13.มาบ่อยเกินไปแล้ว

1710 คำ
จินผิงปิดประตูได้ก็รีบเข้าห้องนอน สองพี่น้องก็ได้แต่มองตาม “จะนอนแล้วเหรอ” เจียวหมี่ตะโกนถาม “ใช่” คนด้านในตอบกลับมา “นอนเร็วจัง สงสัยเหนื่อยล่ะมั้ง เราก็รีบเขียนเถอะจะได้เข้านอน พรุ่งนี้เตรียมตัวให้เรียบร้อยนะ พี่จะไปส่งเอง” “ครับ” เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้พี่สาว แล้วก้มลงทำการบ้านต่อ ไม่ถึงยี่สิบนาทีไฟในบ้านก็ดับลง เหลือทิ้งไว้แค่ตรงห้องโถงเท่านั้น เผื่อไว้ใครออกมาเข้าห้องน้ำซึ่งมันอยู่ด้านนอก หกโมงเช้า ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูหน้าบ้านดังมาให้คนที่กำลังเก็บของต้องหันมองหน้ากันทันที เพราะไม่เคยมีใครมาเช้าขนาดนี้ “ใคร?” ประสานเสียงแล้วเดินออกมายืนที่หน้าประตู “เจียวหมี่ นี่ฉันเองนะต่วนหลี่ เปิดประตูให้หน่อย” ชายหนุ่มร้องเรียกอย่างคุ้นเคย แต่นี่มันพึ่งหกโมงเช้าเอง เขามาได้ยังไง หรือว่าอยู่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ได้กลับ สองสาวเดินมาหยุดที่หน้าประตู จินผิงส่องตามช่องออกไปดู เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มีเจ้านายมาด้วย ท่าทางก็เหมือนไม่ได้นอนเลย เธอก็เลยเปิดประตูให้ทั้งคู่ “มีอะไรเหรอคะ ทำไมมากันเช้าแบบนี้” เจียวหมี่ถามทันที “คุณชายหิว อยากเข้าห้องน้ำด้วย” ต่วนหลี่ตอบ “ชิ! เห็นเราเป็นคนใช้หรือไง หิวก็เดินมาสั่ง” พูดโดยไม่มองหน้าคนที่ยื่นจ้องเธออยู่ ก็รู้หรอกว่าตื่นมายังไม่ได้ล้างหน้า “ห้องน้ำอยู่ไหน” ถามเสียงทุ้มอ่อนต่างจากแต่ก่อน จินผิงย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปยังทางเดินข้างบ้าน “ทำอะไรไว้ให้กินด้วยนะ” “ก็จ่ายมาก่อนสิ ไม่ฟรีเหมือนเมื่อวานหรอกนะ ทุกอย่างต้องใช้เงินซื้อ” แบมือใส่ จินผิงไม่สนหรอกว่าเขาจะมองเธอยังไง ใครบอกให้มารบกวนแต่เช้า และยังสั่งเป็นเจ้านาย เมื่อวานเขาก็ยังทำเธอนอนไม่หลับ แล้วยังจะมาหลอกหลอนแต่เช้าอีก โจเยว่เหลือบตามองคนตรงหน้าเล็กน้อย ก่อนจะล้วงเอากระเป๋าเงินออกมา หยิบธนบัตรยื่นให้เธอห้าใบเท่ากับห้าหยวน ซึ่งมันมากพอสำหรับซื้อเครื่องทำบะหมี่ถึงสองวัน จินผิงยิ้มแป้นหน้าตี ลืมเรื่องที่ก่นด่าเขาในใจไปเลย “เชิญคุณชายตามสบายเลยนะคะ” ผายมือให้ทั้งคู่ โจ่เยว่มองการกระทำเธอแล้วก็เดินเลี่ยงออกไป เพราะทนเห็นหน้าขาวอมชมพูนี้ไม่ไหวจริง ๆ มันชวนให้นึกถึงเรื่องเมื่อค่ำวานไม่หยุด ยิ่งเธอมาทำหน้าเป็นใส่ด้วย มันยิ่งทำเขาอยู่ไม่เป็นสุข ด้านจินผิงยื่นเงินส่งให้เจียวหมี่แล้ว ก็เดินไปที่ครัวจัดเตรียมของกินให้กับทั้งคู่ วันนี้จะต้องพิเศษหน่อย เพราะเขาจ่ายเกินจำนวนคน เธอเลยทำเกี๊ยวผสมมากับบะหมี่ให้ “มาแล้วค่ะ เชิญนายท่านตามสบายนะเจ้าคะ” หยอกล้ออีกฝ่ายเล่น แต่สีหน้าแววตาของโจเยว่ก็ยังเรียบเฉยเหมือนเคย ‘คนอะไร ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย’ ก่นด่าเขาในใจ แต่หน้าตานั้นยิ้มแย้มต้อนรับแขกดีมาก “กำลังเก็บของเตรียมย้ายเหรอ ฉันเห็นไฟเปิดอยู่นานแล้ว” ต่วนหลี่หันมาถามเจียวหมี่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ใช่ ว่าแต่พวกคุณมาทำอะไรแถวนี้ หรือว่าตั้งแต่เมื่อหัวค่ำยังไม่กลับงั้นเหรอคะ” เกรงใจเขาแต่ก็ถาม “ตอนกินอย่าคุย” เสียงประกาศิตดังขึ้นทำให้ต่วนหลี่ต้องหันมาตั้งหน้าตั้งตากินต่อ ไม่นานบะหมี่ก็หมดชาม ฝั่งโจเยว่ก็เหมือนกัน ขนาดว่าจินผิงใส่ชามใหญ่ที่สุดของบ้านแล้วนะ สงสัยจะถูกปากพวกเขาจริง ถ้าเป็นแบบนี้ก็ดีน่ะสิ ถ้าได้ขายให้คุณชายมู่ทุกวัน อีกไม่นานพวกเธอก็รวยแล้ว จินผิงมองสองหนุ่มที่ยังคงนั่งไม่ยอมลุกซึ่งมันก็นานจนผ่านมาสิบนาทีแล้ว เธอเลยอดไม่ได้ต้องออกปากไล่ “นี่คุณ กินเสร็จก็ออกไปสิ เราจะได้ไปทำอย่างอื่น” พูดพร้อมกับเก็บชามซ้อนกัน และมองทั้งคู่สลับกันไปมา “คนที่ตายเมื่อเดือนก่อน คือบริกรที่วางยาฉันในงานเลี้ยง” จู่ ๆ โจเยว่ก็พูดขึ้น อันที่จริงเขาไม่อยากบอกเรื่องนี้กับพวกเธอหรอก แต่ถ้าไม่เตือนให้รู้สองสาวก็คงไม่ระวังตัว มีแต่เด็กและผู้หญิงอยู่ด้วยกัน คนเป็นต้นเหตุแบบเขาเลยต้องจัดหาเวรยามมาคอยเฝ้า และดูเหมือนพวกเธอจะไม่รู้อะไรเลย “ทำไมคนที่วางยาคุณถึงมาอยู่แถวนี้ล่ะ หรือเขาพักในซอย” “ไม่น่าใช่ เพราะไม่มีใครรู้จักเขาเลย อีกอย่างวันนั้นที่พวกเรามาที่นี่ก็เพราะตามหาผู้ชายคนนี้นี่แหละ แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอพวกเธอได้ ตอนแรกคิดว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พอบริกรคนนั้นตายเรื่องนี้มันก็ดูแปลก ๆ” ต่วนหลี่ร่ายยาวให้ฟัง “พวกคุณสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นคิดจะมาจัดการกับฉันเพราะคิดว่าฉันจำเขาได้ใช่ไหมคะ” เธอขยับนั่งลงใกล้กัน “อืม ถ้าเขาคิดจะตายคงไม่มาไกลถึงที่นี่หรอก” “นั่นสินะ หรือว่าคนที่ทำร้ายฉันเห็นว่าพวกคุณตามหมอนั่นอยู่ก็เลยชิงฆ่าปิดปากก่อน” จินผิงสัณนิษฐานซึ่งการวิเคราะห์ของเธอมันก็เหมือนที่โจเยว่คิดไม่มีผิดเพี้ยน ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งทำไมฉลาดนัก พูดและทำแต่ละอย่างเหมือนว่าเธอวางแผนเอาไว้อย่างดีแล้ว คนที่เรียนหนังสือมาแค่ชั้นประถมอย่างลู่จินผิง ไม่น่าจะเก่งได้ขนาดนี้ “แล้วแบบนี้เพื่อนฉันจะปลอดภัยเหรอคะ คนพวกนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ กล้าลงมือแบบนี้ต้องมีอำนาจมากแน่” เจียวหมี่จับมือเพื่อนสนิทเอาไว้ ในใจทั้งตื่นกลัวและกังวล “ไม่ต้องห่วง ฉันสั่งคนเฝ้ายามเอาไว้แล้ว เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ แต่ต้องจำเอาไว้ให้แม่นว่าพวกเขาจะมีผ้าสีขาวที่แขน ถ้าไม่มีต้องระวังให้ดี ถ้ามันเข้าหาต้องพยายามเลี่ยง” “ขอบคุณนะคะ งั้นคุณช่วยส่งคนตามดูจางเป่าด้วยได้ไหม” “ได้สิ” ตอบรับเสียงอ่อน แต่หน้าเขาก็ยังนิ่งเหมือนเดิม “ถ้างั้นขอบคุณนะคะที่มาแจ้งข่าว” เธอขยับลุกขึ้นยืน เป็นการเชื้อเชิญแขกอีกรอบ ถ้าจะพูดภาษาชาวบ้านก็ไล่นั่นแหละ โจเยว่มองหน้าเธอนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นสบตากัน จินผิงรีบหันหนีทันที ใจดวงน้อยอดนึกถึงเรื่องเมื่อวานไม่ได้ “มีอะไรก็ตะโกนดัง ๆ นะ” ต่วนหลี่หันมาพูดกับเจียวหมี่ “ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” เธอโค้งให้อีกแล้ว ช่างเป็นผู้หญิงที่ขี้เกรงใจจริง ๆ น่ารักอ่อนหวานตรงใจต่วนหลี่ที่สุด “เอ่อ พอดีวันนี้เจียวหมี่จะไปส่งจางเป่าที่โรงเรียน รบกวนคุณช่วยไปส่งเธอแล้วรับกลับได้ไหมคะ” ได้โอกาสจินผิงก็บอกกับชายหนุ่มทันที ซึ่งมันถูกใจต่วนหลี่เป็นอย่างมาก “ไปเถอะ ฉันจะรออยู่ที่นี่” คนที่ลุกขึ้นเมื่อกี๊กลับหย่อนก้นนั่งลงอีก และมันก็ทำเอาเจ้าของบ้านถึงกับตาโต แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มรับทำอย่างกับยินดีนักหนา ไล่มากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียลูกค้ารายใหญ่ วันละห้าหยวนกับบะหมี่ไม่กี่ชามมันหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ด้านจางเป่าแต่งตัวเสร็จก็ออกมา เขาได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอกแล้ว แต่พี่สาวสอนไว้ว่าเป็นเด็กไม่ควรเสียมารยาทมาฟังผู้ใหญ่คุยกันเลยไม่ออกมาจากห้อง จนกว่าจะถึงเวลา “พี่ห่อเกี๊ยวไว้ให้ เก็บไปกินที่โรงเรียนนะ รีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย” บอกเสียงอ่อนโยน แล้วยื่นกล่องอาหารให้ “ฉันไปก่อนนะแล้วจะรีบกลับ ฝากจินผิงด้วยนะคะ” “มีฉันอยู่ไม่ต้องห่วง” บอกให้เบาใจ จากนั้นทั้งสามก็ออกจากบ้านไป ต่วนหลี่เตรียมจักรยานอีกคันมาด้วยให้เจียวหมี่ใช้ “ฉันจะไปเก็บครัวก่อน คุณอยากนั่งก็นั่งไปนะ” บอกแขกที่ไม่ยอมออกไปจากบ้าน ไม่เข้าใจว่าเขาจะมาขลุกอยู่แถวนี้ทำไม ทั้งที่เตียงนอนนุ่ม ๆ ก็รอเขาอยู่ ดูจากสภาพคงนั่งหลับกันในรถทั้งคืน เพราะเห็นเขาลูบต้นคออยู่บ่อย ๆ “ถ้าไม่ไหวก็เตียงตรงนั้นนะคุณ” หันกลับมาบอกเขาก่อนจะเดินหายเข้าไปในครัวพร้อมกับเสียงถ้วยชามที่ดังขึ้น “มีใครอยู่ไหมครับ ผมเป็นตำรวจ บ้านข้าง ๆ แจ้งว่าพวกคุณเสียงดังครับ” ชายในเครื่องแบบถือวิสาสะเดินเข้ามา “สวัสดีค่ะ คุณตำรวจ” จินผิงออกมารับหน้า พร้อมกับสังเกตอีกฝ่ายไปด้วย เพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะเป็นตำรวจอย่างที่พูดหรือเปล่า สิ่งที่โจเยว่บอกมันทำให้เธอต้องคิดหนัก “อยู่คนเดียวเหรอ” ถามเสียงอ่อนโยน จินผิงมัวแต่คิดและมองสำรวจอีกฝ่าย เลยไม่ทันระวังตัว คนตรงหน้าก็ชกเข้าที่ท้องซะแล้ว ร่างเล็กทรุดร่วงลงพื้นทันที เธอนอนกุมท้องด้วยความเจ็บปวด อยากจะร้องก็ร้องไม่ออก ‘นี่เราโดนอีกแล้วเหรอ’ ​​​​​​#ชะตาขาดแล้วบักคนร้าย มีผีนอนอยู่ในบ้านไม่รู้เหรอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม