กระต่ายน้อยในกรงทอง

1151 คำ
ตอนที่ 6 กระต่ายน้อยในกรงทอง แพรไหม รู้สึกตัวในตอนสายหลังจากหลับไหลไปเพราะพิษไข้และฤทธิ์ยาแก้ปวด ยังดีวันนี้เป็นวันอาทิตย์เธอไม่มีเรียน หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินลงมาด้านล่าง ป้าน้อย เดินมารอตรงบันใด และยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “ป้าเตรียมข้าวต้มปลา กับสลัดโรลของโปรดคุณแพรไว้แล้วค่ะ” “ขอบคุณมากค่ะป้า” เสียงนุ่มทุ้มต่ำที่คุ้นหูดังจากห้องรับแขก ทำให้คิ้วเรียวสวยของหญิงสาวขมวดเข้าหากัน “คุณสาลินีมาค่ะ กำลังคุยกับคุณสิปอยู่ในห้อง คุณแพรมาทานข้าวก่อนดีกว่าค่ะ” สาลินี คือพี่สาวของ สิปปกร ซึ่งตอนนี้แต่งงานกับนักธุรกิจใหญ่ตระกูลเหมรัตน์ที่เป็นพันธมิตรหลักของอัครเวทย์ ความจริงแล้ว เธอกับ สิปปกร มีบางอย่างที่คล้ายกัน คือพ่อกับแม่ของเขาและเธอ เสียไปแล้วทั้งคู่ เพียงแต่ว่า สิปปกร ยังมีพี่สาวที่ไปมาหาสู่และเกื้อหนุนทางธุรกิจต่อกันอย่างเหนียวแน่น ส่วนเธอนั้น แม้จะมีญาติอยู่บ้าง ทว่า แพรไหม ไม่รู้สึกว่าตัวเองมีเลยสักนิด “เธอจะต้องอยู่ภายใต้ฉัน ..ฉันจะเป็นผู้ปกครองเธอจนกว่าเธอจะอายุครบยี่สิบสองปี” เขาบอกไว้เช่นนั้น หลังจากพินัยกรรมของบิดาเธอ ไพศาล อนันตวงศ์ ถูกทนายอ่านให้ฟัง และตั้งแต่วันนั้น เธอก็มาอยู่ใต้อาณัติของ สิปปกร ท่ามกลางความไม่พอใจของญาติๆฝั่งอนันตวงศ์ ทุกคน ไม่จะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพ่อของเธอถึงเขียนพินัยกรรมไว้เช่นนั้น แต่แปลก ที่ แพรไหม รู้สึกปลอดภัย และมั่นใจว่าสิ่งที่พ่อตนได้ระบุไว้นั่น คือการสร้างเกราะป้องกันที่ปลอดภัยให้เธอ แม้ สิปปกร จะไม่ใช่ญาติของเธอก็ตาม ทว่า แพรไหม กลับรู้สึกสบายกว่าอยู่กับวงศาคณาญาติของตัวเองด้วยซ้ำ “คุณสิปทานแล้วค่ะ และให้ยกของว่างเข้าไปให้ในห้องกับคุณสาแล้ว คุณแพรทานก่อนนะคะเลยเวลามื้อเช้าไปนานแล้ว เดี๋ยวคุณสิปดุเอา” ป้าน้อย เอ่ยอย่างนอบน้อม ทุกคนที่นี่ ล้วนปฏิบัติกับเธอราวกับไข่ในหิน บางครั้งเธอก็คิดว่าตัวเองเป็นเหมือน กระต่ายน้อยในกรงทอง ที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และกรงทองอันนี้ยังมีโซ่ตรวนอันใหญ่มัดไว้อย่างหนาชั้นเสียด้วย “ต้องการอะไรเพิ่มก็บอกป้านะคะ” “ได้ค่ะ” แพรไหม จัดการอาหารอย่างเงียบๆ ทว่า ก็คอยชะเง้อคอมองไปยังห้องรับแขกอยู่ตลอดเวลา ความจริงวันนี้เธอดีใจที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้าน แสดงว่าเมื่อคืนเขานอนที่นี่ และเหมือนว่าวันนี้เขาน่าจะอยู่บ้านทั้งวัน . . “อีกปีกว่าๆ เด็กแพรนั่นก็จะอายุครบยี่สิบสองแล้ว บทบาทผู้ปกครองของแก ก็ใกล้จะสิ้นสุดลงแล้วซิ ถือว่าแกได้ทดแทนผู้มีพระคุณไม่ติดค้างต่อกันแล้ว” สาลินี หรี่ตามอง ร่างหนาของน้องชายที่นั่งไขว่ห้างอยู่ตรงข้าม เพียงผ่านไปไม่กี่ปีหลังจากพ่อกับแม่เสียเพราะอุบัติเหตุเครื่องบินส่วนตัวตก สิปปกร น้องชายที่เคยสดใสคนนั้น ก็กลายเป็นคนเย็นชาและดุกร้าว หลังจากมาบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของครอบครัวเต็มตัว เส้นทางของธุรกิจไม่ได้ขาวสะอาดนัก ไม่ต่างจากน้ำ ใสสะอาดนัก ก็ไร้ปลา ทว่าบ่อน้ำอันใหญ่ของ อัครเวทย์ ในรุ่นของ สิปปกร นั้น ถึงแม้ไม่ขาวสะอาด แต่ก็ใช่จะขุ่นเทาจนปลาอยู่ไม่ได้ นั่นทำให้ สิปปกร เปิดรับพันธมิตรจากหลากหลายกลุ่ม ทั้งขาว ทั้งเทา กระนั้นสิ่งเดียวที่ สิปปกร ยึดมั่นเสมอ คือการทดแทนผู้มีพระคุณ ตอนที่เขาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไพศาล อนันตวงศ์ พันธมิตรของพ่อ คือผู้ที่ฉุดรั้งและช่วยเหลือเขาทุกอย่าง จนอัครเวทย์ ผงาดขึ้นอีกครั้ง และในวันที่ ไพศาล ป่วยหนัก ผู้มีพระคุณได้เรียกเขาไปพบ “ผมฝากแพร ลูกสาวผมด้วยนะคุณสิป” ถ้อยคำนั้น กังวานก้องอยู่ในโสตประสาทของเขา ....จนทุกวันนี้ “ใช่แค่ปีกว่า แพรก็เรียนจบตรีพอดี” สิปปกร เอ่ยเสียงราบเรียบ ใบหน้าหล่อเข้มก้มลงมองถ้วยชาร้อนในมือ ความรู้สึกมากมายหลบซ่อนอยู่ภายใต้แผงขนตางามงอนนั้น “ทำไมพี่มีความรู้สึกว่า เด็กนั่นดูยังไงก็เหมือนเด็กมอปลาย นี่อีกปีเดียวก็จบตรีแล้วเหรอ” คำบอกนั้น ทำให้มุมปากของ สิปปกร ยกโค้งขึ้น “แพรโตแล้วครับ” “พี่ว่า สิปประคบประหงมน้องเกินไป ยิ่งกว่าไข่ในหินอีก ยังงี้ หากน้องเป็นอิสระแล้ว แน่ใจได้ยังไงว่าจะไม่ถูกพวกแร้งพวกกาของอนันตวงศ์มารังแก และยิ่งเห็นบอกว่าตอนนี้กำลังจะหาทางทาบทามลูกชายเจ้าของเหมืองให้น้องด้วย” ดวงตาของชายหนุ่มขุ่นมัวขึ้น ปึก!! แก้วชาถูกวางลงยังโต๊ะ “มันคงไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับพี่สา” “คุณแพรคะ! มากินยาก่อนค่ะ ป้าวางยาไว้บนโต๊ะ คุณแพรยังไม่กินเลยนะคะ" เสียงเรียกของป้าน้อยอยู่หน้าห้อง นั่นทำให้คิ้วหนาของ สิปปกร ขมวดย่นเข้าหากัน ด้วยรู้สึกว่าเหมือนมีเด็กในปกครองที่แสนซนกำลังแอบฟังเขาคุยอยู่ สาลินี อมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเหยียดกายลุกขึ้น “สวัสดีค่ะคุณสา” แพรไหม ยกมือไหว้คนอายุเยอะกว่า เมื่อเห็นร่างระหงของ สาลินี เดินออกจากห้องมา ก่อนจะทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย เมื่อสบตากับใบหน้าหล่อเข้มที่มองอยู่ก่อนแล้ว “จ้า ได้ข่าวว่าไม่สบายดีขึ้นยังเอ่ย” “ดีขึ้นแล้วค่ะ พอดีแพรทานข้าวแล้วเดินผ่านมาพอดี” ตอบสาลินี แต่ดวงตาคู่สวยก็ช้อนมองอีกคน ด้วยเกรงว่าตัวเองจะโดนตำหนิว่าเสียมารยาทที่เดินมาตรงนี้ และคนอย่างเขาไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่เธอพูดแน่นอน “อุ้ยบังเอิญเหมือนกัน พี่ก็กำลังจะเดินไปหาน้องแพร” สาลินี หัวเราะคิกคัก ขณะขยับตัวมาใกล้ “ว่าจะมาชวนน้องแพรไปงานคอลเลคชั่นต้นสัปดาห์หน้า และวันนี้...” “แพร!” เสียงเรียกทรงพลังนั้น ทำให้ สาลินี ชะงักคำพูดไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียงที่ทำวางสีหน้าเรียบเฉย ร่างหนาเดินไปหาคนในปกครองของเขา และเอื้อมมือไปแตะข้อศอกเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไปกินยาก่อน เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก” ************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม