ฉันเบิกตากว้างหลังคุณติณณ์สะบัดแขนออกจากมือจนทำให้ตัวฉันเซไปตามแรงของเขา ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดพร้อมกับหันมองคุณติณณ์อีกครั้ง "ก็เพราะพิณไม่รู้ไงพิณเลยต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณในตอนนี้ คุณอยากได้อะไรคุณก็บอกสิคุณติณณ์ คุณจะเอาแต่ทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้เมื่อไหร่อาการคุณจะดีขึ้น เผลอๆยิ่งคุณฝืนทำแบบนี้มีแต่จะทำให้ร่างกายแย่ลง!" "..." "ขอร้องเถอะค่ะ อย่าแอบไปขับรถทั้งๆที่อาการนี้ยังไม่ดีขึ้นเลย ขืนคุณยังรั้นแบบนี้คุณอาจจะไม่ได้ลงสนามแข่งตลอดไปเลยก็ได้" ปึก! ฉันสะดุ้งมองคุณติณณ์ทันทีที่เขาใช้แขนขวาทุบประตูห้องน้ำพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยสายตาดุดัน ในตอนนี้คุณติณณ์น่ากลัวยิ่งกว่าพวกที่ฉันเจอเมื่อคืน มันเลยทำให้ฉันเผลอกำมือแน่นพร้อมกับมองเขาด้วยแววตายำเกรง "ถ้าเธอยังเอาแต่พูดว่าฉันจะไม่ได้ลงสนามแข่งอีกนะพิณนรา.." ฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคอในตอนที่เขาพูดจบ คุณติณณ์มองสบตาฉันราวกับจะฉีกฉันออกเป็นชิ้นๆจนร่างกายฉันสั่นเทิ้ม "ขะ ขอโทษค่ะ..พิณขอโทษ" "มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไปอย่ามากะเกณฑ์ชีวิตฉันอีก" เสียงของเขามันเต็มไปด้วยความกดดัน ขณะที่สายตาก็เต็มไปด้วยความน่ากลัวจนฉันทำได้แค่หลบสายตาเขาพร้อมกับก้มหน้าพยักหน้าอย่างจำยอม "ออกไป วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะบำบัดกับเธอแล้ว" แม้ในใจอยากจะพูดแต่สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือพยักหน้าพร้อมกับรีบเดินออกจากห้องนอนของเขาทั้งน้ำตา ฉันกลัวจนขาสั่นแต่ก็พยายามข่มความกลัวของตัวเอง คุณติณณ์น่ากลัวกว่าคนพวกนั้นหลายสิบเท่า แต่นี่มันยังไม่พออีกเหรอกับเรื่องที่ฉันต้องเจอทุกวันนี้...นอกจากคนพวกนั้นฉันยังต้องมาแบกรับอารมณ์ที่รุนแรงราวกับพายุของคุณติณณ์อีกคนด้วยใช่ไหม? "ฮึก" มันอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่สิ่งที่ฉันต้องทำคือต้องอดกลั้น และฉันคิดว่าใบหน้าคงเบะบิดเบี้ยวหมดแล้ว ฉันเองก็พยายามกลั้นน้ำตาแต่ระหว่างเก็บของเข้ากระเป๋าน้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุดจนทุกอย่างพร่าเบลอไปหมด แกร็ง "อ้าวคุณพิณไอ้ติณณ์ยังไม่มาอีกเหรอ?" ฉันสะดุ้งสุดตัวพร้อมกับหันมองคุณชินที่เดินเข้ามาในห้องด้วยความตกใจไม่ต่างจากเขาที่กำลังเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าฉันกำลังร้องไห้อยู่ ฉันส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกก่อนจะก้มหัวทักทายเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น "วันนี้คุณติณณ์ไม่บำบัดค่ะ ยังไงพิณขอตัวกลับก่อนนะคะ" คุณชินไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำฉันก็เดินผ่านหน้าเขาออกมาจากห้องและรีบตรงมาขึ้นลิฟต์แล้ว ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลงฉันก็ร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้นด้วยความอัดอั้นที่เกินจะทนไหว วันนี้ฉันทนกับทุกอย่างไม่ไหวแล้วจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม