ตอนที่ 11
ผู้หญิงในสเปค
“เป็นอะไร?”
เสียงเข้มเอ่ยถาม เมื่อเห็นคนตัวเล็กเอาแต่นั่งนิ่งเงียบตั้งแต่ขึ้นมาบนรถ ทั้งที่เมื่อสักครู่เขาเองควรจะเป็นฝ่ายหงุดหงิด เมื่อเห็น ดนัย ทายาทเหมืองไพรัช ยืนแทบจะแนบชิดแบบนั้น แถมสร้อยข้อมือวาววับรูปหัวใจบนข้อมือขาวนั่นอีก
“เปล่าค่ะ”
แพรไหม ขยับไปจนชิดประตูรถอีกฝั่ง
เมื่อสักครู่หลังเขาเข้ามาทัก ดนัย ก็เดินห่างออกไป แพรไหม จึงเดินตามเขาออกมาที่รถ ทว่าร่างระหงของ อ้อมดาว สาวไฮโซคนสวยที่เดินตามมาและโบกมือให้เขานั้น
พร้อมเอ่ยด้วยถ้อยคำหวานล้ำ
“ไว้นัดทานข้าวกันอีกนะคะ”
ความจริงเขานัดทานข้าวกับ คุณอ้อมดาว ที่นี่ แล้วไม่แน่ใจว่าเขาจะหนีบเธอมาด้วยทำไม แถมยังปล่อยให้เธอนั่งกินข้าวคนเดียวและรอเขาตั้งนานสองนาน
“งอนอะไร?”
“คราวหลังถ้าจะนัดกินข้าวกับสาวแบบนี้ ไม่ต้องให้แพรมาด้วยก็ได้ค่ะ คุณสิปจะได้ไม่ต้องพะวงว่าจะต้องกลับพร้อมแพร และแพรเองก็ไม่ได้อยากมานั่งรอเป็นชั่วโมงแบบนี้เหมือนกัน”
น้ำเสียงของเธอสั่นระริก หน้าสวยเบี่ยงมองไปทางกระจกด้านนอกไม่หันมาสบตาเขาแม้เพียงนิด
หัวคิ้วหนาของ สิปปกร ย่นเข้าหากัน
ชายหนุ่มขยับเข้ามาใกล้ รั้งร่างบางให้มาแนบชิด
“ฉันมาคุยเรื่องงาน”
“.....”
“ก็รับเธอมาด้วยไม่เห็นจะเป็นไรนี่นา จะได้มาทานของอร่อยที่นี่ด้วย และฉันก็รีบคุยรีบเดินออกมาหา จน...”
ดวงตาคู่สีนิลหลุบลงต่ำ เมื่อมองสร้อยระยิบระยิบบนข้อมือขาวของหญิงสาว กรามของเขาขบเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูนเด่น
“แพรไม่อยากมาด้วย ถ้าคุณสิปนัดคุยงานแบบนี้”
ถึงอยากจะวางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่มีเหตุผล แต่ทำไมเธอจะดูท่าทีของ อ้อมดาว ไม่ออก ยิ่งสายตาหวานเชื่อมที่มองผู้ปกครองรูปหล่อของเธอ และยังกวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่นก็ทำให้ แพรไหม รู้สึกอึดอัดจนไม่ชอบ
“เด็กดื้อ ไม่ยอมโตสักที”
“ใช่ แพรเป็นเด็ก ไม่ต้องไม่สนใจแพรก็ได้ค่ะ”
แพรไหม สะบัดมือออกจากเขา พลันน้ำใสก็เอ่อขึ้นมาบริเวณหางตา ก่อนที่ร่างเล็กจะสะอื้นร่ำให้ นั่นทำให้หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่นเข้าหากันเพื่อระงับอารมณ์ ด้วยรู้สึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ว่าทำไมเธอต้องอ่อนไหวขนาดนี้
ยิ่งเขาบอกว่าเธอเป็นเด็ก เธอยิ่งหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ต้องร้อง”
เสียงของ สิปปกร อ่อนลง ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกรวบขึ้นให้มานั่งบนตักเขา นิ้วเรียวแข็งไล้ยังปรางแก้มเนียนช้าๆ เพื่อซับน้ำตาอย่างแผ่วเบา มืออีกข้างลูบไล้เรือนผมสลวยเธอเพื่อปลอบประโลม จนหน้าสวยซุกแนบเข้ากับแผงอกกำยำของเขา
กลิ่นเรือนกายและน้ำหอมสะอาดที่คุ้นชิน
ทำให้ แพรไหม สะอึกสะอื้นยิ่งกว่าเดิม
“แพรไม่ใช่เด็กแล้ว”
“อืม”
คางหนาเกยทับยังศีรษะเล็ก ขณะมือหนายังคงลูบไล้แผ่นหลังบางของเธอเบาๆ “แล้วทานอะไรไปบ้าง?”
“ข้าวต้มปลา”
หน้าสวยงุดอยู่กับอกกว้าง โกรธตัวเองที่งอนเขาเหมือนกับเด็ก หากเปรียบเทียบกับสาวไฮโซลูกสาวเหมืองไพรัชแล้ว คล้ายว่าเธอจะเป็นเด็กกะโปโลยิ่งกว่าเดิม
“อะไรอีก”
“สลัดทูน่า น้ำพีชปั่น”
“ไม่สั่งติ่มซำมากินเหรอ?”
“.....”
“ช่วงนี้ เคเอ็มแมริออทมีเมนูติ่มซำกับซีฟู้ดอร่อยๆ ที่พามานี่อยากให้เธอได้ทาน”
“คุณสิปชอบคุณอ้อมเหรอคะ?”
ถามแล้ว แพรไหม ก็อยากจะตบปากตัวเอง ด้วยรู้ว่าเป็นคำถามที่ไม่สมควรจะถามเป็นอย่างยิ่ง คนอย่าง สิปปกร คงไม่ชอบให้ใครมาถามความคิดและความรู้สึกของเขาแบบนี้
“เปล่า”
เขาตอบสั้นๆ
“......”
“ฉันไม่ได้ชอบ อ้อมดาวไม่ใช่ผู้หญิงในสเปคของฉัน”
ถ้อยคำนั้นเหมือนทำให้ หัวใจของแพรไหม กระตุกไหว
“แล้วสเปคของคุณสิปเป็นแบบไหนคะ?”
ไหนๆ ก็ถามแล้ว เธอก็อยากจะรู้จนต้องถามต่ออีก
อยากรู้ว่าเขาชอบผู้หญิงแบบไหนกัน
เธอพอจะมีโอกาสเป็นแบบนั้นได้ไหม? และถ้าเป็นไปไม่ได้ เธอจะได้พยายามปรับปรุงตัวเองให้ใกล้เคียงที่สุด
สิปปกร เงียบไปสักพัก
ทว่าเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กบนตักหยุดร้องให้แล้ว มุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้น
“ผู้หญิงที่เหมือนเจ้ากุหลาบมั้ง”
“กุหลาบ?”
กุหลาบ คือแมวส้มปนขาวพันธุ์ไทยผสม แมวอ้วนสุดที่รักของเธอ ที่เขาเอามาให้ มันเป็นแมวตัวเมียที่หยิ่งๆ นิดๆ ทว่าหากเราจะเดินหนีมันจะเข้ามาออดอ้อน และกลิ้งไปมาเพื่อให้เราเกาพุงและคางมันอยู่เสมอ
ทำไมสเปคผู้หญิงของเขาถึงเหมือนแมว
“กุหลาบมันรู้เสมอว่าอย่างไงเจ้าของมันก็ไม่มีวันห่างไปไหน ถึงแม้บางวันจะไม่กลับไปเจอมันบ้าง แต่มันก็ยังรอคอยอยู่ในห้องเป็นกรงที่ปลอดภัยของมัน เพื่อให้เรากลับไปกอดไปลูบมันอยู่เสมอ”
รอคอยอยู่ในกรงที่ปลอดภัยงั้นเหรอ?
ต่อให้แมวมันรักอิสระเพียงใด ทว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายนัก หากมันเตลิดไปตามอารมณ์ของมันก็คงจะโดนพวกหมาจรหรือคนทำร้ายไม่ต่างจากเจ้าโซดาแมวตัวก่อนหน้านี้
การอยู่บ้านที่เป็นกรงอันใหญ่จะดีที่สุดสำหรับมัน
ฟังแล้ว....
เจ้าเหมียวกุหลาบ ก็ไม่ต่างจากเธอเลยสักนิด ที่ต้องอยู่ในกรงอันใหญ่ ภายใต้โซ่ตรวนที่แน่นหนาของเขาในตอนนี้
“แล้ว...”
“คะ?”
“เธอชอบสร้อยข้อมืออันนี้เหรอ?”
ปลายนิ้วสากไล้ยังสร้อยข้อมือนั้นเบาๆ ทว่าน้ำเสียงของเขาแฝงความกดดันอยู่ในที แพรไหม ก้มลงมองแสงระยิบระยับที่ตัดกับผิวขาวของตัวเอง
“ไม่ค่ะ หนูไม่ได้ชอบแต่เมื่อกี้คุณดนัยเขาให้หนูใส่”
เหมือนจะได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกของอีกฝ่าย มือหนาจับข้อมือเธอขึ้น กระตุกยังตะขอสร้อยแบรนด์เนมนั้นเบาๆ จนหลุดออกจากกัน
ก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกเสียงเข้ม
“เด็กดี อะไรที่เธอไม่ชอบไม่จำเป็นต้องให้มาอยู่บนตัวเธอ”
************