“พี่เอย...” ขวัญมาเรียกด้วยน้ำเสียงปรามเพื่อให้พี่ฝาแฝดเย็นลงก่อน “แม่ก็แค่รักพวกเรามาก”
“มากเกินไป ความรักของแม่ทำร้ายพวกเรามาตลอด ตั้งแต่จำความได้” ขวัญเอยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาคลอน้ำ หัวใจสั่นเทา เมื่อนึกถึงวัยเด็กของตัวเอง สายตาของมารดาที่มองเธอ มันเหมือนกับสายตาที่เกลียดชัง ทุกครั้งที่มารดาตีเธอและลงโทษเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดกับความคิดที่วนเวียนอยู่ในสมองว่า มารดาไม่ได้รักเธอเลย รักแต่น้องสาว รักแต่ขวัญมา “แม่ทำเหมือนความฝันของพวกเราไม่มีค่า หากขังพวกเราไว้ในบ้านได้ แม่คงทำไปแล้ว”
“ไม่เอาน่าพี่เอย ทำไมพูดอย่างนี้ ถ้าแม่ได้ยินแม่จะเสียใจนะ” ถึงเธอจะว่ากล่าวตักเตือนพี่ฝาแฝด แต่เธอก็เข้าใจความรู้สึกของพี่ฝาแฝดยิ่งกว่าใคร เพราะเธอเองก็คิดไม่ต่างกัน เพียงแค่แสดงออกต่างกันเท่านั้น ขณะพี่ฝาแฝดซื่อสัตย์ต่อความคิดและความฝันของตัวเอง ยอมเป็นเด็กดื้อเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการ แต่เธอกลับปิดบังความคิด ความรู้สึกและความฝันของตัวเองไว้จนมิดชิดที่สุด เพื่อจะได้เป็นเด็กดีของมารดา เพื่อทำให้มารดามีความสุข แม้เธอจะไม่มีความสุขเลยก็ตาม “มาเชื่อว่าถ้าแม่ได้เห็นพี่เอยในวันนี้ แม่จะต้องภูมิใจในตัวพี่เอย ที่พี่เอยมีชีวิตที่ดีและประสบความสำเร็จได้ ด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ”
“แต่พี่ขโมยชีวิตแกไปนะ”
“พี่กำลังทำความฝันของพวกเราให้เป็นจริงต่างหาก ตอนนี้ก็เหมือนเราสองคนได้ทำความฝันของตัวเองไง”
“ใช่ แกเองก็อยากเป็นแอร์โฮสเตสเหมือนกัน แต่แกเลือกทำงานในครัว เพราะมันทำให้แกลืมความฝันได้”
พี่ฝาแฝดคือคนที่เข้าใจเธอมากที่สุดในโลกสินะ...
“การทำอาหาร ทำให้มามีความสุข” เมื่อไม่สามารถเดินตามความฝันได้ เธอจึงเลือกการทำอาหารเป็นงานหลักของชีวิต เพราะค้นพบว่าการทำอาหารช่วยบำบัดความเครียดได้ หลังจบมัธยมปลาย เธอจึงมุ่งหาความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารตามสถาบันต่าง ๆ แทนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย “แล้วงานของพี่เป็นไงบ้าง สนุกมั้ย ได้ไปเที่ยวรอบโลกรึยัง?”
“สนุกสิ งานของพี่มีแต่เรื่องให้ตื่นเต้น” สายตาระยิบระยับขณะเล่าทำให้รู้ว่าขวัญเอยมีความสุขแค่ไหน “พี่ได้ไปในที่ ๆ พี่อยากไป ได้ไปเห็นในสิ่งที่อยากเห็น ได้สัมผัสและเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ๆ มากมาย ได้รู้ว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหน”
“ดีจัง” ขวัญมารู้สึกชื่นชมยินดีกับความสุขของพี่ฝาแฝด ที่เขาสามารถทำในสิ่งที่เคยพูดในสมัยเด็กได้
“แล้วแกล่ะ จะมัวอยู่แต่ที่พัทลุงเหรอ ไม่คิดจะไปไหนเลยรึไง โลกใบนี้มันกว้างกว่าที่แกคิดเยอะเลยนะ”
“ใครบอกว่าอยู่แต่ที่นี่ มาเคยไปเรียนทำอาหารที่หาดใหญ่ แล้วยังฝึกงานที่สงขลาตั้งหลายเดือนแน่ะ”
“ชีวิตแกวนเวียนอยู่แค่พัทลุงกับสงขลาจริงๆ”
“ว่าแต่ พี่เอยเหอะ ยอมกลับมาบ้านแบบนี้ ต้องมีเหตุผลอะไรสิ ใช่มั้ย?”
“มีสิ” ขวัญเอยวางมือลงบนหลังมือของน้องสาวแล้วบีบแน่นแทนความรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจ “พี่มีเรื่อง...”
วินาทีนั้นเอง ที่โทรศัพท์ของขวัญเอยดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อ ‘ท่านประธาน’ สายตาของขวัญเอยยามมองหน้าจอโทรศัพท์ บอกได้เลยว่ามันเต็มไปด้วยความรัก
“อยู่พัทลุงแล้วค่ะ” รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มหู น้ำเสียงของขวัญเอยแอบหวานกว่าเธอเสียด้วยซ้ำ ขวัญมาอดทึ่งไม่ได้ที่พี่ชายฝาแฝดดูไม่เหมือนผู้หญิงข้ามเพศเลยสักนิด แต่เขาดูเหมือนผู้หญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์มากกว่า
“ยังอยู่ที่โรงแรมค่ะ ยังไม่ได้กลับไปที่บ้านเลย ตั้งใจจะกลับพรุ่งนี้เช้าค่ะ ถ้ายังไงตอนอยู่บ้านเราอาจจะติดต่อกันยากหน่อยนะคะ เพราะบนเกาะสัญญาณโทรศัพท์ไม่ค่อยดี คุณก็รู้ว่าบ้านเกิดของมาทั้งกันดารและห่างไกลความเจริญ เพราะงั้นถ้าเกิดติดต่อไม่ได้ คุณก็ไม่ต้องกังวลนะคะ มาจะติดต่อไปเอง”
หลังจากพี่ฝาแฝดวางโทรศัพท์จากท่านประธาน น้องสาวก็อดแซวด้วยความตื่นเต้นไม่ได้
“แฟนเหรอพี่เอย???”
“อืม” ขวัญมาตอบเขิน ๆ “คืนนี้มานอนกับพี่นะ พี่มีเรื่องจะคุยกับมาเยอะแยะเลย”
“ได้สิพี่เอย ว่าแต่ พี่เอยบอกแฟนว่าจะกลับบ้านนี่นา พี่เอยพูดจริงรึเปล่า?”
“จริงสิ” เธอตัดสินใจแล้วว่าไม่ควรหนีอีกต่อไป
ขวัญมาแทบกระโดด “แม่กับพ่อต้องดีใจแน่เลย งั้นมาโทรไปบอกแม่ดีมั้ย”
“อย่าเพิ่ง พี่อยากเซอร์ไพรซ์”
“โอเค งั้นเย็นนี้มาเลี้ยงเอง พี่เอยอยากกินอะไร เดี๋ยวมาพาไปกิน ขนมจีนมั้ย เหนียวไก่ทอดก็ได้ หรือว่าข้าวหมกไก่”
“อะไรก็ได้....ที่ไม่อ้วน!!”
“อ้าว!”
เธอลืมไปเลยว่าพี่ฝาแฝด เป็นคนรักษาสุขภาพจนขึ้นสมอง ในขณะที่เธอมีความสุขกับการกินตลอดเวลา !