เด็กทั้งสองเดินเข้าไปยังร้านค้าของพี่สาวจื่อเถา ท่านน้าชิงชิงกำลังตักโจ๊กที่มีกลิ่นหอม ทำให้เด็ก ๆ ท้องร้องเสียงดังจนน่าอายแล้วทั้งคู่ก็ยกมือปิดปากแล้วก็หัวเราะกัน
“เอาล่ะนั่งได้แล้ว”ชุยชิงชิงบอกเด็ก ๆ อย่างอ่อนโยน นางตักโจ๊กให้คนละถ้วยใหญ่ ๆ ดูแล้วเด็กทั้งสองคงไม่ได้กินอิ่มท้องกันบ่อยนัก
จื่อเถามองดูมารดาที่สดใสขึ้น รอยยิ้มประดับใบหน้ามารดาช่วยทำให้ใบหน้าดูเด็กและอ่อนเยาว์ขึ้น นางจึงคิดว่าน้ำพุวิเศษน่าจะช่วยเรื่องผิวพรรณที่งดงามได้กระมัง ดังนั้นจึงอาสาไปทำน้ำชาให้ทุกคนเอง
จื่อเถาใช้เตาอุ่นร้อนใส่ถ่านที่กำลังสุกแดง ๆ ในเตาลงไป วางกาชาแล้วก็ต้มน้ำให้เดือด เสร็จแล้วใส่ใบชาลงไปเพิ่มใบเตยในห้วงมิติสร้างความหอมไปด้วย เท่านี้ชาบ้านนางก็วิเศษกว่าที่ใดแล้ว
นางยกชามาวางที่โต๊ะกินข้าวแล้วรินให้กับทุกคนได้ดื่ม กลิ่นชากับใบเตยชัดเจนทำให้ทุกคนต่างอยากดื่มชาก่อน
“หอมจังเลยขอรับพี่จื่อเถา” ลู่หลงเป็นคนยกขึ้นดื่มก่อน เพราะตนได้รับน้ำชาเป็นคนแรก “อื้อ...น้ำชาบ้านพี่สาวหวานนักขอรับ”
“นี่คือสูตรน้ำชาบ้านพี่สาวเอง เจ้าอย่ามัวดื่มชารีบกินโจ๊กเถิดระวังร้อนด้วยเล่า” จื่อเถาบอกกับน้องชายข้างบ้านของนางแล้วตัวเองก็นั่งทานด้วยเงียบ ๆ เด็กทั้งสองอร่อยกับโจ๊กของฝีมือท่านแม่ ขอเติมกันอีกเมื่ออิ่มหนำแล้วท่านแม่ก็ให้ยกโจ๊กที่เก็บไว้ให้บิดาของเด็กน้อยทั้งสองไปให้ด้วย พร้อมกับจื่อเถาจะออกไปซื้อพวกเมล็ดถั่วเพื่อเตรียมทำเต้าหู้ และน้ำเต้าหู้แจกในวันถัดไป
“ท่านลุงเจ้าคะ ท่านแม่ให้เอามาให้เจ้าค่ะ” จื่อเถายื่นถ้วยโจ๊กหอมกรุ่นเพิ่งตักจากเตาให้กับท่านลุงลู่จื้อ
“โอ้...ขอบใจมากนะ...ว่าแต่นั่นจะออกไปไหนล่ะ”
“ข้าจะไปซื้อถั่วลิสงกับถั่วเหลืองแล้วก็น้ำตาลอ้อยเจ้าค่ะ” จื่อเถาบอกเสียงใสทำเอาลู่จื้ออดอมยิ้มไม่ได้
หากภรรยาของเขานางดีกับลูกชาย เขาก็อยากมีลูกเพิ่ม แต่นี่นางไม่สมควรเป็นแม่คนด้วยซ้ำ จึงได้แต่มองบุตรสาวของคนอื่นด้วยความเอ็นดู
“เช่นนั้นไปเถอะ ให้อาหลงกับอาจิ่นไปช่วยถือของเถอะ” ลู่จื้อหันมามองที่บุตรชายก่อนจะเอ่ย “เจ้าก็ไปช่วยพี่สาวคนดีของเจ้าหน่อย นางอุตส่าห์เลี้ยงอาหารเจ้าสองมื้อแล้วนะ”
