เราไม่ใช่ตุ๊กตา

905 คำ
ใช่แล้ว...เธอเป็นผู้ชาย แม้วิญญาณของเธอจะเป็นผู้หญิงก็ตาม...นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอไปจากที่นี่ เธออยากหนีตัวเอง ไม่อยากเป็นตัวเองอีกต่อไป เธอเคยคิดนะว่าการเปลี่ยนแปลงเพศสภาพของตัวเองจะสามารถลดปมด้อยในจิตใจลงได้ แต่พอถึงวันนี้ เธอได้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่เลย ต่อให้ทุกอย่างเหมือนกันแล้ว แต่เธอก็ไม่สามารถเป็นแม่คนได้อยู่ดี และนี่คือความลับที่เธอเก็บซ่อนอย่างมิดชิดมาตลอดเจ็ดปี เธอไม่ใช่ผู้หญิงแท้ และไม่ได้ชื่อขวัญมา...บัตรประชาชนที่อยู่กับเธอมาตลอดเจ็ดปี คือบัตรประชาชนของน้องสาวฝาแฝด เธอขโมยตัวตนของน้องสาวผู้น่าสงสารแล้วขึ้นรถไฟหนีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปแสวงหาโอกาสและทำความฝันของตัวเองจนสำเร็จ “ทำไมไม่บอกว่าจะมา มาจะได้ไปรับที่สนามบิน” “ไม่เป็นไรหรอก พี่อยากเซอร์ไพรซ์ พัทลุงเจริญขึ้นเยอะเลยนะ กาแฟแก้วนี้ก็อร่อยดี” “บ้านเราสนุกกว่าแต่ก่อนเยอะเลยพี่ ไม่เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อนแล้ว ตอนนี้ใคร ๆ ก็มาเช็คอินที่พัทลุง คาเฟ่ที่มาทำงานอยู่ก็ดีนะ เชฟทำอาหารเก่งมาก คนแน่นร้านทุกวัน โดยเฉพาะวันหยุด ทำงานกันมือหงิก” “เพื่อนร่วมงานแกดีมั้ย” “ดีสิพี่ น่ารักทุกคนเลย มามีความสุขมากที่ได้ทำงานที่นั่น ถ้าพี่เอยได้เห็นนะ พี่เอยต้องชอบ” ขวัญมาสาธยายชีวิตตัวเองอย่างมีความสุข เพราะไม่อยากให้พี่ฝาแฝดรู้สึกผิด ที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นสาวข้ามเพศแทนตัวเอง และใช้ชีวิตอยู่ในชื่อขวัญเอยมาร่วมเจ็ดปี “แล้ว...แกไม่มีปัญหาอะไรเหรอ ที่ต้องใช้ชีวิตแบบ...ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง ทุกคนคงคิดว่าแกเป็น” “ไม่มีปัญหาเลยพี่ สนุกดีออก ใคร ๆ ก็ชอบที่มาเป็นแบบนี้ มามีเพื่อนเยอะแยะเลย ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทุกคนชอบมากันทั้งนั้น แถมมีคนจีบเยอะแยะด้วย ไม่เห็นมีใครคิดอะไรเลย เดี๋ยวนี้เขาเน้นที่จิตใจเป็นหลัก” ขวัญมาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงสดใส เพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกอึดอัดในใจ เพราะความจริงแล้วเธอก็ลำบากอยู่มิใช่น้อย ที่ต้องคอยปิดบังและโกหกคนอื่น หากไม่ใช่เพราะต้องการปกป้องพี่ชายฝาแฝด เธอก็คงไม่ทนขนาดนี้ ใช่แล้ว...การปกป้องพี่ชายฝาแฝด คือภารกิจหลักอีกอย่างที่เธอตั้งใจจะทำ แม้ต้องเสียตัวตนและต้องใช้ชีวิตเสมือนสาวข้ามเพศ แต่เธอก็เต็มใจและพร้อมสนับสนุนพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่มีเงื่อนไข ทุกวันนี้ เธอจะเป็นขวัญเอยก็เฉพาะตอนอยู่ที่เมืองพัทลุงเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่เธอกลับบ้านต่างอำเภอ เธอก็จะกลับไปเป็นขวัญมาของบิดามารดาเหมือนเดิม โดยที่บิดามารดาไม่รู้เลยว่าพวกเธอสลับตัวตนกันอยู่ แม้จะรู้สึกผิดบาปต่อบิดามารดา จนมีหลายครั้งที่เกือบจะสารภาพผิด แต่พอนึกถึงพี่ชายฝาแฝดผู้น่าสงสาร เธอก็เลือกที่จะไม่พูดความจริงต่อไป “ว่าแต่ พี่ติดต่อแม่รึยัง แม่รู้รึเปล่าว่าพี่กลับมา” สีหน้าของขวัญเอยพูดแทนคำตอบได้ดี ความรู้สึกสับสนกังวลใจและกดดันยิ่งท่วมท้นเมื่อคิดถึงมารดา “แม่ยังไม่รู้ พี่ยังไม่ได้บอก” “พี่จะเซอร์ไพรซ์แม่เหรอ พี่จะคืนดีกับแม่แล้วใช่มั้ย ใช่มั้ยพี่เอย!!” ความหวังของเธอจะเป็นจริงแล้วใช่รึเปล่า ครอบครัวที่แตกร้าวเพราะความไม่เข้าใจ กำลังจะถูกสมานรอยร้าวด้วยความรัก “แม่คงไม่ให้อภัยพี่หรอก” “พี่เอย...แม่คิดถึงพี่เอยมากเลยนะ ถึงจะปากแข็ง ทำเหมือนไม่สนใจ ไม่คิดถึง แต่ความจริงแล้ว...” “แม่เนี่ยนะ คิดถึงพี่” จะให้เธอเชื่อได้ยังไง ในเมื่อมารดาไม่เคยคิดจะโทรหาเธอเลยสักครั้ง โทรศัพท์เครื่องเก่าที่เธอเก็บไว้ในก้นกระเป๋า ยังคงเป็นเบอร์เดิม ซึ่งเป็นเบอร์ที่เธอใช้ติดต่อกับขวัญมามาตลอด “พี่หายไปตั้งหลายปี ไม่เห็นจะทุกข์ร้อนอะไรเลยนี่นา” “ใครบอกไม่ทุกข์ร้อน แม่ชะโงกดูทางเข้าบ้านทุกวัน พี่กับแม่นี่เหมือนกันเด๊ะ ทิฐิแรงพอกัน ลองลดลงบ้างได้มั้ย ยังไงก็ครอบครัวเดียวกัน ไม่มีใครรักพี่ได้มากไปกว่าพ่อกับแม่หรอกนะ กลับบ้านเถอะพี่” คำพูดของน้องสาวมีเหตุผล ไม่มีใครรักเราได้มากกว่าพ่อแม่ แต่หากพ่อแม่ได้รู้ว่าลูกทำในสิ่งที่พ่อแม่ห้าม พวกท่านจะยังอ้าแขนต้อนรับลูกหัวดื้ออยู่รึเปล่า “แกก็รู้ว่าแม่เกลียดอาชีพแอร์โฮสเตสมากแค่ไหน ถ้าแม่รู้ว่าพี่เป็นแอร์ แม่ไม่มีทางให้อภัยพี่แน่” “ยังไงแม่ลูกก็ตัดกันไม่ขาดหรอกพี่ แม่ต้องเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่พี่รัก” “ถ้าแม่ไม่เข้าใจล่ะ มาก็รู้ว่าแม่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ไม่เคยรู้ว่าเราต้องการอะไร แม่ก็ดีแต่ห้าม บังคับ ตีกรอบชีวิตของพวกเรา ทำเหมือนพวกเราเป็นตุ๊กตา”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม