ห้องขาวสะอาดตา อุปกรณ์ตบแต่งครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำและห้องแต่งตัว ซึ่งมีตู้เรียงหลายหลังชิดติดผนังห้อง อีกทั้งคฤหาสน์หลังเป็นนี้ ยังอยู่ในตัวเมืองมิลาน แคว้นลอมบาร์ดี ประเทศอิตาลี และผู้ที่ครอบครองคฤหาสน์หลังนี้คือ ดาร์ซี่ อันโตนิโอ มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของประเทศ สืบต่อจากกิจการของพ่อบุญธรรม และเขาจึงเข้ามาสานต่อ ทำให้จีดีพีของบริษัทขึ้นถึงเพดานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กิจการหลากหลายอย่างที่สานต่อไม่ว่าจะโรงแรม ไนต์คลับ และสายการบิน เป็นต้น
ภายในห้องนอนของดาร์ซี่นั้นมีหญิงสาวรูปร่างสวยสะดุดตานอนทอดกายอยู่บนเตียงขนาดแปดฟุต เมื่อพิจารณาเรือนร่างเปลือยเปล่าของเธอนั้น ไม่ว่าจะเป็นสะโพกผาย เอวกิ่ว หน้าท้องแบนราบ และอกอวบอิ่มได้รูปสวยล้นหลามเกินตัวใครได้เห็นคงหลงใหลในเรือนร่างของหญิงสาวโดยไม่ยาก หญิงสาว ผู้นี้เธอนอนหลับใหลนานติดต่อกันหลายชั่วโมงจากพิษยานอนสลบ
เมื่อเธอปรับร่างกายได้แล้ว เธอจึงลืมตามองโดยรอบห้องที่ไม่คุ้นเคย เพราะดูแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่โรงแรมที่เธอนอนเมื่อคืน ทันใดนั้นสายตาของเธอก็สะดุดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่ตรงริมหน้าต่างของห้อง เธอจึงลุกขึ้นนั่งโดยทันที ทำให้ผ้า ที่ห่มคลุมเรือนร่างเลื่อนลงมา ไม่ช้าเธอกลับรู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา จึงทำให้รู้ว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวในเรือนร่าง พอเห็นเช่นนั้นเธอจึงดึงผ้ามาปิด บนร่างกาย แล้วนั่งเอนชิดหมอน ทำให้ชายหนุ่มผู้นั้นหันกลับมาหาเธอ เขาจึงเอ่ยขึ้นช้าๆ
“หวัดดี”
“คุณทำอะไรกับฉัน”
หญิงสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก และหัวเสียสุดๆ เพราะเธอไม่รู้ว่าเขาข่มขืนเธอหรือไม่
ทว่าเขาก้าวเดินมานั่งปลายเตียงทำให้เธอดึงผ้าให้ถึงคอ มองเขาเต็มสองตาว่า เขาคือคนไทยเหมือนกับเธอ แต่ทำไมเขาถึงลักพาตัวเธอมาด้วยล่ะ สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกแปลกใจอย่างมาก
“ผมไม่มีทางทำอะไรคุณแน่นอน” เขาเอ่ยบอกอย่างแน่วแน่ เธอก็ไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เขาพูดได้ เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง ไม่ว่าสวย หรือไม่สวยก็ไม่มีทางที่ จะปล่อยผู้หญิงที่นอนแก้ผ้าให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
“ถ้าคุณไม่ทำอะไรฉัน แล้วคุณลักพาตัวมาทำไม ตอบฉันมาสิ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ผมชอบคุณ”
หญิงสาวย้อนคิดถึงคำพูดของเขาว่า ‘ชอบเธอ’ ชอบเหรอ จะชอบได้อย่างไงกัน เธอพึ่งจะเจอหน้าเขาเอง มันบ้ามาก มันต้องเป็นตลกร้ายแน่ๆ และหญิงสาวคิดว่า หมดเวลาเล่นตอบคำถามแล้ว ควรที่เธอจะไปสักที เธอจึงถึงผ้าหมายจะลุกขึ้นหาเสื้อผ้าเอง ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เสื้อผ้าคุณผมเอาไปเผาทิ้งเรียบร้อยแล้ว”
“คุณทำแบบนั้นไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ผมทำได้”
“คุณไม่ใช้เจ้านายฉันหรือเจ้าชีวิต สิ่งที่คุณลักพาตัวฉันมาถือว่าผิดแล้ว ในทางกฎหมายมันเป็นคดีอาญา คุณปล่อยฉันไปเถอะอย่าทำแบบนี้เลย อีกอย่างเรา ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน” เอ่ยบอกอย่างใจเย็น และอ้อนวอนเขา
“ผมจะทำอะไรนั้น มันขึ้นอยู่กับตัวผม และคุณต้องเชื่อฟังผมเท่านั้น” ชายหนุ่มเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอหมดความอดทนที่จะพูดต่อไป เธอจึงเขยิบลงเตียง เขากลับไวกว่าจับมือเรียวเธอไว้ทันที แล้วขึ้นค้อมตัวเธอ เธอเองตกใจสุดขีดเช่นกัน
“ปล่อยฉันนะ ไอ้ชั่ว!!!” หญิงสาวสบถใส่เขาทันที
“เรามีเรื่องต้องคุยกันมาก รอผมกลับมาค่อยเคลียร์กัน” ชายหนุ่มเอ่ย บอกจบ และลงจากตัวเธอ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้เธอนั่งงวยงงว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ เธอจึงลองไล่ไทม์ไลน์ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ย้อนกลับไปเมื่อวันก่อนเธอเดินทางมาอิตาลีเพื่อมาเป็นเพื่อนเจ้าสาว หลังจากเพื่อนเธอเข้าห้องหอไปแล้ว เธอเดินทางไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อนเธอ เมื่อมาถึงโรงแรม เธอจึงเดินลงจากรถเช่า เข้าไปยังล็อบบี้ของโรงแรม หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย เธอจึงคิดว่าเธอคงโดนยาสลบแน่นอน
ภายในห้องใต้ดินในคฤหาสน์ ชายหนุ่มก้าวเดินเข้ามากับบอดี้การ์ดชุดสูทสีดำสนิทสองคน เดินมาตรงหน้าชายคนหนึ่งที่ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ อีกทั้งตรึงไว้กับผนังห้อง เนื้อตัวชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงชาด ชายคนนี้นั้นผ่านการโดนซ้อมอย่างหนัก เพื่อรับสารภาพ แต่ทว่าไม่ยอมเอ่ยปากสารภาพ
“ใครจ้างนายมา” ชายหนุ่มเอ่ยถามเป็นภาษาอิตาเลียนด้วยน้ำเสียงดุดัน เอ่ยถามกับชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า
“ฉันไม่บอกแกหรอก ดาร์ซี่”
“ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนายจะบอกหรือไม่บอก” ชายหนุ่มเอ่ยถามชายตรงหน้า ชายคนนั้นจึงถ่มน้ำลายใส่เขาทันที ชายหนุ่มหมดความอดทนเช่นกัน ใช้ปีนลูกโม่ยิงที่ศีรษะคนตรงหน้าทันที แต่ทว่าห้องนี้เป็นห้องเก็บเสียงคนข้างนอกจึงไม่ได้ยิน และไม่รู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น
ทางด้านของหญิงสาว เอาชุดเดรสสีแดงสด ลักษณะคล้องคอยาวจรดพื้น กระโปรงชายพลิ้วไปตามแรงลม ชุดนี้มันอยู่หน้าโซฟาที่แม่บ้านเตรียมให้ มาสวมใส่
เมื่อแต่งตัวเสร็จเดินหากระเป๋ากับมือถือ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เธอคิดว่าเขาเอาไปซ่อนที่ใดที่หนึ่งเป็นแน่ เธอจึงเดินมาที่ประตูเปิดออกมองทางซ้าย มองทางขวา
เมื่อไม่มีใครอยู่เธอจึงออกจากห้อง เดินลงบันไดมาด้านล่าง เธอมองซ้าย มองขวาอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีใคร จึงก้าวออกมาจากตัวคฤหาสน์ เป็นระยะทางเดินที่ยาวพอสมควรกว่าจะถึงหน้าประตูใหญ่ เธอกลับเห็นชายสองคนแบกผ้าขาวเดินออกมาจากตึกใหญ่ เธอเองสังหรณ์ใจอย่างไม่ถูก ว่าต้องมีเหตุการณ์อะไร ที่ร้ายแรงเดินขึ้น ทันใดนั้นแขนของคนร่วงหล่นลงมาจากผ้าสีขาว เธอจึงเห็นแขนที่ชุ่มไปด้วยโลหิต จนรู้สึกตกใจอย่างมาก มือของเธอจึงปิดปากไม่ให้มีเสียงร้อง ทว่าเสียงสบถดังขึ้นเป็นภาษาอิตาเลียนจากอีกฟากหนึ่งของตึก ทำให้เธอตกใจ อย่างมาก
“ฉิบหายแล้ว!!!”
