บทที่ 2.1

1199 คำ
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก… มัทนาลัยรออยู่เพียงช่วงอึดใจ ร่างท้วมของหญิงวัยสี่สิบแปดปีก็มาเปิดประตูให้เธอ หญิงสาวส่งยิ้มติดจะเกรงใจให้อีกฝ่าย “ขอโทษค่ะป้ากชที่หนูมารบกวน ลุงคาร์ลอสหลับแล้วเหรอคะ” มัทนาลัยถามผู้เป็นป้าอย่างกชกร สีหน้าของหญิงสาวบ่งบอกว่าเกรงใจอยู่หลายส่วน หากแต่เพราะจำเป็นจึงต้องมารบกวนในยามวิกาล “ลุงเขาหลับไปแล้วละ ว่าแต่วิวมีอะไรหรือเปล่าลูก” “คือหนูพาเดวิดมานอนที่บ้านค่ะ” “หืม เดวิด ใครกันหรือจ๊ะ” กชกรถามด้วยน้ำเสียงที่ติดจะแปลกใจอยู่สักหน่อย ปกติมัทนาลัยไม่เคยพาเพื่อนมาค้างคืนที่บ้าน แม้กระทั่งเพื่อนสนิทกันมานานอย่างเจฟฟี่ก็ไม่เคยเลยสักครั้ง “เดวิดเขาเป็นลูกค้าที่มากินอาหารที่ร้านค่ะ แล้ววันนี้ไดแอนก็ลาป่วย หนูเลยต้องอยู่ร้านคนเดียว เดวิดเห็นว่าหนูยุ่งค่ะ เขาเลยอาสาช่วย พอดีเขายังไม่มีที่พัก หนูเลยให้เขามาพักกับเราก่อน ขอโทษจริงๆ นะคะ ที่มาบอกป้ากชทีหลัง” “ไม่เป็นไรลูก เขาอุตส่าห์มีน้ำใจกับเราน่ะ” “หนูฝากป้าบอกลุงคาร์ลอสด้วยนะคะ” “ได้จ้ะ ไว้ลุงตื่นแล้วเดี๋ยวป้าบอกให้” “งั้นหนูไม่กวนแล้วค่ะ” “จ้ะ” มัทนาลัยรอจนกชกรปิดประตูเรียบร้อย หญิงสาวจึงขยับเท้าลงไปที่ชั้นล่างเพื่อรอคนที่กำลังทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำอย่างแดเนียล มัทนาลัยนั่งรออีกฝ่ายที่ห้องนั่งเล่น มือบางหยิบรีโมททีวีขึ้นมาเปิดดูรายการต่างๆ ก่อนจะหยุดหน้าจอที่ซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนเรื่องหนึ่ง หญิงสาวดูซีรีส์เรื่องดังกล่าวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผ่านไปราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมง เสียงทุ้มก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของเธอ “เรียบร้อยแล้วครับ” มัทนาลัยลุกจากโซฟาแล้วขยับเท้าไปหาแดเนียลที่ยืนอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มสวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มบางๆ ตอนที่เห็นหญิงสาวขยับเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางติดประหม่า และเขาก็พอใจที่มันเป็นแบบนั้น มัทนาลัยเผลอสูดความหอมจากกลิ่นครีมอาบน้ำที่ผสมกับกลิ่นกายของชายหนุ่มที่เธอเองก็ไม่อาจอธิบายได้ว่ามันเป็นกลิ่นแบบใด รู้เพียงแต่ว่ามันให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด หญิงสาวเก็บอาการแปลกๆ เอาไว้ในอก ก่อนจะหยุดเท้าตรงหน้าเขา “เดี๋ยวฉันพาขึ้นไปที่ห้องนะคะ” มัทนาลัยพาแดเนียลมาที่ห้องพักซึ่งเป็นห้องที่อยู่ถัดไปจากห้องของเธอ แม้ว่ามันจะไม่ได้กว้างขวางมากนัก แต่อากาศก็ถ่ายเทสะดวก ซึ่งนั่นไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับแดเนียล “พอจะนอนได้ไหมคะ” มัทนาลัยถามตอนที่แดเนียลเอากระเป๋าไปไว้ที่ปลายเตียง ใบหน้าคมเข้มหันมามองดวงหน้ารูปไข่ ตรงมุมปากของชายหนุ่มปรากฏรอยยิ้มบางๆ “ได้ครับ ไม่มีปัญหา ขอบคุณนะครับ” “ถ้างั้นก็พักผ่อนตามสบายนะคะ ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน แล้วจะเข้านอนเหมือนกัน อ่อ ถ้ามีปัญหาอะไร ไปเรียกฉันที่ห้องได้เลยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ห้องฉันอยู่ติดกับห้องคุณ” “ครับ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับ มัทนาลัยจึงเดินจากไป แดเนียลมองตามแผ่นหลังบอบบางไปจนลับสายตา รอยยิ้มอ่อนโยนเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่รู้ตัว มัทนาลัยก้าวออกมาจากห้องน้ำเห็นแดเนียลนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น คิ้วสวยที่พาดเหนือดวงตากลมโตทั้งสองข้างยกขึ้นสูงอย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอไปส่งเขาที่ห้องนอนแล้ว แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงได้มานั่งอยู่ตรงนั้น แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินไปหาคนที่กำลังนั่งพิงแผ่นหลังกว้างกับโซฟา “นอนไม่หลับเหรอคะ” มัทนาลัยถามตอนที่หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอีกตัว ดวงตาคู่สวยสบกับนัยน์ตาสีดำสนิท เรียวปากอวบอิ่มคลี่ยิ้มบางๆ มองใบหน้าหล่อเหลาอย่างรอคอยคำตอบ “ก็นิดหน่อยครับ พอดีผมไม่ค่อยชินกับอากาศออกจะร้อนไปหน่อยแบบนี้สักเท่าไร” “ถ้าให้ฉันเดาคุณคงมาจากนิวยอร์กใช่ไหมคะ” “ใช่ เอ่อ ไม่ใช่ครับ ผมมาจากวอชิงตัน” “อ้าว ฉันเดาผิดหรือคะเนี่ย” มัทนาลัยยิ้มอย่างเก้อเขิน “แต่สภาพอากาศทั้งสองรัฐก็ไม่ได้แตกต่างกันนักหรอกครับ มันก็...คล้ายๆ กัน” “ถ้างั้นไปนั่งรับลมข้างนอกดีไหมคะ เดี๋ยวฉันไปนั่งเป็นเพื่อน” เพราะเห็นอีกฝ่ายนอนไม่หลับ ในฐานะเจ้าบ้าน มัทนาลัยจึงไม่อาจปล่อยผ่านได้ ดวงตากลมโตมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างรอคอยคำตอบ และแดเนียลเองก็ไม่ปฏิเสธ เพราะมันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ มุมปากหยักกระตุกยิ้ม ก่อนจะลุกตามหญิงสาวออกไปด้านนอก มัทนาลัยพาแดเนียลมาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ห่างจากตัวบ้านราวๆ ร้อยเมตร ตรงตำแหน่งนั้นมีชิงช้าที่ตัวม้านั่งทำมาจากไม้ ใช้โซ่เป็นสายห้อยชิงช้าอยู่ตัวหนึ่ง หญิงสาวพาแดเนียลไปนั่งที่ชิงช้าตัวดังกล่าว ทั้งคู่นั่งลงโดยเว้นระยะห่างระหว่างกันพอประมาณ เมื่อต่างคนต่างเงียบ เพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกอึดอัด มัทนาลัยจึงเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนา “คุณบอกว่าคุณเป็นลูกครึ่งไทยอเมริกันใช่ไหมคะ งั้นเรามาคุยกันด้วยภาษาไทยดีไหมคะ” “...” คิ้วหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีถูกยกขึ้นสูง นั่นทำให้มัทนาลัยเข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายคงกำลังแปลกใจ “คืออย่างนี้ค่ะ ฉันมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่ตอนอายุสิบห้าปี คุณป้าของฉันเป็นคนไทยก็จริง แต่เป็นเพราะลุงคาร์ลอส สามีของป้าเป็นคนที่นี่ และท่านก็ใช้ภาษาสเปนในการสื่อสาร เพราะฉะนั้น ฉันเลยไม่ค่อยได้ใช้ภาษาไทยสักเท่าไร ไม่ใช่ค่ะ ฉันหมายถึงฉันไม่ได้ใช้ภาษาไทยมาประมาณสิบปีได้แล้วค่ะ” ในรัฐเท็กซัส ประชากรกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาหลัก เพราะประชากรบางส่วนอพยพมาจากเม็กซิโก จึงไม่แปลกที่บางคนอาจจะพูดภาษาอังกฤษแบบอเมริกันไม่ได้เลย “เอ่อ ลืมไปเลยค่ะ ฉันยังไม่ได้ถามคุณเลยว่าคุณพูดภาษาไทยได้หรือเปล่า เพราะบางทีคุณอาจจะเกิดและโตที่อเมริกา อาจจะพูดภาษาไทยไม่ได้ ฉันนี่แย่จัง” “ไม่เป็นไรครับ ผมพูดไทยได้” คราวนี้แดเนียลตอบอย่างฉะฉานด้วยภาษาไทย นั่นทำให้มัทนาลัยยิ้มออกมาได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม