เสิ่นอวี้ยืนนิ่งมิไหวติง ยามนี้หัวใจเขามันแตกละเอียดมิมีชิ้นดี เขาถูกดึงให้คุกเข่าลงตรงหน้าสตรีอันเป็นที่รัก ซึ่งยามนี้นางอยู่สูงเกินเอื้อม จนแม้แต่หน้าเขาก็มิคู่ควรจะมอง คำพูดก่อนนี้ของฟู่หรงมันก้องอยู่ในหัว และเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนางจึงมีท่าทีเช่นนั้น “ลุกขึ้นเถอะ ยามนี้ข้ามิได้มีตำแหน่งใดทั้งสิ้น ยังเป็นเพียงธิดาที่หายสาบสูญไปเท่านั้น” “อย่างไรเสียพระองค์ก็เป็นเชื้อพระวงศ์ กระหม่อมเป็นเพียงข้าราชบริพาร อยู่ต่อหน้าผู้เป็นนายต้องถือกฎเกณฑ์เป็นสำคัญพะย่ะค่ะ” ฟานเสียนเอ่ยขึ้นเสียงดัง ราวกลับกำลังตักเตือนใครบางคนไปด้วย ทำเอาคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ถึงกับสะอึก ยามนี้คำว่าน้ำตาตกในเหมาะกับเสิ่นอวี้ได้อย่างดี สองสหายซึ่งนั่งคุกเข่าอยู่ข้างกายต่างพากันสงสารผู้เป็นนาย แต่จะช่วยเช่นใดได้ เมื่ออดีตฮูหยินยามนี้นางกลายเป็นสิ่งต้องห้ามไปแล้ว หากทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมาสกุลจางคงได้ต้องโทษไปด้วยเป็นแน่ ทุก