เสียงนั้นมาจากชายหนุ่มที่จับเธอมา อีกทั้งเขายังมองหน้าเธอด้วยความ ตื่นตกใจ เธอจึงวิ่งหนีเข้าไปในตึกทันทีด้วยความกลัว ชายหนุ่มจึงเข้ามาขวางเธอไว้ ดันเธอเข้าที่เสาต้นใหญ่
“เห็นอะไรไหม” เขาเอ่ยถามเธอทันทีด้วยน้ำเสียงดุดัน
“คุณมันโหดร้ายป่าเถื่อน” เธอเอ่ยตอบแบบใจดีสู้เสือ
“มันคือการเอาตัวรอด” เขาเอ่ยตอบอย่างไม่ไยดี หญิงสาวจึงขัดขืน ไม่ให้เขาแตะต้อง มือของเขาดั่งคีบเหล็ก ล็อกมือทั้งสองข้างของเธอไม่ยอมปล่อย
“เอามือโสมมออกไปจากมือของฉัน ฉันจะกลับบ้าน” เธอเอ่ยบอกด้วยความเดือดดาล เขาจึงโน้มตัวเข้าใกล้ข้างแก้มเนียนนุ่ม และกระซิบข้างหูเธอ
“ถ้าคุณอยากจะไป ต้องมีเงื่อนไข”
“เงื่อนไขอะไร?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เขาจึงกลับมามองใบหน้าเธอ และเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทรงอำนาจ
“ธารา คุณต้องอยู่กับผมสองปี ภายในสองปีนี้ ผมจะไม่แตะต้องคุณ ถ้าคุณไม่ร้องของ และถ้าภายในสองปีนี้ คุณไม่รักผม ผมก็จะปล่อยคุณไป โดยไม่ตื๊อ และไม่ตามคุณเลย”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบ เธอจึงหันมามองเขาแล้วเอ่ยตอบ
“ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีทางรักคนอำมหิตอย่างคุณ” หญิงสาวเอ่ยบอก ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“มาลองดูกัน ผมจะทำให้คุณตบะแตก จนคุณอยากแล้วอยากอีก เพราะเรื่องบนเตียงผมถนัดนัก” ชายหนุ่มเอ่ยบอกจบ ผลักจากเธอ แล้วส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ดมารับช่วงต่อ บอดี้การ์ดจึงรีบเดินมา แล้วเอ่ยบอกกับเธออย่าง นอบน้อม
“ธารา ไปกันเถอะ” เขาเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้เธอเข้าใจมากขึ้น
ถ้าสนุกอย่างลืมเขียนเม้นท์ให้กำลังใจไรท์ ทุกคอมเม้นท์ไรท์เข้ามาอ่านก่อนเขียนตอนต่อไปทุกครั้งค่ะ ขอคนละเม้นท์เป็นกำลังใจด้วยน๊า
1 เม้น 1 กำลังใจ