ตอนที่ 6 ข้าจะขายทั้งหมดนี่เลย!!

1520 คำ
“หลีเม่ย!! อย่าเสียมารยาทสิ” “ข้าขอโทษเจ้าค่ะ” “ท่านน้า อย่าดุนางขนาดนั้นสิเจ้าคะนางก็แค่ถามเอง เหตุใดดุนางจนนางกลัว เช่นนี้นางถึงได้เอาแต่เดินห่อไหล่ไม่กล้าสบตาคน จะพูดจะคิดอะไรก็ไม่กล้า ท่านทำเช่นนี้หาได้ไม่เจ้าค่ะ เด็กในวัยนี้คือวัยเรียนรู้และต้องฝึกทักษะในการดำรงชีวิตพวกเขาถึงจะสามารถเอาตัวรอดได้….” “เอ่อ…หยุนเฟย นี่เจ้า….” “ท่านพ่อ ข้าพูดมากไปแล้วกินข้าวเถอะเจ้าค่ะ กินข้าว ๆ อ่ะอาเม่ย เจ้ากินนี่เข้าไป กินเยอะ ๆ ข้าวด้วย กินข้าวด้วย” “เจ้าค่ะ ๆ” หยุนเฟยคิดว่าคงต้องปรับตัวอีกมากพอสมควร เมื่อเห็นเด็กอยู่ตรงหน้าก็จะอดพูดเรื่องเช่นนี้ไม่ได้สักที ก็ก่อนที่นางจะมาที่นี่ นางอายุยี่สิบห้าปีเต็มแล้วนี่ คิดว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีที่สุดในชีวิต ทั้งถูกหวยรางวัลใหญ่แม้จะไม่ใช่รางวัลที่ใหญ่มากแต่ก็ทำให้นางมีเงินเก็บหลักแสน สอบราชการติดและบรรจุงานที่โรงเรียนได้สำเร็จ แต่ก็ต้องจบชีวิตลงและมาโผล่ที่นี่ “เหตุใดเจ้าเขี่ยหอมหัวใหญ่ทิ้งละ นี่มันแหล่งวิตามินเลยนะ ตับเจ้าก็ไม่กินเหรออาเม่ย” “ก็มัน…ขมนี่เจ้าคะ” “อืม…งั้นนี่ละ คะน้ากินได้หรือไม่” “คะน้ากินได้เจ้าค่ะ” “แล้ว….เต้าหู้กับผักกาดนี่ละ” “กินได้เจ้าค่ะ” “อืม เช่นนั้นก็กินไปก่อน เนื้อติดมันบริโภคแต่น้อย กินได้แต่อย่ามากแล้วอย่ากินข้าวคำน้ำคำเช่นนั้นอาหารจะย่อยยากแล้วเจ้าจะอิ่มเร็ว เอาน้ำออกไปวางที่อื่น” “คือว่าข้า…” “อาเม่ย เวลากินข้าวเจ้าอย่าประหม่ามันจะทำให้เจ้าทำตัวไม่ถูก ท่านน้าเองก็เช่นกันหากนางไม่ได้ทำสิ่งใดผิดก็อย่าตะคอกนางบ่อยจนนางไม่กล้าทำสิ่งใด พฤติกรรมกินข้าวคำน้ำคำเช่นนี้แสดงว่านางกลัวว่าจะทำผิดจนถูกดุ ดังนั้นเริ่มตอนนี้เลย นี่เป็นบ้านของเราเจ้าอย่าเกร็งนั่งดี ๆ นี่ท่านพ่อ นั่นก็แม่เจ้าไม่ต้องกลัวผู้ใดจะว่าเข้าใจหรือไม่ ต่อไปออกสังคมจะได้ดูผ่าเผยมากกว่านี้” “เจ้าค่ะ” หยุนเฟยยังคงสอนนางไปเรื่อย ๆ จนท่านราชครูเองยังนึกแปลกใจ แม้แต่หลานฮูหยินเองก็แปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของนาง แม้นางจะพูดเช่นนั้นแต่ใครจะไปปรับตัวได้ทันกันเล่าก็ในเมื่อก่อนหน้านี้นางไม่เคยแม้แต่จะมองสองแม่ลูกนี้ด้วยสายตาที่ดีเลยสักครั้ง แต่มาวันนี้ นางทำราวกับหลีเม่ยคือบุตรสาวที่นางคลอดออกมาเองก็มิปาน “ท่านพี่เจ้าคะ” “ปล่อยนางเถอะ เราอาจจะได้บุตรสาวคนใหม่ก็ได้” เกือบสองเดือน กว่าที่ทั้งสองคนแม่ลูกจะเริ่มปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมใหม่ของฟางหยุนเฟยได้ ตอนนี้นางเริ่มขอความช่วยเหลือจากอี้เหนียงเพื่อมารื้อห้องของตนเองอีกครั้งหนึ่งแล้ว “ไม่เอาท่านน้า นั่นก็ไม่เอา สีฉูดฉาดขนาดนั้นใครจะกล้าใส่ วัวไล่ขวิดตายเลย” “หา เจ้า…ฮ่า ๆ หยุนเฟย วัวน่ะหรือ แต่ก่อนหน้านี้เจ้าชอบสีแบบนี้ยิ่งนัก” “ตอนนี้ไม่ชอบแล้ว ว่าแต่ข้าไม่มีเสื้อผ้าสีที่เหมือนคนเขาสวมใส่บ้างเลยหรืออย่างไรนะ” “พี่ใหญ่ หากว่าท่านไม่ชอบท่านก็ไปซื้อใหม่สิเจ้าคะ” “ตอนแรกข้าก็คิดว่าจะมีบ้าง แต่ว่าตอนนี้ ข้ายอมแพ้แล้ว ชุดพวกนี้ข้าสวมไม่ได้เลยจริง ๆ อย่างกะไก่หลากสีไม่ไหว ๆ ท่านน้า….” “ข้ารู้ ๆ ไปเลือกเอาเถอะ แต่ชุดของข้า…ก็มีไม่มากเท่าไหร่เจ้าชอบชุดไหนก็เอาไปใส่เถอะ” “คุณหนูเจ้าคะ นี่เป็นเครื่องประดับเจ้าค่ะ” “โอ้โห ข้านี่รวยนะเนี่ยท่านน้าท่านดูสิ” “มีมากกว่านี้อีก ข้าเก็บเอาไว้ให้ที่ห้องเก็บของ” “อาเม่ย….” หยุนเฟยหันมามองหน้าน้องสาวที่กำลังมองเครื่องประดับที่มากมายตรงหน้านี้อย่างชื่นชม “พี่ใหญ่ สวย ๆ ทั้งนั้นเลยเจ้าค่ะ” “เจ้าชอบงั้นหรือ” “แต่ข้ายังไม่ต้องใส่ของพวกนี้” “ดี งั้นข้า….จะเอาไปขายให้หมดเลย อาหงเจ้ารื้อออกมาให้หมด!!” ""อะไรนะ ขาย!!"" หยุนเฟยหันมามองหน้าอี้เหนียงและหลีเม่ยราวกับไม่เชื่อหูตนเอง คุณหนูที่อวดร่ำอวดรวยและชอบเครื่องประดับชุดเสื้อผ้าเหล่านี้บอกว่าจะขายของฟุ่มเฟือยเหล่านี้งั้นหรือ “หยุนเฟย เจ้า….แน่ใจนะ แม่นมถงมาช่วยข้าดูหน่อย นางจับไข้หรือไม่” “เจ้าค่ะฮูหยิน” “โอย…ไม่ต้องแล้ว ๆ เอาไปขาย พวกเราจะได้ซื้อชุดใหม่กัน อาหง เตรียมของขึ้นรถม้า” “เจ้าค่ะคุณหนู” อาหงคือสาวใช้ที่นางเรียกใช้งานเป็นประจำเพราะนางคล่องตัวและนิสัยก็น่ารักเข้ากับทุกคนได้ อาหงค่อย ๆ ขนเสื้อผ้าที่นางเลือกและเครื่องประดับขึ้นรถม้า อี้เหนียงและหลีเม่ยมองตามของเหล่านั้นด้วยเกรงว่าวันใดหากนางนึกได้ขึ้นมาว่าเอาไปขายแล้วจะเสียดายหรือไม่ “ท่านน้า อาเม่ย มองอะไรกัน ขึ้นรถเอาของพวกนี้ไปขายกันเจ้าค่ะ” “เอ่อ หยุนเฟยเจ้าแน่ใจแล้วนะว่าจะขายทั้งหมดนั่น” “ขายสิเจ้าคะ เก็บเอาไว้ข้าก็ไม่ใส่หรอก อย่างกับห้องทองเคลื่อนที่ ไป ๆ ขึ้นรถ ๆ เร็วเข้าอาเม่ย วันนี้พี่สาวจะซื้อชุดใหม่ให้เจ้า” “ให้ข้าหรือเจ้าคะ” “แน่นอน ไปกันเถอะ อาหง” “เจ้าค่ะ ออกรถ!!” ตลาดในเมืองหลวง รถม้าสกุลฟางเคลื่อนตัวไปจอดที่หน้าร้านขายของและโรงรับจำนำที่รับซื้อของเหล่านี้โดยเฉพาะ อาหงที่ค่อนข้างจะรู้จักคนมาก พวกนางสามารถขายของที่ขนมาได้เกือบสองพันตำลึงจากสี่ร้านที่รับซื้อพร้อมกับการต่อรองของหยุนเฟยและอาหงที่ต่อรองเชิงข่มขู่จนเถ้าแก่ยอมจ่ายในราคาแพง “ไม่น่าเชื่อเลยนะเจ้าคะพี่ใหญ่ ว่าของพวกนั้นจะขายได้มากขนาดนั้น” “อาเม่ย เจ้าเห็นนั่นหรือไม่พวกเรารีบไปกันเถอะ” “หยุนเฟย แต่ว่าเสื้อผ้าร้านนั้น ราคาสูงมาก ๆ” “ท่านน้า ข้ายืมชุดท่านมาใส่จนท่านแทบจะไม่มีชุดสวมแล้ว ที่สำคัญเรามีเงินแล้วใช้หน่อยจะเป็นอะไรไปเล่า ยังเหลือของอีกตั้งมากที่ข้ายังไม่ได้รื้อเอาขายนะเจ้าคะ ไปกันเจ้าค่ะ” “แต่ว่า…เงินนั่นเป็นของเจ้านะ” “แล้วชุดที่ข้าสวมอยู่นี่เล่าเจ้าคะ หากท่านไม่ให้ยืมข้าก็ไม่มีสวมใส่ ท่านน้าอย่าขัดใจข้าเลยอาเม่ยจะโตเป็นสาวแล้ว ท่านให้นางสวมชุดเก่า ๆ ของท่านที่แก้แล้วแก้อีกเช่นนี้ไม่ได้นะ นางเป็นบุตรีของท่านราชครูเชียวนะเจ้าคะจะขายหน้าผู้อื่นเอา ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” “ขอบคุณพี่ใหญ่เจ้าค่ะ” “ไปกันเลยพี่ใหญ่จ่ายให้เจ้าเอง” สองพี่น้องจูงมือกันเดินเข้าไปในร้าน เถ้าแก่ที่คุ้นตานางเป็นอย่างดีรีบวิ่งออกมาต้อนรับแต่ก็ต้องแปลกใจกับการแต่งตัวที่แปลกตาของนางไป “คุณหนูฟางวันนี้รับอะไรดีขอรับ” “ขอชุดที่ตัดจากผ้าอย่างดีสีสุภาพแต่ดูแพง เรียบหรูไม่เอาสีจัดจ้านให้เหมาะกับฮูหยินท่านราชครูสิบชุด ของน้องข้าก็เช่นกัน ขอสีสดใสแต่ไม่เอาสีจัด ขอโทนชมพู ม่วง เขียวอ่อน ฟ้าน้ำทะเลไล่เฉดสี เอาสักสิบชุดเช่นกัน ไปเลย” “ฮ้อ ๆ ได้เลย…เด็ก ๆ” “พี่ใหญ่ พวกเขาจะทำอะไรเจ้าคะ” “หยุนเฟย สิบชุดนั่นมันมากเกินไป” “อาเม่ย พวกเขาจะพาเจ้าไปวัดตัวและลองชุด ท่านน้า หากท่านปฏิเสธข้า ข้าจะฟ้องท่านพ่อว่าท่านจงใจขัดใจข้า” “หยุนเฟย เด็กคนนี้นี่ เอ่อ ข้าเดินเองได้ ข้าไปเอง” “คุณหนู แล้วของท่านเล่าขอรับ” “ข้าขอชุดสีเรียบ ๆ สักสิบชุด และขอชุดที่สวมสำหรับใส่ไปพิธีการเน้นสีเรียบเช่นกันอีกสักสามชุด อ้อแล้วก็ของชุดสำหรับสาวใช้ของข้าสักสามชุด และชุดของผู้สูงวัยอีกสามชุด นี่คือสัดส่วนของนาง” “คุณหนูท่านซื้อชุดให้สาวใช้ด้วยหรือขอรับ” “ใช่ วันนี้จะให้นางสวมไปก่อน วันหลังข้าจะให้ท่านไปวัดตัวและตัดให้สาวใช้ที่จวน อาหง ไปวัดตัว” “คุณหนู.... ของข้าด้วยหรือเจ้าคะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม