เช้าวันต่อมา...
วันนี้ฉันตื่นแต่เช้ามืดเนื่องจากมีเรียนตอนเช้าแม้จะรู้สึกเพลียจนลุกแทบไม่ขึ้นเพราะเรื่องเมื่อคืนก็ตามแล้วสาเหตุที่ฉันต้องตื่นเช้าขนาดนี้เพราะฉันคงต้องขึ้นรถไปเรียนเองฉันคิดว่าเจไดคงไม่ลุกไปส่งเพราะเราเรียนกันคนละที่มหาลัยเขากับฉันมันอยู่คนละทางคอนโดเขาอยู่ใกล้มหาลัยของเขาเขาขับรถไปไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้วเขาคงไม่อยากเสียเวลาไปส่งฉันแล้ววนกลับมา อ่อฉันลืมบอกไปว่าฉันกับเจได้เราเรียนกันคนละมหาลัยเพราะพ่อกับแม่ของฉันกับของเจไดต่างลงความเห็นกันว่าอยากให้เราสองคนลองแยกกันเรียนกันดูบ้างเพราะเราสองคนเรียนโรงเรียนเดียวกันอยู่ห้องเดียวกันมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงมอปลายตัวติดกันยิ่งกว่าฝาแฝดซึ่งตอนแรกเจไดไม่ยอมเพราะเราเป็นแฟนกันแล้วก็อยากเรียนที่เดียวกันคณะเดียวกันแต่ทางผู้ใหญ่ก็ให้เหตุผลว่าควรจะห่างกันบ้างอยู่ด้วยกันทุกวันมันอาจจะทำให้เบื่อกันง่ายไม่รู้สึกถึงความห่วงหาหรือคิดถึงกันเพราะเจอหน้ากันทุกวันและมันจะเป็นบทพิสูจน์ว่าการที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลามันจะทำให้ความรักของเราเปลี่ยนไปหรือเปล่าถ้าไปเจอคนอื่น ท่านบอกว่าที่ทำแบบนี้เพราะหวังดีท่านมองอนาคตของเราไว้แล้วว่ายังไงก็ต้องแต่งงานกันท่านเกรงว่าพอแต่งงานกันไปจะเบื่อกันเร็วตอนนั้นเจไดดื้อหัวชนฝามากเขาบอกว่าเขารักฉันมากมากถึงมากที่สุดไม่มีวันที่เขาจะมองหรือสนใจคนอื่น ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าจะไม่มีผู้หญิงเข้ามาสารภาพรักมาอ่อยเขาถึงบ้านแต่เขาบอกกับผู้หญิงพวกนั้นว่ามาว่ามีคนรักอยู่แล้วเพราะแบบนี้เขาถึงมั่นใจว่าเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากฉันอย่างแน่นอนต่อให้มีผู้หญิงที่สวยกว่าฉันดีกว่าฉันสักแค่ไหนเขาก็ไม่มีวันไปยุ่งเขาบอกว่าฉันคือสิ่งที่ดีและมีค่าที่สุดในชีวิตของเขา ในตอนนั้นที่ฟังฉันรู้สึกภูมิใจจนน้ำตารื้นเขาสัญญาต่อหน้าพ่อกับแม่ว่าจะรักและดูแลฉันตลอดไป แต่สุดท้ายกลายเป็นฉันเองที่ทำให้ทุกอย่างพังลง
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ช่างมันเถอะปล่อยผ่านไปเพราะมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของฉันที่มีอะไรกันกับเจไดแม้จะรู้สึกผิดต่อแฟนใหม่ของเขาก็ตาม ฉันจะพยายามไม่คิดมากและสาบานว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกและคิดว่าจะต้องรีบไปหาซื้อยาคุมฉุกเฉินมากินแม้จะรู้ว่าตัวเองอาจมีอาการแพ้ยาก็ตามฉันอาจจะต้องปรึกษาเภสัชว่ามีแบบที่กินแล้วไม่แพ้ไหม
ฉันมองดูเวลาตอนนี้มันสายมากแล้วฉันคงต้องรีบออกจากห้องแต่พอเดินออกมาก็เจอเจไดกำลังยืนทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงเคาท์เตอร์ครัวฉันแอบมองเขาจากทางดานหลังซึ่งตอนนี้เขาอยู่ในชุดนักศึกษายยืนดูสักพักก็เห็นว่าเขากำลังทำอาหารเช้าอยู่ ฉันเขาคงทำกินเองไม่ได้ทำเผื่อฉันหรอก
"เจไดเอ่อ..หลิวไปเรียนก่อนนะ" ฉันยืนมองเขาอยู่อย่างเงียบๆสักพักก่อนจะบอกออกไป เขาหันมามองแวบนึง..แค่แวบเดียวจริงๆก่อนจะหันกลับไปทำอาหารของเขาต่อ พอเห็นแบบนี้ฉันก็อดน้อยใจขึ้นมาไม่ได้และอดคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เช่นกัน คำหวานที่เขาพูดกับฉันตอนที่เรามีอะไรกันมันก็คงเป็นความเคยชินสินะพอได้สิ่งที่ต้องการแล้วฉันก็ไม่มีความหมาย หึ เหมือนฉันเป็นคนใจง่ายเลยเนอะ ฉันสลัดความรู้สึกหน่วงและเจ็บออกไปก่อนจะเดินไปหน้าประตูเพราะถ้าอยู่นานกว่านี้ฉันอาจจะร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาเหมือนเมื่อคืน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะก้าวขาออกจากห้องเอวฉันก็ถูกเขารั้งไว้เขาเดินมากอดฉันจากทางด้านหลังมันทำให้ใจของฉันสั่นไปหมด เขามากอดฉันทำไมเขาคิดจะทำอะไรจะแกล้งอะไรฉันอีก
"มากินข้าวก่อนอุตส่าห์ตื่นมาทำให้เดี๋ยวจะไปส่งมหาลัย" น้ำเสียงอบอุ่นของของมันทำให้ฉันกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว
"ฮึก ฮึก ฮึก ฮืออออ ฮืออออ"
"ร้องไห้ทำไม หื้มมม" เขาจับไหล่ฉันให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาพร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างเบามือ
"ฮือออ เจได หลิวขอโทษ ฮือออ ฮือออ" ฉันกอดเอวเขาเอาหน้าซบอกแล้วก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่ได้
"ขอโทษเรื่องอะไร"
"ฮึก ฮึก เรื่องที่หลิวบอกเลิกเจไดไง หลิวขอโทษ หลิว..."
"ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว"
"ถ้าหลิวขอให้เรากลับมาเริ่มต้นกันใหม่กลับมาคบกันเจไดจะ..." ฉันพูดไม่ทันจบประโยคเขาก็พูดบางประโยคออกมาที่ทำให้ฉันรู้สึกหน้าชา
"อย่าเลย...เราสองคนเป็นเพื่อนกันแบบนี้น่ะดีแล้ว และอีกอย่างตอนนี้ฉันมีแฟนใหม่แล้วเธอก็รู้ ฉันไม่อยากให้คนที่รักฉันเสียใจเพราะฉันรู้ว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหนที่โดนคนที่เรารักบอกเลิกทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย" สิ่งที่เขาพูดมันกระทบความรู้สึกของฉันอย่างจังมันเหมือนตอกย้ำว่าที่เรื่องของเราที่มันเป็นแบบนี้เพราะใคร ที่สำคัญตอนนี้เขามีแฟนใหม่แล้วฉันลืมไปได้ยังไงกันฉันพูดออกไปได้ยังไงว่าขอเริ่มต้นใหม่ ทำไมฉันเลวแบบนี้มันเหมือนกับว่าฉันกำลังจะแย่งแฟนคนอื่นเลย
"ส่วนเธอฉันมั่นใจว่าอีกไม่นานก็คงมีผู้ชายที่ดีเข้ามาและผู้ชายคนนั้นคงไม่ทำให้เธออึดอัดเหมือนที่ฉันเคยทำ"
"เจได" ฉันเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"เลิกร้องไห้ได้ละแล้วไปกินข้าวซะสายแล้วเดี๋ยวรถติด" เขาใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยนคำพูดที่เหมือนกับว่าเรายังคบกันอยู่มันทำให้ฉันเจ็บยิ่งกว่าเดิม แล้วถามว่าฉันกินลงมั้ย..ไม่เลยสักนิดแต่ก็ต้องฝืนกินเพราะเขาอุตส่าห์ทำให้คือไม่ใช่ว่าอาหารที่เขาทำมันไม่น่ากินหรือไม่อร่อยหรอกนะ เจไดน่ะมีฝีมือในการทำอาหารมากๆเวลาที่เขาพามาคอนโดเขาจะทำให้ทานตลอดเราสองคนแทบไม่เคยทานข้าวข้างนอกเลยเขาอยากให้ฉันทานอาหารฝีมือเขามากกว่า มันนานแค่ไหนแล้วที่ฉันไมไ่ด้ทานอาหารฝีมือเขา ฉันพยายามฝืนกินจนหมดจานเพราะเขาเอาแต่มองหน้าฉันราวกับบังคับ
"อิ่มแล้ว" ฉันเงยหน้าบอกเจไดหลังจากทานข้าวอื่มแล้ว อิ่มทั้งข้าวอิ่มทั้งน้ำตา
"อืม งั้นรอแป๊บฉันเอาจานไปล้างก่อน"
"อื้มม" หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นแล้วเก็บถ้วยข้าวต้มทั้งของฉันและของเขาไปล้างส่วนฉันก็นั่งรอเหมือนเคย
หลังจากนั้นเราสองคนก็ลงลิฟต์มาที่ลานจอดรถ และด้วยความเคยชินฉันเปิดประตูฝั่งข้างคนข้บ
"เดี๋ยวเธอไปนั่งด้านหลังนะเพราะเดี๋ยวฉันต้องไปรับพี่มิ้น"
"พี่มิ้น??ใครเหรอ??"
"ก็แฟนฉันไง เมื่อวานฉันลืมบอกเหรอว่าพี่เค้าชื่อมิ้น"
"เอ่อ บอกแค่ว่าเป็นแฟนแต่ไม่ได้ชื่อ"
"อืม"
"แล้วทำไมเจไดถึงเรียกแฟนว่าพี่ล่ะ"
"พี่มิ้นเป็นรุ่นพี่ที่มหาลัยน่ะ"
"เหรอ แล้ว...เค้ามาจีบเจไดหรือเจไดจีบพี่เค้าล่ะ"
"จะอยากรู้ไปทำไม"
"ขอโทษ"
สงสารใครดีล่ะ เห้ออออ