“ได้เลยขอรับ” เด็กทั้งสองรับคำเชื่อฟังบิดา เพราะบิดาสอนว่าบุญคุณต้องตอบแทน หากใครช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อย ถ้ามีโอกาสย่อมต้องตอบแทน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง”
จื่อเถาเดินจูงมือสองแฝดไปด้วยกันในตลาด การอยู่แถวนี้เดินเลือกซื้อของง่ายดายนัก หากซื้อมากเจ้าของร้านจะให้คนส่งให้ถึงที่ นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
“พี่จื่อเถา ท่านจะทำอะไรขอรับ”
“พี่จะทำเต้าหู้ทอดกับน้ำเต้าหู้”
“เต้าหู้ทอด กับน้ำเต้าหู้!!!” เด็กสองคนมองหน้ากันอย่างฉงน ตนเองไม่เคยเห็นใครเอาเต้าหู้มาทอดเลย มีแต่เอาไปทำอาหารพวกผัดหรือไม่ก็นึ่ง
“ไปเถอะพรุ่งนี้พี่จะทำน้ำเต้าหู้กับแป้งที่จิ้มกับน้ำเต้าหู้แสนอร่อยให้เจ้ากิน” ถาดไม้เต้าหู้มาวันถัดไป พรุ่งนี้ทำแค่น้ำเต้าหู้ก่อนก็แล้วกัน ทำไม่ยากแค่แช่ถั่วเหลืองค้างไว้ เอามาโม่เสร็จแล้วกรองเอากากออกไปต้มต่อจนสุก
เด็กทั้งสามเดินไปยังร้านขายถั่ว จื่อเถาบอกเจ้าของร้านเอาถั่วเหลืองสองจิน กับถั่วลิสงหนึ่งจิน แล้วก็เดินไปร้านน้ำตาลอ้อย นับว่าเมืองหลวงตานหยางอุดมสมบูรณ์มีของครบ แต่หากไม่ครบนางก็เอาจากห้วงมิติได้
เด็กทั้งสามเดินด้วยใบหน้าเบิกบานกันไปตามท้องถนนโดยหารู้ไม่ว่ามีบางคนกำลังจับตามองอยู่ เมื่อซื้อของเสร็จแล้วพวกเขาก็หอบของกลับบ้าน และท่านพ่อของเด็ก ๆ ฝาแฝดก็เก็บซาลาเปาไว้ให้พวกเขาคนละลูก
จื่อเถาเอามาให้ท่านแม่ชิมด้วย นางรู้ว่าท่านแม่เพิ่งหย่าร้างมายังไม่อยากออกมาสมาคมกับผู้ใด คงเพราะยังทำใจไม่ได้ และอับอายอยู่ ดังนั้นเมื่อนานวันเข้าคงจะชินชาไปเอง
‘หย่าขาดกันมาดีกว่าอยู่แล้วต้องตายในจวนเน่า ๆ นั่น’
คนที่แอบตามจื่อเถาไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีถึงสามคน แต่ละคนล้วนไม่ใช่คนของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่คนสามคนมาจากสามนาย แต่จื่อเถาไม่ทันได้ระมัดระวังจึงไม่รู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม
นางเอาถั่วเหลืองใส่ถังแช่ไว้แล้วมาทำอย่างอื่นในบ้าน ทั้งช่วยท่านแม่ปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดหมดจด จนเมื่อทำเสร็จทั้งด้านบนด้านล่างแล้ว จื่อเถาจึงมาคุยเรื่องป้ายชื่อร้านกับท่านแม่
“ท่านแม่เจ้าคะ ชื่อร้านเป็นจื่อเถาเต้าหู้ทอดท่านแม่ว่าดีหรือไม่” จื่อเถาเห็นว่าชื่อนี้มารดาเป็นคนตั้งให้ย่อมเป็นมงคล และเพื่อระลึกถึงวิญญาณเจ้าของร่าง นำมาตั้งชื่อร้านก็ไม่เลว
“ได้สิ...ชื่อนี้ก็ดีลูก” ชิงชิงตอบสั้น ๆ ยิ้มบางให้ลูกสาว ภายในใจนางยังสับสนอยู่นิดหน่อย
นางคิดถึงตอนสมัยยังสาวแรกแย้ม เริ่มแรกรักกันนานวันจืดจาง สุดท้ายก็ทอดทิ้ง บุรุษมีสตรีมากล้นเรือนแค่ไหนก็ได้ แต่สตรีมีเพียงบุรุษได้ผู้เดียว
“ท่านแม่อย่าเศร้าโศกไปเลยนะเจ้าคะ ท่านแม่ยังสาวยังสวย ต่อไปคนดี ๆ ต้องเข้ามาหาท่านแม่แน่นอนเจ้าค่ะ” เด็กสาวยื่นไปจับเมื่อเห็นท่านแม่ของตนที่กำลังทำหน้าเศร้า เพื่อให้กำลังใจ ให้ผ่านคืนวันเศร้าหมองไปไวไว
“พูดอะไรกันลูกหญิงม่ายล้วนอัปมงคล ไม่มีใครอยากรับเป็นสะใภ้หรอก”
“พูดอันใดเช่นนั้นเจ้าคะ คนที่อัปมงคลคือตระกูลท่านพ่อต่างหาก มองไม่เห็นความงามท่านแม่ ยึดถือความบาดหมางก่อนเก่า ท่านหลุดจากขุมนรกแล้วก็แล้วไปเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร ต่อไปต้องเป็นวันที่ดีของพวกเราเจ้าค่ะ”
จื่อเถาถือว่าชีวิตไม่สิ้นหวังก็จะไม่หมดหวัง ความหวังจะมีชีวิตให้ดีนั้นย่อมทำให้เราเจริญขึ้นไปอีก
หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจแล้ว จื่อเถาก็เอาถั่วเหลืองที่แช่ไว้ไปโม่ให้ละเอียดกรองเอากากถั่วเหลืองออกแล้วก็นำต้มบนเตาหนึ่งรอบแล้วพักไว้ นางไม่ลืมเติมใบเตยลงไปต้มเพิ่มความหอมด้วย เมื่อรุ่งเช้ามาถึงนางก็ต้มให้เดือดอีกรอบเติมน้ำตาลอ้อยลงไปรสชาติหวานยิ่งนักทั้งยังหอมกลิ่นใบเตยอ่อน ๆ อีกด้วย
เมื่อวานนางซื้อแป้งสาลีมาด้วย จึงเอาไปผสมน้ำแล้วก็ใส่น้ำเต้าหู้ผสมเล็กน้อย ทั้งเอามือล้วงเข้าไปในห้วงมิติหยิบเบรกกิ้งโซดากับผงฟูมาแล้วผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันปั้นเป็นรูปกลม ๆ บ้าง ยาว ๆ คู่กันบ้างเพื่อให้เป็นคู่ปาท่องโก๋ โดยมีท่านแม่ช่วยทอดให้เหลืองกรอบน่าทาน
เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว จื่อเถากับชิงชิงยกออกมาวางหน้าร้านแล้วเรียกให้คนมาลองดื่ม
“น้ำเต้าหู้แจกฟรีกับแป้งทอดเจ้าค่ะ...เชิญดื่มฟรีเจ้าค่ะ” เสียงใสแจ๋วของจื่อเถาตะโกนเรียกคนผ่านไปผ่านมา ทั้งคนมารอซื้อซาลาเปาให้มาดื่มกัน แต่ละคนต่างชมเปาะว่ารสชาติดีเยี่ยมนักน่าทำขาย ทำเอาคนทำอมยิ้มแก้มตุ่ย
ส่วนมารดาของจื่อเถาเริ่มแรกก็เขินเรื่องต้องมาค้าขาย แต่เมื่อได้รับแต่คำชมทั้งแป้งทอดกับน้ำเต้าหู้นี้เข้ากันนักนางก็ไม่อายอีกต่อไปช่วยกันตักแจกจนมือเป็นระวิง
“รอสักครู่นะเจ้าคะ ...วันนี้แจกก่อน วันหน้าไว้พวกท่านอุดหนุนพวกเรานะเจ้าคะ” เสียงเรียกลูกค้าตัวน้อยทำเอาผู้ใหญ่เอ็นดูกับความเก่งกาจและขยันขันแข็ง จนลู่จื้อยังยิ้มให้กับจื่อเถาคนเก่ง
‘ข้าต้องฝึกลูกชายให้เก่งอย่างเด็กน้อยคนนี้แล้ว’
ลู่จื้อคิดในใจ
สองหนูน้อยก็ออกมาช่วยท่านน้าชิงชิงกับพี่สาวจื่อเถาด้วยเช่นกัน จื่อเถาได้เก็บส่วนของพวกเขาไว้ในครัวแล้วส่วนด้านนอกนี้เป็นของที่สำหรับแจกและเพียงสองเค่อก็
หมดอย่างรวดเร็ว สร้างความปลื้มปริ่มให้กับคนทำอย่างยิ่ง
“เอาล่ะท่านแม่ วันนี้ผ่านไปด้วยดีนัก วันนี้เราแจกหลายคนชิมบอกว่าถูกปาก เช่นนั้นการค้าย่อมราบรื่นแล้วเจ้าค่ะ”
“ใช่ลูก แม่ชักสนุกเสียแล้ว”ชุยชิงชิงวางความทุกข์ไว้เบื้องหลังเริ่มคิดเรื่องการค้ากับลูกสาวแล้ว คงต้องไปจดหนังสือเรื่องการเปิดร้านค้าที่อำเภอแล้วกระมัง นางคิดว่าต้องทำให้ถูกต้องไม่เช่นนั้นจะโดนทางการเอาผิดเรื่องทำการค้าไม่เป็นไปตามกฎหมาย
“ใช่เจ้าค่ะ ของที่เราทำย่อมอร่อยเจ้าค่ะ” จะไม่ให้อร่อยได้อย่างไรนางมีน้ำพุวิเศษที่เติมลงในอาหารล้วนมีรสชาติโอชาเชียวล่ะ
“อาหลง อาจิ่นไปกินน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเช้ากันเถอะ” วันนี้พวกเขาตัดสินใจดื่มน้ำเต้าหู้กับแป้งทอดเป็นมื้อเช้ากัน จึงช่วยกันเก็บของไปด้านหลังเพื่อเตรียมเก็บล้างก่อน ส่วนท่านแม่ไปจัดการตักน้ำเต้าหู้ใส่ถ้วยให้ทุกคนได้ดื่มกับแป้งทอดคนละสองตัว
ขณะที่เด็ก ๆ กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มน้ำเต้าหู้อยู่นั้นก็มีเสียงปึงปังหน้าร้านของนางทำให้ทั้งสี่คนมองหน้ากัน อยากรู้ว่าผู้ใดมาทำอะไรอยู่ด้านหน้า จึงวิ่งออกมาดูพร้อมเพรียงกัน แต่ภาพที่เห็นทำเอาชุยชิงชิงและจื่อเถาดวงตาเบิกกว้าง...